กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 599
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะเย้ย “ข้าก็คิดว่าเคล็ดลับอะไร ที่แท้ก็เอาชีวิตของลูกศิษย์ลูกหามายืดอายุของตัวเอง เชอะ ตาเฒ่า เจ้าช่างไร้ยางอายเสียเหลือเกิน หากเรื่องนี้แพร่ไปยังเผ่าเพลิงฟ้า เจ้าคิดว่า เจ้ายังมีคุณสมบัติในการเป็นผู้อาวุโสสูงอีกอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัวและมีรังสีสังหารที่เยือกเย็นในดวงตาที่เย็นชาของเขา
“พวกเจ้าโชคดีมากที่ต้องตายในเงื้อมมือของข้า”
“ข้ากู้ชูหน่วนยอมได้ทุกอย่างแต่ข้าไม่มีทางยอมเสียเปรียบ ตาเฒ่า ถึงเวลาไปลงนรกของเจ้าแล้ว เจ้าอายุมากปูนนี้แล้วยังไม่รีบไปลงนรก เช่นนั้นจะให้คนอื่นมีที่ยืนได้อย่างไร”
“ให้ทางเลือกพวกเจ้าสองทาง หนึ่งส่งไข่มุกมังกรมาให้ข้าและข้าจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า สอง คาถาเวทมนตร์ของเผ่าเพลิงฟ้าจะทำให้พวกเจ้าเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้”
“ข้ากลัวเหลือเกิน คาถาเวทมนตร์ ร้ายกาจมากใช่หรือไม่? ข้าชักอยากจะเห็นเหลือเกิน”
เยี่ยจิ่งหานค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าของนาง โดยแยกนางออกจากสายตาของผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ย
“เจ้าถอยไป ข้าจัดการเอง”
“ก็ได้ ท่านจัดการก็ได้”
เมื่อกู้ชูหน่วนพูดจบ นางก็กวาดสายตาไปรอบๆ หลังจากมั่นใจได้ว่าบริเวณโดยรอบไม่มีรองหัวหน้าเผ่าซือคงอยู่ จากนั้นนางจึงวิ่งหนีออกไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้า โดยไม่สนใจความปลอดภัยของเยี่ยจิ่งหานเลย
การกระทำของนาง ไม่เพียงทำให้เยี่ยจิ่งหานตกตะลึงเท่านั้น แต่ก็ทำให้ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยสับสน
ผู้หญิงคนนี้……
นางเห็นว่าภูมิศาสตร์ของที่นี่ไม่ดี จึงหลบหนีไปอย่างนั้นหรือ?
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยตอบสนองอย่างรวดเร็ว
หรือไข่มุกมังกรอาจจะอยู่กับกู้ชูหน่วน
เขาเขย่งเท้าขึ้นเพื่อต้องการจะไล่ตามกู้ชูหน่วนไป เยี่ยจิ่งหานจึงยกขลุ่ยหยกขาวขึ้นมาเป่า เมื่อขัดขวางการไปของเขา
“ต้องการจะไล่ตามนางไป เจ้าต้องผ่านด่านของข้าไปก่อน”
“เยี่ยจิ่งหาน นางทิ้งเจ้าไปแล้ว นางทำเพื่อช่วยชีวิตของนางและทิ้งเจ้าไว้ที่นี่”
“นั่นก็เป็นเพราะข้ายินยอม”
เยี่ยจิ่งหานไม่เชื่อเด็ดขาดว่ากู้ชูหน่วนจะทิ้งเขาไว้ที่นี่จริงๆ
ต่อให้นางทิ้งเขาไว้ที่นี่จริง เขาก็ไม่โทษนาง
“เจ้าโง่ เช่นนั้นข้าจะทำตามความปรารถนาของเจ้า จากนั้นค่อยตามไปฆ่านาง”
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยยกมือขึ้นและก้อนน้ำแข็งในถ้ำน้ำแข็งราวกับมีตา มันพุ่งเข้าไปยังเยี่ยจิ่งหานอย่างบ้าคลั่ง
มุมปากของเยี่ยจิ่งหานยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดุร้าย นิ้วมือที่เรียวยาวและขาวสะอาดของเขาจับอยู่ที่ขลุ่ยหยกขาว ริมฝีปากที่เยือกเย็นเป่าไปยังขลุ่ยหยกขาว ราวกับเพลิดเพลินอย่างมากในการเป่าบรรเลงออกมาอย่างแผ่วเบา
เสียงขลุ่ยดังขึ้นช้าๆ ราวกับน้ำพุที่สดชื่น ก้อนน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งราวกับถูกสะกดและไม่เคลื่อนไหวเข้าไปข้างหน้าอีก
แววตาของผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยดุร้ายและปล่อยกำลังภายในออกไป ก้อนน้ำแข็งที่ถูกสะกดหยุดนั้นแตกกระจายจนเป็นเสี่ยงๆ และกระเด็นไปยังเยี่ยจิ่งหาน
เมื่อเสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ก้อนน้ำแข็งชิ้นเล็กๆ เปลี่ยนเป็นน้ำเย็น ตกกระทบลงพื้น จากนั้นเปลี่ยนรูปร่างเป็นเกล็ดหิมะ
เกล็ดหิมะปลิวพลิ้วไหวและเต้นรำอยู่กลางอากาศ ราวกับเหล่านางฟ้ากำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน
เมื่อเสียงขลุ่ยบรรเลงและการฟังอย่างแนบเนียนลึกซึ้ง ทำให้ผู้คนผ่อนคลายจากความระมัดระวัง เหมือนอยู่ในทะเลเมฆและหมอก
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยไม่กล้าฟังเสียงขลุ่ยของเยี่ยจิ่งหาน
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า เสียงสังหารของเยี่ยจิ่งหานนั้นเป็นที่เลื่องลืออย่างมากในโลกใบนี้
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับใด เพียงแค่ได้สดับรับฟังเสียงขลุ่ยของเขาแล้ว เช่นนั้นแล้วจะถูกเอาชีวิตไปอย่างไม่รู้สึกตัว
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยใช้สิ่งของอุดหูของตัวเอง และใช้กำลังควบคุมก้อนน้ำแข็งเพื่อจู่โจมเยี่ยจิ่งหานอย่างไม่หยุดยั้ง
น่าเสียดายที่ก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรเยี่ยจิ่งหานได้เลย มันต่างตกลงพื้นด้วยระยะห่างจากเยี่ยจิ่งหานประมาณหนึ่งเมตร
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยพึมพำคาถา เพื่อต้องการใช้เวทมนตร์คาถากำจัดเขา
เสียงขลุ่ยของเขายังคงดังอย่างต่อเนื่องในหูของเขา
เสียงขลุ่ยยิ่งเป่ายิ่งโศกเศร้า เห็นได้ชัดว่าเขาอุดหูอยู่ แต่ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยรู้สึกเจ็บปวดมาก ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรและน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมา
พลังและวิทยายุทธในตัวเขาก็ค่อยๆ สลายไปทีละน้อย รวมไปถึงเวทมนตร์คาถาของเขา
เงียบสงัด……
ในถ้ำน้ำแข็งเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงขลุ่ยที่ยังคงเป่าอยู่
ดวงตาที่มึนเมาของเยี่ยจิ่งหานเปิดขึ้น ท่วงทำนองเปลี่ยนไป และเสียงแห่งการสังหารก็ดังขึ้น
เพลงไพเราะกลายเป็นเพลงสังหาร และทุกท่วงทำนองก็เพียงพอที่จะกำจัดยอดฝีมือที่ต่ำกว่าระดับสี่ให้จบชีวิตลงได้
และเพียงพอที่จะเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นสนามรบที่นองเลือด
ในช่วงเวลาเดียวกับที่เล่นเพลงสังหาร ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยที่ตกอยู่ในความมึนงงไร้สติก็ตื่นขึ้น เขารวบรวมพลังขวาและมนุษย์โครงกระดูกนับสิบหันไปทางเยี่ยจิ่งหานเพื่อจัดการ
ท่วงทำนองเกล็ดหิมะของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนไปทันที กลับกลายเป็นโคนน้ำแข็งและพุ่งไปยังมนุษย์โครงกระดูก
มนุษย์โครงกระดูกตัวสั่นสะท้านเล็กน้อยและถอยหลังไปสองสามก้าว
โคนน้ำแข็งไม่โดนตัวของมนุษย์โครงกระดูกและหายไป
ในการต่อสู้นี้ มนุษย์โครงกระดูกมีความได้เปรียบเล็กน้อย
ไม่นาน ทำนองดนตรีก็กลายเป็นระเบิดสังหารไปยังมนุษย์โครงกระดูก ซึ่งคงกระพันต่อดาบและปืน มนุษย์โครงกระดูกที่เป็นอมตะถูกโจมตีด้วยเสียงบรรเลงขลุ่ยและพวกมันทั้งหมดก็พังทลายลง
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยสวดเวทมนตร์คาถา จากนั้นมนุษย์โครงกระดูกกลับมารวมร่างอีกครั้ง และพุ่งไปยังเยี่ยจิ่งหาน
เสียงท่วงทำนองของเยี่ยจิ่งหานทำการกำจัดพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเขาก็ยังสามารถกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน วนเป็นวัฏจักรเช่นนี้ไม่จบสิ้น
“กร่อก แกร่ก……”
มนุษย์โครงกระดูกราวกับสามารถเพิ่มจำนวนได้ จากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปด แปดเป็นสิบหก……
ไม่นาน ถ้ำน้ำแข็งก็เต็มไปด้วยมนุษย์โครงกระดูกที่มีรอยยิ้มอันชั่วร้าย
แม้แต่บนกำแพงน้ำแข็งก็เป็นมนุษย์โครงกระดูก
เป้าหมายของมนุษย์โครงกระดูกเหล่านี้นั้นชัดเจนมาก นั่นก็คือการสังหารเยี่ยจิ่งหาน
เยี่ยจิ่งหานเป่าขลุ่ยและยิ้มไปพร้อมกัน
เมื่อเสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป น้ำแข็งที่ตกลงพื้นก็กลับกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็งจำนวนมาก ไม่น้อยไปกว่ามนุษย์โครงกระดูกเลย
มนุษย์โครงกระดูกและมนุษย์น้ำแข็งต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยมองไปยังเยี่ยจิ่งหานด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่แปลกที่เผ่าเพลิงฟ้าเห็นว่าเจ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจที่นอกเหนือจากเผ่าหยก เยี่ยจิ่งหาน นับว่าเจ้าคู่ควรแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยคิดไม่ถึงเลยว่า เยี่ยจิ่งหานที่มีฝีมือระดับห้าและยังบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ยังสามารถต่อสู้กับเขาและมีพละกำลังมากมายเช่นนี้
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมังกรน้ำ แต่ฝีมือระดับหกและฝีมือระดับห้านั้น พละกำลังก็ต่างกันอย่างมาก
เยี่ยจิ่งหานค่อยๆ ปล่อยขลุ่ยหยกขาวและไม่เป่าต่อไป แต่มนุษย์น้ำแข็งเหล่านั้นกลับไม่ละลาย และยังคงต่อสู้กับมนุษย์โครงกระดูกต่อไปได้
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะอย่างเย็นชา “ขอบคุณสำหรับคำชม อยู่ในยุทธภพ มีใครบ้างที่ไม่เตรียมผู้ช่วยเอาไว้ ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยก็เตรียมผู้ช่วยเอาไว้มากไม่ใช่หรือ”
เขาหมายถึงบางสิ่ง
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยตกใจและดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
“เยี่ยจิ่งหาน ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้มากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ควรปล่อยเจ้าไว้”
ผู้อาวุโสสูงไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป เขาพึมพำเวทมนตร์คาถาและสถานการณ์เปลี่ยนไปในทันที
จากนั้นมนุษย์น้ำแข็งของเยี่ยจิ่งหานก็ค่อยๆ ตายลงอย่างช้าๆ
มนุษย์โครงกระดูกดูเหมือนจะมีแรงแม่เหล็ก หลอมรวมกันเป็นโครงกระดูกขนาดมหึมา
อุณหภูมิในถ้ำน้ำแข็งลดลงเรื่อยๆ
เขาสามารถใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดได้ตลอดเวลา เพื่อกักขังจิตวิญญาณของเยี่ยจิ่งหาน
“ตู๊ม……”
ยังไม่ทันที่ผู้อาวุโสสูงจะร่ายคาถากักขังวิญญาณออกมาสำเร็จก็ได้ยินเสียงทหารและม้าศึกนับพันนับหมื่นวิ่งพุ่งเข้ามาที่พวกเขา
เสียงพลังกองทัพมหึมาที่โถมเข้าใส่ ทำให้พื้นน้ำแข็งในถ้ำน้ำแข็งสั่นสะเทือนเสียงดังกึกก้อง และพลังของมันก็ไม่น้อยไปกว่ามังกรน้ำฝีมือระดับเจ็ดเลยสักนิด
สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไป เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็เห็นฝูงหมาป่าหิมะ เสือดาวหิมะ แมงมุมพิษหลากสีและอื่นๆ อีกมากมายวิ่งเข้าหา แต่ละตัวล้วนดุร้ายและอ้าปากพร้อมเขมือบ
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยจำเป็นต้องถอนเวทมนตร์ออกและเผชิญหน้ากับอสูรร้ายตรงหน้าเพื่อความอยู่รอด
เสียงทำนองขลุ่ยของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนไปและกำลังคิดจะใช้เสียงสังหารขัดขวางอสูรร้ายเหล่านั้น มือขวาของเขาถูกดึงและเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบหนีไปอีก”