กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 603
“ข้าก็ไม่หนาว”
เยี่ยจิ่งหานกดมือเล็กๆซึ่งเย็นยะเยือกของกู้ชูหน่วนและสวมเสื้อคลุมไว้บนร่างกายของกู้ชูหน่วนเอาไว้แน่น
กู้ชูหน่วนหัวเราะคิกๆคักๆ “ท่านว่าตอนนี้พวกเราดูเสมือนเป็นคู่รักยามทุกข์หรือไม่”
“เหมือน”
เยี่ยจิ่งหานยิ้มอ่อนๆ
เขาชอบคำว่าคู่รักยามทุกข์สี่คำนี้
การเดินทางไปขั้วโลกเหนือนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก แต่ว่าสามารถอยู่ตามำพังกับนางได้นานเช่นนี้ทุกสิ่งทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว
“ใช่แล้ว เหตุใดจู่ๆตอนหลังมังกรวารีระดับเจ็ดถึงได้หันกลับไปโจมตีรองหัวหน้าเผ่าซือคง?”
กู้ชูหน่วนด้านหนึ่งผิงไฟอีกด้านหนึ่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “นี่ก็ได้เรียนรู้มาจากท่านไง ท่านแยกกลิ่นของไข่มุกมังกรและสร้างไข่มุกมังกรปลอมมาหลอกพวกเขา แล้วข้าจะไม่สามารถใช้ยาแยกกลิ่นไอของไข่มุกมังกรแล้วก็มอบไข่มุกมังกรปลอมให้กับเขาได้หรือ”
เยี่ยจิ่งหานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แม่สาวผู้นี้ก็ช่างกล้าได้กล้าเสียจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางใช้วิธีการใดซ่อนไข่มุกมังกรปลอมไว้ในแขนเสื้อของรองหัวหน้าเผ่าซือคงโดยที่เขาไม่ได้สังเกตและรองหัวหน้าเผ่าซือคงเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน
“ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยถูกอสุรกายดุร้ายกัดจนตายทั้งที่ยังมีชีวิต ท่านว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงจะถูกมังกรวารีทรมานจนตายทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นะ?”
ไม่รอให้เยี่ยจิ่งหานได้กล่าวก็ได้ยินเพียงเสียงโมโหที่จู่ๆก็ดังขึ้น
“ต้องการให้ข้าตายพวกเจ้ายังไม่มีความสามารถนี้หรอก”
ทั้งสองคนหันข้างศีรษะไปในทันทีกลับเห็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงซึ่งได้รับบาดเจ็บและยังคงตัวตรงจ้องมองพวกเขาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตาเขม็ง
สายตาอันโหดเหี้ยมนั้นแฝงด้วยไอสังหารแดงเดือดซึ่งทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้
กู้ชูหน่วนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านผู้เฒ่าเจ้าช่างดวงแข็งยิ่งนัก เผชิญหน้ากับมังกรวารีเพียงลำพังแล้วยังสามารถอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้”
“พวกเจ้าไม่ตายข้าจะกล้าตายได้อย่างไรกัน”
“อย่าอย่าอย่า ทำสิ่งใดก็ต้องเรียงตามลำดับ เจ้าอาวุโสกว่าพวกเรา พวกเราก็ควรให้เจ้าจัดการก่อน”
“ส่งไข่มุกมังกรมา”
ไม่รู้ว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงถูกโจมตีอันใดซึ่งไม่แม้แต่จะยินยอมพูดคุยกับกู้ชูหน่วน เอ่ยปากก็จะต้องการไข่มุกมังกรโดยตรง
แววตาของเขาไร้ความปรานีพร้อมกับเปลวเพลิงในฝ่ามือที่ยังคงแผดเผาไม่หยุด ทั้งยังยิ่งแผดเผาก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
ดูออกว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงอยากจะสังหารแล้วจริงๆ เพียงแค่กู้ชูหน่วนกล้ากล่าวคำว่าไม่ให้คำหนึ่งหรือว่าพูดจาเรื่องไร้สาระมากมายอีก รองหัวหน้าเผ่าซือคงต้องสังหารนางในทันทีทันใดเป็นแน่
เยี่ยจิ่งหานพยายามลุกขึ้นยืนโดยที่ทนกับความเจ็บปวดแล้วค่อยๆกล่าวว่า “ไข่มุกมังกรอยู่ที่ข้านี่เจ้าควรจะมาหาข้า”
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าแกล้งกล่าวว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ท่านแล้วรองหัวหน้าเผ่าซือคงจะเชื่อหรือ? ท่านดูท่านสิได้รับบาดเจ็บซะจนแม้แต่จะลุกยังลุกไม่ขึ้นให้ท่านดูแลไข่มุกมังกรผู้ใดจะมั่นใจได้ รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็ไม่ใช่คนตระหนี่เหนียวแม้ว่าเขาจะรู้ว่าไข่มุกมังกรอยู่บนตัวเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็คงจะไม่ทำให้พวกเราลำบากใจ ใช่ไหมรองหัวหน้าเผ่าซือคง”
เยี่ยจิ่งหานไอสองสามครั้งจนเกือบจะกระอักเลือดออกมาอีก
หญิงผู้นี้เต็มไปด้วยคำลวงที่ติดตัวมาหรืออย่างไรนะ?
กล่าวได้อย่างหน้าตาเฉยไม่แดงไม่ติดขัดอันใดเลย แล้วยังมีเหตุมีผลราวกับว่าควรจะเป็นเช่นนั้น
นางไปเอาความคิดแผลงๆมากมายเช่นนี้มาจากที่ใดกัน?
รองหัวหน้าเผ่าซือคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กับเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายของกู้ชูหน่วนนั้นเขาได้สัมผัสมาหลายครั้งหลายคราแล้ว
หากไม่ใช่ใช้เวทมนตร์ภคาถาเมื่อครู่เขาก็คงตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของมังกรวารีไปแล้ว
แม้ว่าจะโชคดีหนีออกมาได้แต่อาการบาดเจ็บทั้งร่างของเขา หากไม่ใช้เวลานานสามหรือห้าปี เกรงว่าจะเป็นการยากที่เขาจะฟื้นตัวได้เหมือนเก่า
ทั้งหมดนี้ต้องโทษเจ้าสารเลวกู้ชูหน่วนนั่นที่ยัดไข่มุกมังกรปลอมไว้ในตัวเขา
กู้ชูหน่วนรู้สึกว่ารัศมีการสังหารของเขาเข้มขึ้นจึงรีบกางมือออกแล้วกล่าวว่า “ไข่มุกมังกรไม่ได้อยู่ในตัวข้าจริงๆหากว่าเจ้าไม่เชื่อเจ้าสามารถค้นตัวของข้าได้ วงแหวนอวกาศของข้าก็ให้เจ้าดูได้ว่ามันไม่มีจริงๆ”
“แล้วงูตัวนั้นหล่ะ?”
“เจ้างูตะกละตะกลามตัวนั้นไปหาอาหารมื้อใหญ่กินแล้ว รอให้มันกลับมาข้าจะรีบให้มันมอบไข่มุกมังกรให้เจ้าในทันทีโดยไม่กล้ายั่วให้เจ้าโมโหและทำให้เจ้าขุ่นเคืองอีก”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง “เจ้าเด็กโสโครกเจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กอายุสามขวบให้เจ้าหลอกตามอำเภอใจได้หรือ?”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงคิดที่จะลงมือสังหารพวกเขาโดยตรงแล้วค่อยๆค้นหาไข่มุกมังกร
คิดไม่ถึงว่าถ้ำน้ำแข็งเริ่มถล่มลงมาโดยที่แม้แต่พื้นดินก็สั่นสะเทือนมากมายจนไม่สามารถยืนให้มั่นได้ราวกับแผ่นดินไหวขนาดสิบริกเตอร์
“ตูม……”
น้ำแข็งขิ้นเล็กชิ้นน้อยหนักหลายร้อยกิโลกรัมยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย ถ้ำน้ำแข็งทั้งหมดก็ได้ถล่มจากที่ไกลเข้ามาใกล้
ใบหน้าของทุกคนต่างแปรเปลี่ยนไป
โครงสร้างที่พังทลายลงมานี้ เป็นไปได้หรือว่าถ้ำน้ำแข็งทั้งหมดจะถล่มลงมาจนราบเสียแล้ว?
เหนือหุบเขาน้ำแข็งยังมีเสียงของมังกรซึ่งดังราวกับท้องฟ้าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ทุกคนมองดูมังกรวารีอย่างได้ไม่ชัดเจนนักโดยที่โจมตีถ้ำน้ำแข็งครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง ท่าทางอันดุร้ายนั้นแสดงชัดว่าต้องการพินาศไปพร้อมๆกับพวกเขา
ช่างสมควรตายนัก
รองหัวหน้าเผ่าซือคงทำอะไรกับมังกรวารีถึงได้ทำให้มังกรวารีเป็นบ้าเช่นนี้
อสุรกายดุร้ายในหุบเขาน้ำแข็งต่างหนีออกไปทีละตัวๆด้วยความกลัวราวกับก็รู้ว่าหุบเขาน้ำแข็งอันมหึมากำลังจะถูกทำลายจนสิ้นซาก
สีหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงแปรเปลี่ยนไปและไม่าสามารถสนใจกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆได้ พยายามไปให้ไกลจากหุบเขาน้ำแข็งให้ได้มากที่สุด
เยี่ยจิ่งหานฝืนลุกขึ้นยืนประคับประคองซึ่งกันและกันกับกู้ชูหน่วนและเดินกะโผกกะเผลกออกไปจากหุบเขาน้ำแข็ง
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์……เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์……”
กู้ชูหน่วนต้องการให้เสี่ยวจิ่งเอ๋อร์พาพวกเขาจากออกไปซึ่งจะรวดเร็วกว่า
อย่างไรก็ตามงูน้อยตะกละตะกลามตัวนั้นไม่รู้ว่าไปล่าอาหารที่ใดแล้วถึงไม่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกของนางเลย
“ตูม……”
น้ำแข็งก้อนใหญ่ที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องเกือบจะทับร่างพวกเขาหลายครั้ง ทางออกด้านหน้าก็ถูกก้อนหินน้ำแข็งที่ตกลงมาขวางไว้
หุบเขาน้ำแข็งมีขนาดใหญ่นักราวกับภูเขาสูงตระหง่าน ตอนนี้ยอดเขาได้ถล่มลงมาโดยตรงและพื้นที่ได้รับผลกระทบก็กว้างใหญ่เกินกว่าจะหลบหนีไปได้ในชั่วขณะหนึ่ง
“พรึ่บ……”
“ตูม……”
ก้อนหินน้ำแข็งอันกระจัดกระจายยิ่งอยู่ก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น กู้ชูหน่วนถูกกระแทกหลายครั้งหลายคราอย่างช่วยไม่ได้ ถูกกระแทกจนบนร่างนั้นมีเลือดไหล
เมื่อเยี่ยจิ่งหานเห็นเข้าก็ใช้ร่างกายของตนเองขวางก้อนหินน้ำแข็งเหล่านั้นให้นาง
“ไป เจ้าไปก่อน” เขากล่าวอย่างร้อนรน
กู้ชูหน่วนประคองเขาไม่ยอมจากไปและเดินหน้าต่อไปอย่างยากลำบาก “จะไปก็ต้องไปด้วยกัน จะอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกันพูดจาไร้สาระมากมายเช่นนี้ทำไมกัน”
“พาข้าไปพวกเราทั้งสองคนจะต้องตาย เจ้าหนีออกไปเองยังำพอมีโอกาสรอดอยู่บ้าง”
“ข้าอายุยังน้อยไม่ต้องการเป็นหม้าย”
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกว่าชีวิตของท่านข้าเป็นคนช่วยไว้ นอกจากข้าแล้วผู้ใดก็ไม่สามารถพรากชีวิตของท่านไปได้”
เสียงการพังทลายอันใหญ่โตได้ระงับเสียงของพวกเขาเอาไว้
เมื่อเห็นว่าหุบเขาน้ำแข็งทั้งหมดที่อยู่เหนือศีรษะได้ตกลงมาหมด หนทางทั่วทุกทิศทุกทางถูกขวางเอาไว้หมดแล้วซึ่งในใจทั้งสองคนรู้สึกหนาวเย็น
เยี่ยจิ่งหานปกป้องกู้ชูหน่วนเอาไว้อยู่ในอ้อมแขนเพื่อรอให้หุบเขาน้ำแข็งทั้งหมดตกลงมาที่ตัวเขา
“ปึงปึงปึง……”
ในขณะที่ทั้งสองคนคิดว่าต้องตายเป็นแน่ ทางออกของก้อนหินน้ำแข็งก็ถูกคนทำให้แตกกระจายออก ด้านนอกมีชายชุดขาวยิ่งกว่าหิมะดังถูกเนรเทศจากสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นชายหนุ่มผู้ไม่ธรรมดาได้พุ่งเข้ามา เขาไม่กล่าวสิ่งใดเลยสักคำก็ใช้กำลังภายในส่งพวกเขาออกไป
“ตูม……”
กู้ชูหน่วนกับเยี่ยจิ่งหานเพิ่งจะถูกช่วยออกไปหุบเขาน้ำแข็งทั้งหมดก็ได้พังทลายลงมา
และผู้ที่ช่วยพวกเขาไว้กลับไม่ทันได้ออกมาและถูกขังอยู่ในนั้นเลยโดยตรง
สีหน้ากู้ชูหน่วนแปรเปลี่ยนไปมากมาย
“เหวินเส่าอี๋……เหวินเส่าอี๋……”
นางต้องการพุ่งตัวไปช่วยเขาจากนั้นก้อนหินน้ำแข็งจากการถล่มด้านบนได้ตกลงมาทีละก้อนๆ แต่ละก้อนหนักกว่าพันกิโลกรัมและบางก้อนก็มีขนาดเท่ากับเนินเขาทั้งลูกซึ่งได้กระแทกกระทั้นอยู่ตรงหน้าพวกเขา
เยี่ยจิ่งหานดึงกู้ชูหน่วนไว้ “ไป รีบไป หากไม่ข้ามไปพวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่กันหมด”
ก้อนน้ำแข็งตกลงมารวดเร็วเกินไป
เร็วเสียจนพวกเขาถูกล้อมเอาไว้อีกในทันที
อสุรกายดุร้ายในระยะไกลไม่ทันหลบหนีจึงถูกทับตายกันหมด ทิ้งเลือดสีแดงสดเอาไว้เบื้องหลัง
ทั้งสองคนมีใจที่จะช่วยคนแต่เวลาไม่เอื้ออำนวย ท้ายที่สุดจึงทำได้เพียงจากไปอย่างทุกข์ทรมาน