กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 589
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคำสาปโลหิตนั้นมีความร้ายแรงมากเพียงใด?”
“หากผู้ชายถูกคำสาปโลหิตจะสูญเสียสติและจำญาติพี่น้องไม่ได้อีกเลย เขาจะฆ่าญาติพี่น้องอย่างบ้าคลั่ง ฆ่าแม้แต่คนรักและคนใกล้ชิดไปหมด นอกจากนี้ในร่างกายของพวกเขายังมีพลังแห่งการกัดกร่อนทำลายระบบในร่างกายของพวกเขา และสุดท้ายก็เน่าและตายไปจากภายในสู่ภายนอก”
“เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่โหดร้ายทุกข์ทรมานที่สุด สิ่งที่โหดร้ายที่สุดก็คือหลังจากมีสติฟื้นขึ้นมาแล้วและเห็นคนรักของตัวเองต้องตายลงภายใต้เงื้อมมือของตัวเอง ความโกรธเกลียดตัวเอง ความสำนึกผิดและความทุกข์ทรมาน เช่นนั้นจะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต ทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของตัวเอง”
“ส่วนผู้หญิงกระดูกจะค่อยๆ หักทีละเล็ก ทีละน้อย ร่างกายราวกับถูกกรีดแทงด้วยมีดนับพันนับหมื่นเล่ม ที่กรีดเฉือนพวกนาง…… กระดูกที่แตกหักนั้น ต้องรอถึงยี่สิบกว่าวันถึงจะงอกออกมาใหม่ เมื่องอกออกมาแล้วก็เริ่มแตกหักอีกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่จบไม่สิ้น ภายใต้วงจรที่ชั่วร้ายนี้ ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นนี้มีความโหดร้ายมากกว่าการลงโทษทุกประเภทบนโลกใบนี้ แต่พวกนางจำเป็นต้องยอมรับชะตากรรมนี้ตั้งแต่วันที่พวกนางลืมตาขึ้นบนโลกใบนี้”
“เพราะคำสาปโลหิตไม่ได้หายไปพร้อมกับการตายหรือการเกิด แต่มันจะตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นไปเช่นนี้นับพันนับหมื่นปี”
ทุกคำพูดที่กู้ชูหน่วนพูดออกมา เสียงของนางนั้นสะอึกสะอื้น
สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ซีดเซียวและดูสงบ แต่หัวใจของเขากลับปั่นป่วน
เขารู้มาตลอดว่าคำสาปโลหิตมีความชั่วร้าย แต่เป็นความชั่วร้ายเช่นไรนั้น เขาไม่เคยรู้มาก่อน
ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่ปลูกฝังเขามาตลอดก็คือ จักรพรรดิรัฐอวี้มีความเจ้าเล่ห์และทำร้ายรัฐเฉินก่อน
จากนั้นรัฐเฉินจึงจำเป็นต้องสาปคำสาปโลหิตนี้ออกไป
หลายปีมานี้ ประชาชนในเผ่าหยกจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเข่นฆ่าไร้ความปรานี
มุมปากของเหวินเส่าอี๋กระตุก แต่เขากลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมา
ไม่ว่าสิ่งที่กู้ชูหน่วนพูดมาจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตเมื่อพันกว่าปีมาแล้ว
บรรยากาศเริ่มเงียบสงัดขึ้นอีกครั้ง
หิมะตกลงมากระทบพวกเขา
ลมหนาวก็พัดมากระทบยังร่างกายของพวกเขา
ท่ามกลางอากาศที่ติดลบสิบกว่าองศา ทำให้สิ่งมีชีวิตบนยอดภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะเกือบทั้งหมดหายไป
แต่ความหนาวเหน็บในใจของพวกเขา กลับเหน็บหนาวกว่าร่างกายนับพันนับหมื่นเท่า
“เจ้าควรจะดีใจที่เจ้าได้เจอข้า อ่ะ……”
กู้ชูหน่วนโยนกระดูกกระต่ายย่างในมือและปัดเกล็ดหิมะในมือ ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อยและเตรียมเข้าไปยังธารน้ำแข็ง
เหวินเส่าอี๋พูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “เจ้าแน่ใจหรือว่ารวบรวมไข่มุกมังกรครบทั้งเจ็ดเม็ดแล้วจะสามารถถอนคำสาปได้?”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”
ไม่รู้ว่าภายในเขตขั้วโลกเหนือจะมีอันตรายมากน้อยเพียงใด เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังถูกเข็มทองปิดกั้นเส้นลมปราณ การพาเขาเข้าไปด้วย ก็เหมือนเป็นการพากระป๋องสีที่ประโยชน์เข้าไป
วงแหวนอวกาศหากใส่สิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วก็ยังพอได้ แต่หากใส่สิ่งมีชีวิตที่ยังหายใจได้……
เกรงว่าตอนที่เอาออกมาจะกลายเป็นศพไปเสียแล้ว
กู้ชูหน่วนรู้สึกคิดไม่ตก
เหตุใดนางถึงคิดพาเหวินเส่าอี๋มายังขั้วโลกเหนือด้วยนะ?
นางคิดอยากจะมัดเขาเอาไว้ แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกไม่เหมาะสม
ไม่รู้ว่านางต้องเข้าไปนานแค่ไหน หากเหวินเส่าอี๋หิวตายหรือหนาวตาย หรืออาจถึงขั้นมีสัตว์ประหลาดออกมาและกินเขาเข้าไปล่ะ
หลังจากพิจารณาไตร่ตรองแล้ว กู้ชูหน่วนจึงพูดขึ้นมาว่า “วิชายาพิษของข้า คาดว่าเจ้าก็น่าจะพอรู้อยู่บ้าง เจ้าถูกยาพิษของข้า หากไม่มียาถอนพิษสูตรลับของข้า เกรงว่าต่อให้ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพลิงฟ้ามาก็ไร้ประโยชน์”
“วางใจได้ ข้าไม่หนีไปไหนหรอก”
“พูดกับคนฉลาด ก็ลดความเหนื่อยไปได้หน่อย”
“ฝีมือการต่อสู้ของเจ้าต่ำเกินไป ภายในนั้นนอกจากมังกรน้ำแข็งฝีมือระดับเจ็ดแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไรอีก การจะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ ไม่ใช่วิธีการที่ดีเลย”
กู้ชูหน่วนไม่พูดอะไร แต่ท่าทางของนางแน่วแน่ นางสูดหายใจลึกและก้าวเท้าเข้าไปยังทางเข้าขั้วโลกเหนือ
และในขณะเดียวกัน รัศมีอาฆาตก็พุ่งเข้าหานาง
ความเร็วนั้นราวกับสายฟ้า พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าของนาง
กู้ชูหน่วนหลบด้วยสัญชาตญาณ แต่กลับพบว่ารอบๆ ของนางถูกปกคลุมไปด้วยเกราะรัศมีอาฆาตอย่างหนาแน่น
เป็นรัศมีอาฆาตที่แข็งแกร่งมาก แต่นางและเหวินเส่าอี๋กลับไม่ทันได้ระวังตัว
“ระวัง……”
เหวินเส่าอี๋ตะโกนออกไป เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือ แต่เมื่อขยับร่างกายของเขาก็เจ็บปวดจนถึงกระดูกดำ กำลังภายในทั้งหมด ไม่แม้แต่จะรวบรวมได้เลยสักนิดเดียว
เขาทำได้เพียงมองกู้ชูหน่วนตกอยู่ในอันตรายถึงตาย
ร่างกายของกู้ชูหน่วนราวกับแข็งทื่อ ไม่ว่านางจะขยับอย่างไรก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวขยับเขยื้อนได้เลย
อีกฝ่ายเป็นนักฆ่า อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือระดับสูงที่เชี่ยวชาญในการหลบซ่อน
ยอดฝีมือเช่นนี้ จะเหลือเวลาให้กู้ชูหน่วนได้อย่างไร
มีดและดาบนั้นพุ่งตรงไปยังตรงกลางของหัวใจนาง กู้ชูหน่วนยังไม่ทันจะตั้งตัว
กู้ชูหน่วนเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก
ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนรวบรวมพละกำลังจากไหน นางเพิ่มพละกำลังในพริบตาและทำลายขีดจำกัดของตัวเอง นางค่อยๆ หันกลับไป
“ซี๊ด…….”
“ตุ่บ……”
มีดที่พุ่งมาอย่างแม่นยำ เพราะนางหันตัวหลบ จึงไม่ได้ปักทิ่มเข้าไปยังหัวใจของนาง แต่กลับทิ่มแทงเข้าไปยังไหล่ของนาง
ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากไหล่ที่ถูกมีดปัก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าแปลกก็คือ เลือดสีแดงสดถูกน้ำแข็งปกคลุมทันทีหลังจากที่ไหลออกมาเล็กน้อย
จนทำให้ร่างกายของกู้ชูหน่วนสั่นสะท้านจากความหนาวเย็น ราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี
อีกฝ่ายถือมีดทางซ้ายและถือดาบทางขวา เมื่อมีดและดาบผสมผสานรวมตัวกัน จึงทำให้เกิดความเป็นเลิศและความเร็วก็ถึงขีดสุด แต่ละกระบวนท่าพุ่งเข้ามายังจุดสำคัญของร่างกายนาง
กู้ชูหน่วนเริ่มกังวล
นางไม่ค่อยได้พบเจอหรือประลองกับยอดฝีมือเช่นนี้ ต่อให้เคยประลองกับหวางเฟิงหวางอวี่และรวมไปถึงซ่งอวี้ของเผ่าเพลิงฟ้า ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเปลืองพลังเช่นนี้
นางไม่ได้สนใจบาดแผลและไม่รู้ถึงผู้มาเยือน นางทำได้เพียงหลบซ้ายทีขวาที
หากไม่ใช่เป็นเพราะวิชาตัวเบาที่เป็นเลิศของนาง เกรงว่านางคงตายลงเพราะดาบและมีดนั้นไปแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายของกู้ชูหน่วนก็ถูกเชือดเฉือนไปไม่น้อย
ทุกครั้งที่ถูกมีดและดาบฟันลงไป เลือดในร่างกายของกู้ชูหน่วนก็จับตัวเป็นก้อน
“เจ้าคือใคร เหตุใดถึงต้องการฆ่าข้า?”
ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด กู้ชูหน่วนเห็นผู้ที่มาสังหารนางคือชายคนหนึ่งที่ปกปิดใบหน้า
ชายคนนั้นอายุไม่มากนักและดวงตาของเขาเย็นชาจนไร้อุณหภูมิ ราวกับเป็นผีร้ายที่คืบคลานออกมาจากนรกที่น่าหวาดกลัว
ชายที่ปกปิดใบหน้าไม่ตอบคำถามของนาง แต่กลับเร่งความเร็วขึ้น
“ฉับ……”
มีดที่สับลงไปและดาบที่ฟันลงไป
จู่โจมจนกู้ชูหน่วนไม่มีโอกาสชักดาบออกมาเลยด้วยซ้ำ
เหวินเส่าอี๋รีบพูดออกไป “เขาคือร่างไร้วิญญาณ มีความเชี่ยวชาญด้านการลอบสังหาร เจ้าระมัดระวังตัวให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามให้มีดและดาบของเขาทำอันตรายใดๆ ต่อเจ้าได้”
เหลวไหล
นางไม่ใช่คนโง่
เหตุใดถึงดูไม่ออกว่าเป็นนักฆ่า
และนางก็รู้ว่ามีดและดาบของชายคนนี้ไม่ธรรมดา
หลังจากที่ถูกฟันเข้า เลือดของนางเกือบจะจับตัวเป็นก้อนแล้ว และทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางต้องจบชีวิตลงที่นี่แน่ๆ
“ซือ……”
แขนของนางถูกฟันอีกหนึ่งบาดแผล
กู้ชูหน่วนรู้สึกหวาดกลัว หากไม่ใช่เป็นเพราะความโกรธโมโหของนางที่ต้องการรับการจู่โจมและเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน เช่นนั้นแล้วดาบนี้คงปักเข้าไปยังหัวใจของนางแน่ๆ
ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงมีศิลปะการต่อสู้สูงเท่านั้น การเคลื่อนไหวของเขาก็รวดเร็ว อีกทั้งแต่ละกระบวนท่าของเขาก็เป็นกระบวนท่าสังหารโหด โดยไม่คิดปล่อยให้นางมีชีวิตรอดออกไปได้เลย
“ต่อให้เจ้าต้องการให้ข้าตาย เช่นนั้นก็ให้ข้าตายอย่างเข้าใจสิ”
สิ่งที่ตอบกู้ชูหน่วนมาก็คือการพุ่งจู่โจมที่หนักหนาขึ้นเรื่อยๆ
มือสังหารชุดดำยิ่งต่อสู้ยิ่งดุเดือดขึ้น มีดและดาบเพิ่มความคล่องตัวขึ้น
กู้ชูหน่วนยิ่งต่อสู้ยิ่งเชื่องช้าและมีหลายครั้งที่แทบจะจบชีวิตลง
เหวินเส่าอี๋กัดฟันกรอดและฝืนลุกขึ้นยืน
เขาไม่มีวิทยายุทธ ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้การเคลื่อนไหวของเขาเพื่อทำให้รอดพ้นจากการเอาชีวิตได้
“กู้ชูหน่วน รีบปลดเข็มทองออกไป ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องจบชีวิตลงที่นี่อย่างแน่นอน”
กู้ชูหน่วนกัดฟันและฝืนพยายาม จากนั้นจึงกล่าวว่า “ปลดเข็มทองออกไปไม่ได้ ข้ามีเขาเป็นศัตรูเพียงคนเดียว แต่หากเข็มทองถูกปลดออก เช่นนั้นศัตรูของข้าจะเพิ่มเป็นสองคน”
อีกอย่าง นางจะเอาเวลาที่ไหนมาปลดเข็มทองให้เขา?
การเคลื่อนไหวของมือสังหารชุดดำรวดเร็วเช่นนี้ นางไม่มีเวลาแม้แต่จะเหนื่อยหอบเลยด้วยซ้ำ