Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1711 ภูเขากลับหัว

ตอนที่ 1711 ภูเขากลับหัว

โครม!

ถังซูไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดเช่นไร ทันทีที่เข้าร่วมการต่อสู้ก็ป่าเถื่อนหาใดเทียบ จับดาบเข่นฆ่า อิสระคล่องตัว บีบให้กู่ฉางซินกับฮว่าซิงหลีถอนตัวได้ยากในทันใด

ทั้งสองก็หงุดหงิดอย่างอดไม่ได้แล้ว

 กลัวยายบ้าอย่างเจ้างั้นหรือ 

 ฆ่า 

การชิงชัยอันไร้ใดเทียบครั้งหนึ่งปะทุขึ้น เพราะการมาถึงของถังซูทำให้ทุกอย่างปั่นป่วนเช่นนี้

ไกลออกไปหลินสวินที่ยังไม่จากไปจริงๆ ยังไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดี ผู้หญิงคนนี้… บ้าระห่ำจริงๆ สิน่า!

 ตอนนี้ความเคลื่อนไหวของที่นี่ใหญ่โตเกินไป ต่อไปเกรงว่าจะมีผู้แข็งแกร่งรุดหน้ามามากยิ่งขึ้น ยังอยากจะอยู่ต่อไหม 

อาหูที่อยู่ข้างกันเอ่ยถาม

 ไปกันเถอะ 

หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยก็ตัดสินใจ

ที่ก่อนหน้านี้ชิงอาหารจากปากเสือได้ก็เพราะจู่โจมตอนพวกเขาไม่ทันตั้งตัว มีโอกาสให้ฉกฉวยได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ในที่นั้นไม่ได้มีแต่กู่ฉางซิน ยังมีฮวาซิงหลีกับถังซูด้วย

ถ้าตอนนี้ไปช่วงชิงวาสนาอีกย่อมไม่ฉลาดอย่างไม่ต้องสงสัย

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ทั้งสองไม่ลังเล หันกายจากไป

ส่วนการเข่นฆ่าและต่อสู้ที่อยู่ใกล้กับโกรกธารหมอกดำนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรืออาหูต่างก็คร้านจะใส่ใจ

ระหว่างทางหลินสวินหลอมไอมรรคหลอมสมบัติที่ชิงมาได้เข้าไปในดาบหัก ควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ลายหนึ่งออกมาอีกครั้ง

หรือพูดได้ว่าบนดาบหักในตอนนี้มีลายสมบัติบริสุทธิ์แล้วแปดลาย เหลืออีกสองสายก็จะแปรสภาพได้อีกครั้ง!

 อีกไม่ถึงเจ็ดวันก็ต้องออกจากแดนหลอมสมบัติแห่งนี้ไปที่ส่วนลึกของแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว ถึงตอนนั้นอันตรายที่แท้จริงก็คงมาเยือนแล้ว… 

อาหูเอ่ยปาก  ตั้งแต่โบราณนานมาจนปัจจุบัน ยังไม่เคยมีคนที่สามารถเสาะหาความลับทั้งหมดของแหล่งสถานคุนหลุนได้ รู้แต่ว่ายิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งน่ากลัวและอัศจรรย์ เต็มไปด้วยพลังผนึกมากมาย 

 ข้ามาคราวนี้ก็เพราะได้ยินว่าในแหล่งสถานคุนหลุนมีต้นท้อแบนต้นหนึ่งขึ้นอยู่ ผลที่อยู่บนต้นของมันถูกขนานนามว่าเป็นผลอัศจรรย์มหามรรคหาได้ยากในโลก ได้กินผลเดียวก็เท่ากับการฝึกปราณอย่างยากลำบากเป็นร้อยปี มหัศจรรย์ถึงที่สุด 

หลินสวินประหลาดใจอย่างอดไม่ได้  บนโลกนี้ถึงกับมีต้นท้อแบนที่อัศจรรย์เช่นนั้นอยู่จริงหรือ 

อาหูกล่าว  ย่อมมีจริง เพราะในอดีตเคยมีคนได้มาผลหนึ่งโดยบังเอิญ ลือกันว่าต้นท้อแบนต้นนี้ขึ้นใน ‘ดินอัศจรรย์ห้าสี’ ดูดซับพลังมหามรรคทั่วหล้าเป็นอาหาร ถูกมองว่าเป็น ‘ต้นสมบัติมหามรรค’ ที่แท้จริง 

ดินอัศจรรย์ห้าสี!

หลินสวินใจไหวหวั่น

เขานึกถึงสิ่งที่ธนูวิญญาณไร้แก่นสารอู้เชวียกล่าวไว้ บนโลกนี้มีสี่ไม้เทพคือคุนอู๋ ฝูซาง เจี้ยนมู่และชางอู๋ ล้วนถือกำเนิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิด มีลายมรรคของบ่อเกิดแรกกำเนิดอยู่ตามธรรมชาติ

ในคำร่ำลือ เพียงรวบรวม ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ของไม้เทพทั้งสี่ชนิดนี้ให้ครบ ฟูมฟักด้วยเจตวัตถุฟ้าประทานอย่างดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสี ทรายดาราขุ่นใส และวารีแรกปฐม ก็จะให้กำเนิดต้นอ่อนของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดได้ต้นหนึ่ง!

ถึงเวลานั้นนำต้นอ่อนบ่อเกิดแรกกำเนิดไปเลี้ยงในร่างกาย ก็จะมีส่วนช่วยในการฝึกปราณมรรคจักรพรรดิอย่างเหลือคณา!

ยามชิงชัยในระดับจักรพรรดิ ผู้ใดได้ครอบครองต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดต้นหนึ่ง ผู้นั้นก็เท่ากับครอบครองรากฐานพลังในการหยั่งรู้ ‘กฎเกณฑ์แรกกำเนิด’ ระดับจักรพรรดิคนอื่นไม่อาจเทียบติด!

แม้สำหรับหลินสวินในตอนนี้ ระดับจักรพรรดิยังยาวไกลนัก แต่ถ้ารวบรวมสมบัติที่จำเป็นในภายหน้าไว้ล่วงหน้าได้บ้างย่อมดีกว่า

อย่างเช่นที่ตัวหลินสวินตอนนี้ ก็มีรากแห่งต้นกำเนิดของต้นฝูซางแล้วรากหนึ่ง!

อู้เชวียเคยพูดเองว่า เมื่อได้ดินอัศจรรย์ห้าสีมาก็สามารถฟูมฟักรากแห่งต้นกำเนิดต้นฝูซางไว้ในนั้นได้ ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วจะมี ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ใหม่งอกออกมา!

เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่า ในแหล่งสถานคุนหลุนแห่งนี้ก็มีสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิใจเต้นอย่างดินอัศจรรย์ห้าสีอยู่ด้วย

 เมื่อถึงเวลา ข้ากับเจ้าออกเคลื่อนไหวด้วยกัน 

หลินสวินตัดสินใจ

อาหูยิ้มเอ่ย  ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดียิ่งนัก 

ในช่วงเวลาต่อมาทั้งสองท่องไปในแดนหลอมสมบัติ เสาะหาไอมรรคหลอมสมบัติต่อ

สองชั่วยามผ่านไป

ท้องฟ้าเหนือภูผาธาราอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง หลินสวินกับอาหูที่กำลังทะยานอยู่จู่ๆ ก็หยุดชะงัก

ขณะเดียวกันเสียงร้องตกตะลึงระลอกหนึ่งดังอยู่ไกลลิบ

 น่ากลัวเกินไปแล้ว นั่นเป็นไอมรรคหลอมสมบัติขั้นไหนกัน เหตุใดถึงมีเพลิงเทพคุนหลุนน่ากลัวปานนั้นเกิดมาพร้อมกันด้วย 

 เพลิงเทพสีม่วงดั่งมหาสมุทร แปรสภาพเป็นนกปีศาจนับร้อยพันมืดฟ้ามัวดิน มกุฎมหาอริยะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน! 

 จนถึงตอนนี้มีมกุฎมหาอริยะตายไปอย่างน้อยเจ็ดแปดคนแล้ว ล้วนถูกเผาเป็นเถ้าธุลี ดับสิ้นทั้งกายจิต 

พร้อมกับเสียงอื้ออึง เงาร่างกลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวมาจากที่ไกลออกไป แต่ละคนสีหน้าลนลาน ท่าทางตื่นตระหนกเกินเหตุ

 เกิดอะไรขึ้น 

หลินสวินรั้งตัวไว้คนหนึ่งแล้วสอบถาม

ไม่นานนักเขาก็รู้สาเหตุ

ณ สถานที่ไกลโพ้นจากที่ตรงนี้มีเขากลับหัวอยู่ลูกหนึ่ง บนเขากลับหัวมีไอมรรคหลอมสมบัติมากมายกระจายตัวอยู่

ไอมรรคหลอมสมบัติสายหนึ่งในนั้นอัศจรรย์เป็นที่สุด สำแดงปรากฏการณ์ประหลาดอย่าง ‘บทประพันธ์มหามรรค’ ออกมา ศักดิ์สิทธิ์โอฬาร เรียกได้ว่าตะลึงโลก

หลายวันมานี้มีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรไปเยือน หมายจะพิชิตไอมรรคหลอมสมบัติ แต่ล้วนล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น

แล้วก็ในวันนี้เอง ไอมรรคหลอมสมบัติที่คล้ายบทประพันธ์มหามรรคนั้นเหมือนถูกยั่วให้โมโห ซัดเพลิงเทพคุนหลุนถาโถมแผ่กระจายออกมาจากภูเขากลับหัวแห่งนั้น

เพลิงเทพเหล่านั้นมีสีม่วงงดงาม แปลงเป็นนกปีศาจเต็มฟ้า เข่นฆ่าจนผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณนั้นต่างหนีกระเจิง

คนโชคร้ายบางคนก็ถูกเผาตายคาที่!

หลังจากได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินกับอาหูสบตากันครั้งหนึ่ง ปรึกษากันเล็กน้อยก็ตัดสินใจว่าจะไปต่อ

ไอมรรคหลอมสมบัติที่แปลงเป็นบทประพันธ์มหามรรค จะมหัศจรรย์เพียงไหน

ผ่านไปครู่หนึ่ง

ในที่สุดทั้งสองคนก็เห็น ‘ภูเขากลับหัว’ ลูกนั้น

ใต้เวิ้งฟ้า ภูเขาใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่งกลับหัว ด้านล้างชี้ฟ้า ยอดเขาห้อยลงมา ทั้งภูเขาปกคลุมไปด้วยประกายแสงเพลิงเทพที่พร่างพราวสะดุดตา ฉายส่องให้ฟ้าดินแถบนั้นเจิดจรัสดั่งเพลิงเผา

ขณะนี้ใกล้กับเขากลับหัวลูกนั้น นกปีศาจขนาดหลายสิบจั้งฝูงหนึ่งกำลังกระพือปีกจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง

นกปีศาจเหล่านี้ล้วนแปลงมาจากเพลิงเทพสีม่วง ยามกระพือปีก เพลิงเทพอันเชี่ยวกรากดั่งน้ำตกเผาห้วงอากาศจนหมด เกิดเป็นภาพและเสียงน่าตกตะลึง

ผู้ฝึกปราณหลายคนหนีหัวซุกหัวซุน ทะยานออกไปทั่วทิศ ทั้งยังมีเสียงคำรามดาลเดือด หวีดแหลม และโหยหวนดังขึ้นไม่ขาดสาย

สถานการณ์โกลาหลนัก!

แต่หลินสวินกับอาหูก็สังเกตได้ว่ามีเงาร่างสิบกว่าร่างที่ไม่ได้หวาดกลัว กำลังดิ้นรนต่อต้านและห้ำหั่นกับนกปีศาจเพลิงม่วงเหล่านั้นพลางเข้าไปใกล้ภูเขากลับหัว

 เจ้าดูสิ นั่นเหวินฉิงเสวี่ยจากเรือนมรรคยุทธจักรไม่ใช่หรือ 

อาหูพลันชี้ไปไกลๆ

ที่นั่นมีเงาร่างงดงามดั่งเซียน เส้นผมดำดั่งน้ำหมึกปลิวไสว มือถือคทาสมประสงค์หยกสีเงินร่างหนึ่ง มีลายมรรคลี้ลับไหลเวียนออกมา

ลายมรรคลึกลับส่องแสง สลายการโจมตีของนกปีศาจเพลิงม่วงนั้นทีละตัวพร้อมกับการก้าวเดนของนาง ดูอัศจรรย์ถึงที่สุด

 ยังมีเถาเจี้ยนสิงจากเผ่านักรบเถาอู้ด้วย! 

แทบจะในขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็นเถาเจี้ยนสิงที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ท่วงท่าจองหอง พลานุภาพดุร้าย ถือธงใหญ่สีแดงผืนหนึ่งเดินหน้า

ธงใหญ่สีแดงไหวโบกสะบัดเกิดเสียง สีแดงสดบาดตา บนนั้นมี ‘ภาพเถาอู้เหยียบเทพ’ ประทับอยู่ คลื่นที่แผ่ออกมาทำให้นกปีศาจสีม่วงเหล่านั้นถูกกำราบไว้โดยสิ้นเชิง

นอกจากเหวินฉิงเสวี่ยกับเถาเจี้ยนสิง ที่นั่นยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นอีกบางส่วนเข้าประชิดภูเขากลับหัวเช่นกัน

เช่นหลิงเคอจื่อจากอารามเก่าแก่ยอดทักษิณ มือถือปลาไม้ ท่องสวดคัมภีร์พุทธ

ยังมีที่บางคนที่ถือประทับหยก บ้างควบคุมกระจกทองแดง บ้างมีม้วนภาพเหนือหัว…

เห็นได้ชัดว่าสมบัติแต่ละชิ้นต่างเป็นของไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง มีคุณประโยชน์มหัศจรรย์ สามารถตั้งรับการโจมตีของเพลิงเทพสีม่วงได้

หากไม่เป็นเช่นนี้ ด้วยอานุภาพที่สามารถปลิดชีพมกุฎมหาอริยะได้ของเพลิงเทพสีม่วงนั้น แม้เป็นพวกเหวินฉิงเสวี่ยก็เกรงว่ายังยากจะต้านไว้ได้!

 ดูสิ พวกเขาต่างทำเพื่อไอมรรคหลอมสมบัตินั่น 

เนตรงามของอาหูเปล่งประกาย ฉายแววตกตะลึง

หลินสวินก็สังเกตเห็นแล้ว บนภูเขากลับหัวลูกนั้นมี ‘บทประพันธ์มหามรรค’ กำลังส่องแสงเจิดจ้า แสงของมันดั่งมรรค สาดส่องทั่วฟ้า!

ดูจากไกลๆ ยังน่าหวาดหวั่นผิดธรรมดา

หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะกล้าเชื่อว่าเพียงแค่ไอมรรคหลอมสมบัติสายหนึ่งเท่านั้น จะถึงกับฉายปรากฏการณ์ประหลาดยิ่งใหญ่อันน่าเหลือเชื่อปานนี้ได้

ก่อนหน้านี้หลินสวินได้รับไอมรรคหลอมสมบัติสูงค่ามาไม่น้อย แต่เทียบกับบทประพันธ์มหามรรคนี้แล้ว ก็เหมือนกับแสงหิ่งห้อยที่ไม่อาจเทียบรัศมีกับสุริยันจันทราได้

ตอนนี้หลินสวินก็ใจเต้นแล้ว

 โอกาสแบบนี้จะยอมปล่อยให้คนอื่นได้อย่างไร อาหู เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้ามา 

หลินสวินเอ่ยรวดเร็ว

ไม่ใช่เพราะผลีผลาม แต่เป็นเพราะเขามีเพลิงมรรคอัศจรรย์ จึงไม่กลัวเพลิงเทพคุนหลุนเหล่านั้นสักนิด

 ได้! 

อาหูพยักหน้ารับ

นางก็ดูออกว่านี่เป็นโอกาสชั้นเลิศครั้งหนึ่ง

สวบ!

หลินสวินเคลื่อนผ่านห้วงอากาศโดยไม่ได้กำบังเงาร่าง พุ่งตัวไปยังภูเขากลับหัว

 เอ๊ะ หลินสวินที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนนั้นนี่! 

 เจ้าหมอนี่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง ยังคิดจะไปแก่งแย่งวาสนากับพวกเหวินฉิงเสวี่ยอีก 

ไม่นานนักในบริเวณนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งมากมายสังเกตเห็นหลินสวินและจำตัวตนของเขาได้ ต่างงุนงงอย่างห้ามไม่อยู่

ในขณะเดียวกันพวกเหวินฉิงเสวี่ย เถาเจี้ยนสิงก็สังเกตเห็นหลินสวิน มีคู่แข่งเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง คิดจะไม่ดึงดูดสายตาก็คงยาก

แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เบนสายตากลับ กระโจนไปข้างหน้าเต็มกำลัง

แม้พวกเขาต่างมีสมบัติที่พึ่งพาได้ แต่เพลิงเทพสีม่วงเหล่านั้นอหังการและน่ากลัวเกินไป ทำให้ถูกขัดขวางถึงที่สุดยามพวกเขาเดินหน้า

ตอนนี้ยังห่างอีกช่วงใหญ่กว่าจะเข้าใกล้ภูเขากลับหัวได้

อีกทั้งยิ่งเข้าประชิด การจู่โจมที่ได้รับก็ยิ่งน่ากลัว ทั้งยังทำให้พวกเขาไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่น ทำได้เพียงทุ่มพลังทั้งหมดฝ่าไปข้างหน้า

ซ่า!

ห้วงอากาศสั่นทะเทือน เปลวเพลิงถาโถม นกปีศาจที่กลายร่างมาจากเพลิงเทพสีม่วงตัวหนึ่งทะยานลงมาจากฟ้า เข้าโจมตีหลินสวินที่มุ่งเข้ามา

กระแสเพลิงเชี่ยวกรากน่าหวาดหวั่นเดือดดาล มีอานุภาพเผาฟ้าทลายดิน

วิ้ง!

เหนือหัวหลินสวิน เพลิงมรรคอัศจรรย์ที่เปลี่ยนร่างเป็นกระถางใหญ่ปรากฏขึ้น พอมันหมุนตัวก็กลืนกินการโจมตีทั้งหมดจนไม่เหลือแม้แต่น้อย

นกปีศาจเพลิงม่วงส่งเสียงร้องแหลมคล้ายรับรู้ได้ถึงอันตราย แต่ไม่รอให้มันมีปฏิกิริยาตอบกลับมา เพลิงมรรคอัศจรรย์ก็โฉบพุ่งประหนึ่งกระถางใหญ่บังฟ้า กำราบและเก็บมันเข้าไปในกระถางได้ในคราวเดียว

การเคลื่อนไหวต่อเนื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ตั้งแต่เริ่มจนจบง่ายดายหาใดเทียบ!

 นี่… 

ในบริเวณใกล้เคียง เหล่าผู้แข็งแกร่งที่เดิมคิดจะดูหลินสวินกลายเป็นตัวตลกต่างตาเบิกกว้าง สีหน้างุนงงตกตะลึง

 หืม? 

พวกเหวินชิงเสวี่ยกับเถาเจี้ยนสิงก็สังเกตเห็นภาพนี้ ล้วนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย สังเกตได้อย่างฉับไวว่าเพลิงมรรครูปร่างคล้ายกระถางใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือหัวหลินสวินนั่น ไม่ใช่ของธรรมดา!

——

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท