กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 605
กู้ชูหน่วนดึงผ้าห่มคลุมกระชับตัวเขาและพูดปลอบใจว่า “อดทนอีกนิดนะ บางทีอีกเดี๋ยวอาจจะมีคนมาช่วยเราก็ได้” ประโยคนี้อย่าว่าแต่เยี่ยจิ่งหานเลย แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็ยังไม่เชื่อ
ที่นี่คือขั้วโลกเหนือ เป็นที่รกร้างห่างไกลไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ทุกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ด้านบนอาจเป็นเนินเขาลูกเล็กๆ ก็ได้ จะมีใครที่ไหนว่างมากจนเดินมาขุดเนินเขาเล่น
โครก…
ไม่รู้ว่าท้องของใครร้องขึ้นมาอย่างผิดเวลา
กู้ชูหน่วนเลียริมฝีปากที่ค่อนข้างซีดเผือด เอ่ยอย่างคับแค้นใจว่า “ข้าไม่น่าเอาอาหารทั้งหมดให้เจ้างูโง่จอมตะกละนั่นเลย”
ถ้ามีเหลือเพียงสักนิด นางกับเขาคงไม่ต้องหิวจนหน้ามืดตาลายแบบนี้
เยี่ยจิ่งหานกอดนางแน่นขึ้น สูดดมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของนางอย่างละโมบ “รอให้กำลังภายในของข้าฟื้นกลับคืน ข้าจะใช้กำลังภายในทำลายหิมะเหล่านี้แล้วพาเจ้าออกไป”
“อื้ม…”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างขมขื่น
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีวรยุทธอยู่ในชั้นสูงสุดระดับหก แต่เขาก็ยังทำลายภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะไม่ได้
ภายในถ้ำหิมะมืดสนิท ทั้งสองเพียงแค่อิงแอบซึ่งกันและกันโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใด ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดสิ่งใดอยู่
ความหิวโหยและความหนาวเหน็บยังคงจู่โจมพวกเขา
เมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่หนาวเหน็บเช่นนี้ กู้ชูหน่วนจึงเริ่มประคองตัวเองไว้ไม่ไหว ร่างกายค่อยๆ เย็นลงและสั่นสะท้านไม่หยุด หนาวจนแม้แต่ฟันยังสั่นสะท้าน
เยี่ยจิ่งหานถูฝ่ามือเล็กๆ ของนางตลอดเวลาเพื่อทำให้นางอบอุ่น ห่มผ้าห่มคลุมกายนางจนมิด
กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “ขะ… ข้าไม่หนาว ท่านบาดเจ็บกว่าข้า ท่านห่มไว้เถิด”
“อาการบาดเจ็บของข้าดีขึ้นมากแล้ว กำลังภายในก็แข็งแกร่งกว่าเจ้า ข้ายังพอทนได้อีกสักพัก เจ้าห่มไว้ดีแล้ว”
“หรือว่าข้าจะต้องตายอยู่ที่นี่เสียแล้ว”
“ไม่มีทาง ข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้าตายเด็ดขาด”
“อื้ม”
กู้ชูหน่วนพิงไหล่ของเขาและส่งเสียงอืมเบาๆ
ผ่านไปอีกวันหนึ่ง สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
กลิ่นอายของความตายปกคลุมหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงเวลานี้ เยี่ยจิ่งหานพยายามใช้กำลังภายในเพื่อเคลื่อนย้ายน้ำแข็งและหิมะออกไป ทว่านอกจากส่วนของหิมะที่ตกลงมานิดหนึ่ง เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้ายังพยายามต่อไปแล้วแผ่นน้ำแข็งที่ปากถ้ำแตกออกมา หิมะและน้ำแข็งทั้งหมดจะปกคลุมลงมา แล้วพวกเขาก็จะจมหิมะตาย
การใช้กำลังภายในหลายต่อหลายครั้งยิ่งเพิ่มอาการบาดเจ็บให้เยี่ยจิ่งหาน
กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “ไม่มีประโยชน์ เว้นเสียแต่ว่าจะมีใครเคลื่อนย้ายหิมะและน้ำแข็งจากทางด้านนอก”
กู้ชูหน่วนพยายามเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย
แค่กๆ
กู้ชูหน่วนไอออกมาสองสามครั้งพร้อมกระอักเลือดออกมา ซึ่งนั่นทำให้เยี่ยจิ่งหานตกใจ
เขาแตะหน้าผากของกู้ชูหน่วน ทันใดนั้นใบหน้าก็ถอดสี “เหตุใดจึงตัวร้อนเช่นนี้ เจ้าจับไข้หรือ”
กู้ชูหน่วนหน้ามุ่ย
อากาศหนาวจัด อาหารก็ไม่มี นางขดตัวหนาวเหน็บอยู่ที่นี่มาหลายวัน มีหรือจะไม่จับไข้
“ยังมียาอยู่หรือไม่ ข้าจะได้ให้เจ้ากิน”
“ไม่มีแล้ว” ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บสาหัส และนางก็ใช้ยาไปรักษาเขาจนหมด
“เช่นนั้นเจ้าดื่มน้ำสักนิดเถิด”
เยี่ยจิ่งหานหยิบถ้วยขึ้นมาตักหิมะ หลังจากนั้นหิมะในถ้วยที่ตักก็ละลายกลายเป็นน้ำเดือดทันที
“หากท่านไม่รักษากำลังกายเอาไว้ ท่านเองก็จะทนต่อไปไม่ได้”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า ไม่ยอมดื่มน้ำของเขา
นั่นคือน้ำร้อนที่เขาใช้กำลังภายในกระตุ้นขึ้นมา ไม่มีอาหารอื่นใด แต่เขาจะทำแบบนี้ได้อีกกี่ครั้งภายในสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้
“ชีวิตของข้าจะมีประโยชน์ใดอีกหากเจ้าตาย ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ ไม่ว่าจะต้องลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ ข้าก็จะติดตามเจ้าไปตลอดทั้งชาตินี้”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนสั่นสะท้านเล็กน้อย
ภายในความมืดสลัว นางเห็นแววตาที่จริงจังของเยี่ยจิ่งหานเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ทุกคำพูดของเขาล้วนมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เยี่ยจิ่งหานมักจะสวมหน้ากากผีตลอดเวลา ทำให้นางมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
กู้ชูหน่วนรู้สึกเหมือนมีอะไรมาดลใจและถอดหน้ากากผีของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มซึ่งงดงามอย่างหาใดเปรียบมิได้
ชายผู้นี้มีแววตาลึกซึ้ง เผยให้เห็นความกังวลที่ปกปิดไว้ไม่มิด
คิ้วของเขาคมเข้ม แววตาสว่างไสว ริมฝีปากบางซีดขาวเล็กน้อย ใบหน้างดงามราวกับสวรรค์สรรค์สร้าง ประหนึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า
ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามเช่นนี้ ต่อให้ปะปนอยู่ในฝูงชนก็ยังโดดเด่นดึงดูดสายตาทันที
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงที่สลัวหรือเปล่า กู้ชูหน่วนจึงรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของเขาให้ความรู้สึกอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อนมาก
นางยิ้มอย่างหลงใหล “ท่านรูปงามขนาดนี้ เหตุใดจึงต้องสวมหน้ากากน่าเกลียดเช่นนี้ตลอดด้วย”
“เจ้าอยากรู้รึ”
“อื้ม”
“เพราะข้าหน้าตาเหมือนท่านแม่มาก ท่านแม่ของข้ามีศัตรูมากมาย ท่านกลัวคนอื่นจะรู้ว่าข้าเป็นลูกชายท่าน ดังนั้นจึงให้ข้าสวมหน้ากากตั้งแต่ยังเด็ก”
“ท่านแม่ของท่านคือ…”
“พระสนมของจักรพรรดิพระองค์ก่อน”
“พระ… พระสนมของจักรพรรดิพระองค์ก่อน แต่ท่านเป็นพระอนุชาของจักรพรรดิพระองค์ก่อน เป็นเสด็จอาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันมิใช่หรือ”
กู้ชูหน่วนมึนงงไม่รู้หนเหนือหนใต้
“เจ้าน่าจะรู้เรื่องเผ่าหยก”
“ใช่ ข้ารู้”
“ท่านแม่ของข้าเป็นชาวเผ่าหยก ทุกคนในเผ่าหยกล้วนถูกสาปด้วยคำสาปโลหิต ผู้ชายที่ถูกคำสาปโลหิตจะสูญเสียสติสัมปชัญญะและฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง ภายในยังมีพลังทำลายที่กัดกร่อนร่างกายจากภายในไม่มีหยุด กัดกร่อนจากภายในสู่ภายนอกจนในที่สุดจึงถึงแก่ความตาย ในขณะที่กระดูกของผู้หญิงจะถูกหักทุกตารางนิ้ว เหมือนมีมีดหลายพันเล่มทิ่มแทงร่างกายของพวกนางตลอดเวลา…”
กู้ชูหน่วนเริ่มมีสติมากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวเผ่าหยกขณะที่ถูกคำสาปโลหิตปรากฏขึ้นในใจของนางอย่างชัดเจน นางรู้สึกเจ็บปวดจนหายใจติดขัด
ไม่มีใครรู้เรื่องคำสาปโลหิตของเผ่าหยกดีไปกว่านาง
“เผ่าหยกอยู่อย่างสันโดษและไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอก ทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกับคนนอกมานับร้อยปี ในตอนนั้นท่านแม่ของข้าเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหยก เป็นว่าที่ผู้นำเผ่าคนต่อไป และต้องแบกรับหน้าที่อันหนักอึ้งในการตามหาไข่มุกมังกรทั้งเจ็ด”
“ถ้าอยากหาไข่มุกมังกรให้พบ ท่านจำเป็นต้องออกมาจากเผ่าหยก หลังจากท่านแม่ของข้าออกมาจากเผ่า ท่านก็พบกับเสด็จพ่อและตกหลุมรักซึ่งกันและกัน สัญญาต่อกัน และในที่สุดก็มีข้า”
เยี่ยจิ่งหานเอ่ยเรื่อยๆ พลางขมวดคิ้วเป็นครั้งคราว ราวกับติดหล่มอยู่หลุมของในความทรงจำ
“ท่านแม่ของข้าเป็นสตรีที่งดงามมาก ท่านไม่เพียงแต่อ่อนโยน แต่ยังมีจิตใจดี ช่วยเสด็จพ่อปกครองบ้านเมือง ลงโทษขุนนางทุจริต จัดการอุทกภัย บรรเทาโรคระบาด และนั่นทำให้ประชาชนของรัฐเยี่ยต่างรักและเคารพท่าน”
“เสด็จพ่อและท่านแม่กลัวว่าเผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้าจะรู้ว่าพวกท่านให้กำเนิดข้า และตามสังหารข้า ดังนั้น… ตั้งแต่เกิด ข้าก็ถูกอ้างว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเสด็จปู่ที่พระชนมายุมากแล้ว และเป็นอนุชาแท้ๆ ของเสด็จพ่อ”
กู้ชูหน่วนเข้าใจกระจ่าง
มิน่าเล่าจักรพรรดิเยี่ยจึงเรียกเขาว่าเสด็จอา
จากที่ฟังเขาเล่า ความจริงแล้วเขากับจักรพรรดิเยี่ยนับว่าเป็นพี่น้องกัน ไม่ใช่อากับหลาน
หมอนี่ทำให้จักรพรรดิเยี่ยดูน่าเวทนา
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ… เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จพ่อและท่านแม่ของท่าน” กู้ชูหน่วนถามอย่างระมัดระวัง
นางคิดว่าเรื่องต่างๆ คงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นตำแหน่งหัวหน้าเผ่าหยกจะตกมาอยู่ที่นางได้อย่างไร
“หลังจากนั้น…ผู้อาวุโสของเผ่าหยกรู้เรื่องนี้และโกรธมาก พวกเขาขู่จะฆ่าเสด็จพ่อ ท่านแม่วิงวอนอย่างทุกข์ทรมานจนเผ่าหยกยอมปล่อยเสด็จพ่อ แต่มีเงื่อนไขว่านางจะต้องตามพวกเขาไป”
“ตอนนั้นข้ายังอายุไม่ถึงสามขวบ เพื่อเห็นแก่เสด็จพ่อและเพื่อเห็นแก่รัฐเยี่ย ข้าเห็นท่านแม่ตามผู้อาวุโสเผ่าหยกไปด้วยตาของตัวเอง”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“หลังจากนั้น…ไม่รู้ว่าเผ่าเพลิงฟ้ารู้ความลับที่ข้ากับท่านแม่มีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร พวกนั้นคิดว่าเราสองคนอาจเป็นแม่ลูกกัน เนื่องจากท่านแม่ของข้าฆ่าผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าเพลิงฟ้า เผ่าเพลิงฟ้าจึงเห็นท่านแม่เป็นหนามยอกอก พวกนั้นวางกับดักด้วยการจับข้าไปและล่อท่านแม่ออกมา”
ร่างกายของเยี่ยจิ่งหานสั่นสะท้านไม่หยุดขณะที่เล่า น้ำเสียงของเขาไม่สงบอย่างที่เคยเป็น
“เพื่อช่วยข้า ท่านแม่บุกเข้าไปในค่ายกลสิบแปดขุมนรกเพียงลำพัง สังหารผู้มีฝีมือของเผ่าเพลิงฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยข้า แต่สุดท้ายท่านต้องมาตายอย่างน่าเวทนาในค่ายกลสิบแปดขุมนรกนั่น”