กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 609
วันขึ้นสิบห้าค่ำก็ผ่านไปแล้ว เช่นนั้นแล้วประชาชนเผ่าหยกล่ะ พวกเขาต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิตชั่วร้ายนั่นอีกแล้วใช่หรือไม่?
กู้ชูหน่วนกุมศีรษะแน่นและน้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้
นางรู้สึกผิด เสียใจ เป็นกังวล หวาดกลัว ทั้งหมดต่างห่อหุ้มนางเอาไว้
ชิวเอ๋อร์ตกใจอย่างมาก นางรีบเข้ามาใกล้และอยากจะกอดกู้ชูหน่วนไว้ แต่กลับไม่กล้า
คุณหนูในเวลานี้ก็เหมือนกับตุ๊กตาเครื่องเคลือบกระเบื้อง ที่แตกหักได้ง่ายเมื่อสัมผัส
ตั้งแต่หลังจากที่คุณหนูของนางสูญเสียความทรงจำไป ก็มีแต่อันธพาล เย่อหยิ่งผยองจองหอง โดยไม่เคยเศร้าเสียใจเช่นนี้มาก่อนเลย
ชิวเอ๋อร์สะอื้นและกล่าวว่า “คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ ท่านอย่าทำให้ชิวเอ๋อร์เป็นกังวลเช่นนี้เลย”
“วันขึ้นสิบห้าค่ำได้ผ่านไปแล้ว……ข้าไม่สามารถหาไข่มุกมังกรเจอก่อนที่จะถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำ……เจ้ารู้หรือไม่ ข้าไม่สามารถหาไข่มุกมังกรเจอก่อนที่จะถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำ”
กู้ชูหน่วนกุมศีรษะแน่นด้วยความทุกข์ใจและปากยังคงบ่นพึมพำโทษตัวเอง
ชิวเอ๋อร์ฟังอย่างสับสนและร้องไห้ออกมาด้วยเช่นกัน
“คุณหนู ชิวเอ๋อร์ไม่เข้าใจอะไรคือวันขึ้นสิบห้าค่ำและไม่เข้าใจอะไรคือไข่มุกมังกร แต่ทุกเดือนก็จะมีวันขึ้นสิบห้าค่ำ ไข่มุกมังกร…..หาไข่มุกมังกรไม่เจอ เช่นนั้นเราก็หาต่อไปสิเจ้าคะ ชิวเอ๋อร์จะขอให้ชิงเฟิงช่วย ชิงเฟิงเก่งกาจอย่างมาก เขาจะต้องช่วยคุณหนูหาไข่มุกมังกรเจออย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“แอ่ด……”
ประตูใหญ่ถูกเปิดออกอย่างงรวดเร็ว เมื่อเยี่ยจิ่งหายได้ข่าวว่านางฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบมาหา
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนที่โดดเดี่ยวไร้หนทางทำให้เขาตกตะลึงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยความสงสาร
ชิวเอ๋อร์เช็ดน้ำตาและถอยออกไป
เยี่ยจิ่งหานไม่ได้สวมหน้ากากและเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาสง่าผ่าเผย
เขาพูดอย่างอ่อนโยน “อาหน่วน วันขึ้นสิบห้าค่ำได้ผ่านไปแล้วและไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว แต่เราสามารถค้นหาไข่มุกมังกรเม็ดสุดท้ายให้เจอก่อนที่จะถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำของเดือนหน้า”
เยี่ยจิ่งหานยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงใส่ใจต่อเผ่าหยกมากมายเช่นนี้ นางใช่คนของเผ่าหยกหรือไม่
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเลย เพียงแค่นางให้ความสำคัญ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่เยี่ยจิ่งหานก็ให้ความสำคัญเช่นกัน
กู้ชูหน่วนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
นางเช็ดน้ำตาที่หางตาและพยายามยิ้มออกมาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
แต่ไม่รู้เลยว่ายิ่งนางทำเช่นนี้ เยี่ยจิ่งหานกลับยิ่งสงสารและเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นอะไร”
ต่อให้มีเรื่องอะไรให้เจ็บปวดเสียใจมากเพียงใด นางก็ไม่สมควรเสียใจ
นางเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก ความหวังทั้งหมดของเผ่าหยกตกอยู่ที่นาง
นอกจากนางจะต้องพยายามแล้ว ก็มีเพียงความพยายามต่อไปเท่านั้น
กู้ชูหน่วนแทบไม่กล้าคิดจินตนาการว่าอี้เฉินเฟยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
และไม่กล้าจินตนาการว่าเมื่อสามวันที่แล้ว คนในเผ่าตายไปกี่คน
เยี่ยจิ่งหานลูบหน้าที่นุ่มสลวยดกดำของนาง และเสียงต่ำของเขาที่ค่อนข้างดึงดูด “เจ้าอยากร้องก็ร้องไห้ออกมาเถอะ ข้าจะอยู่กับเจ้า”
“ข้าอยากออกไปข้างนอก”
“หมอบอกว่าอาการป่วยของเจ้ายังไม่หายดี ยังต้องพักรักษาตัวอีกหลายวัน”
“พัก? ข้าสามารถพักได้ แต่พวกเขามีเวลาพักด้วยหรือ?”
“เพียงระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งเดือน แต่เจ้าก็หาไข่มุกมังกรเจอเยอะมากและนับว่าเร็วมากแล้ว”
“ไม่พอ หากยังไม่สามารถรวบรวมให้ครบเจ็ดเม็ด ทั้งหมดนี้ยังคงไม่เพียงพอ”
“ไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ด อยู่ในเมืองหลวง”
ฝีเท้าของกู้ชูหน่วนหยุดชะงัก
“ท่านพูดว่าอะไรนะ ไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดอยู่ในเมืองหลวง? ท่านรู้หรือว่าอยู่ที่ไหน?”
ในใจของกู้ชูหน่วนมีความหวังขึ้นอีกครั้ง ความหดหู่ทั้งหลายถูกขจัดหายไป
“รู้ แต่เจ้าไม่มีทางยอมเอาออกมาและไม่มีทางไปเอาอย่างแน่นอน”
“ไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน ต่อให้ลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ ข้าก็จะไปเอามาให้ได้”
“ไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ด คือเลือดเนื้อของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชูหน่วนแข็งทื่อลงทันที
“ท่านว่าอย่างไรนะ? เป็นไปได้อย่างไร?”
ไข่มุกมังกรเป็นลูกปัดไข่มุก จะเป็นเลือดได้อย่างไร?
“ไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ด เสด็จแม่ของข้าเคยค้นหามาก่อนเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นรัฐเยี่ยต้องเผชิญกับการทำสงครามครั้งใหญ่และเกือบจะสิ้นแผ่นดิน ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยวเป็นแม่ทัพใหญ่ที่กล้าหาญของรัฐเยี่ยเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดในขณะนั้น หากไม่มีท่านแมทัพใหญ่เซี่ยว เช่นนั้นแล้วรัฐเยี่ยจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
“คนเหล่านั้นก็คาดการณ์ได้ในเรื่องนี้ ฉะนั้นจึงใช้ธนูพิษยิงมาทำให้แม่ทัพใหญ่เซี่ยวบาดเจ็บ เสด็จแม่ไม่ยอมให้รัฐเยี่ยต้องจบสิ้นและสิ้นแผ่นดิน และยิ่งไม่ยอมให้แม่ทัพที่จงรักภักดีต่อรัฐอย่างแม่ทัพใหญ่เซี่ยวต้องจบชีวิตลง ”
“ฉะนั้นเสด็จแม่จึงร่ายเวทมนตร์คาถาและฝังไข่มุกมังกรเข้าไปในหัวใจของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว เพื่อให้หัวใจของเขาฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง และหลังจากนั้นก็ถล่มศัตรูอย่างดุเดือด”
กู้ชูหน่วนนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ฉะนั้น……ไข่มุกมังกรยังสามารถทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นกลับขึ้นมามีชีวิตได้อีกครั้ง?”
“หากตายไปแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีก แต่หากใกล้จะหมดลมหายใจ เช่นนั้นก็สามารถทำให้ฟื้นกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง นี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่คนบนโลกนี้พยายามแย่งชิงไข่มุกมังกร”
“ฉะนั้น หากต้องการไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ด เช่นนั้นก็ต้องควักหัวใจของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวออกมาและทำให้มันกลับกลายเป็นไข่มุก?”
“ใช่”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนทรุดลงและเกือบจะล้มลงกับพื้น
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวไม่เป็นเพียงแม่ทัพที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่เขายังเป็นพ่อแท้ๆ ของเซี่ยวอวี่เซวียน
หากนางทำเพื่อต้องการไข่มุกมังกรและพรากชีวิตของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวไป เช่นนั้น……เซี่ยวอวี่เซวียนจะต้องโกรธแค้นนางไปตลอดชีวิตแน่ๆ?
แต่หากนางไม่นำไข่มุกมังกรออกมา เช่นนั้นแล้วคนของเผ่าหยกจะทำเช่นไร?
ใบหน้าที่ซีดเซียวของกู้ชูหน่วนมองไปยังเยี่ยจิ่งหาน
เยี่ยจิ่งหานหันมาและกล่าวเสียงแข็งออกมา “หากเจ้าต้องการไข่มุกมังกรจริงๆ และไม่กล้าลงมือ เช่นนั้นข้าช่วยเจ้าได้”
ช่วย?
นี่มันต่างอะไรกับการที่นางเองฆ่าคนอื่น
กู้ชูหน่วนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ต่อให้ไข่มุกมังกรอยู่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว นางก็สามารถหามาได้
แต่ไข่มุกมังกรกลับอยู่ในหัวใจของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว
นี่เป็นการบีบบังคับให้นางต้องเป็นศัตรูกับเซี่ยวอวี่เซวียนไม่ใช่หรือ?
“ไม่เป็นไร ถ้าจะทำ ข้าไปเอามาด้วยตัวข้าเอง”
คำพูดที่ห่างเหินเช่นนี้ ยิ่งทำให้เยี่ยจิ่งหานไม่ยอม เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของกู้ชูหน่วนและบังคับให้นางมองหน้าเขา
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าสัญญาอะไรกับข้าตอนที่อยู่ในถ้ำหิมะที่ขั้วโลกเหนือ เจ้าบอกว่าหากเราสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ เช่นนั้นเจ้าจะยอมเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของข้าเยี่ยจิ่งหานและจะไม่มีใครอื่น”
กู้ชูหน่วนดิ้น พยายามผลักเขาออกไปและมองเขาอย่างประชดประชัน
“ข้าเพียงบอกว่าข้าสามารถลองพยายามปรับตัวพูดคุยกับท่าน ข้าไม่ได้สัญญาอะไรกับท่านเสียหน่อย”
“กู้ชูหน่วน เจ้ากลับคำอย่างนั้นหรือ”
“หากท่านยังกล้าดุข้าอีก ข้าจะกลับคำให้ดูตอนนี้เลย”
เมื่อพูดจบ เยี่ยจิ่งหานที่ดูเย็นชาเย่อหยิ่งก็ดูอ่อนโยนลง น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงมาก
“อาหน่วน เจ้าจะไม่รักษาคำพูดเช่นนี้ไม่ได้”
“ก็ได้ หากไม่มีอะไรก็ออกไปได้แล้ว ท่านก็เป็นคนป่วย ข้าก็เป็นคนป่วยเช่นกัน ข้าต้องการพักผ่อน”
กู้ชูหน่วนยกผ้าห่มขึ้นและม้วนตัวเข้าไป ในหัวของนางมีแต่แม่ทัพใหญ่เซี่ยวและเซี่ยวอวี่เซวียน และไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจเยี่ยจิ่งหานเลยสักนิด
ภายนอกห้องนอน
ชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ยและชิวเอ๋อร์ต่างก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา
ชิงเฟิงกลืนน้ำลาย “พระชายาช่างกล้าเหลือเกินที่กล้าขับไล่ท่านอ๋องออกมา”
เจ้านายของเขาเป็นถึงเทพแห่งสงครามที่อยู่ยงคงกระพันแห่งรัฐเยี่ย
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ พระชายาปฏิบัติต่อนายท่านเช่นนี้แล้ว แต่นายท่านกลับไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด? แถมยังเอาอกเอาใจพระชายา?
เขาเป็นคนหูหนวกหรือ?
เมื่อก่อนที่นายท่านทำดีกับพระชายาแต่กลับไม่พูดอะไร
สถานการณ์ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่ากลัวพระชายา
ชิวเอ๋อร์กล่าวขึ้นด้วยความอิจฉา “ท่านอ๋องช่างดีกับคุณหนูเหลือเกิน คุณหนูช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้แต่งงานกับสามีที่รู้จักเอาอกเอาใจและอ่อนโยนเช่นนี้”
เอาอกเอาใจ อ่อนโยน?
แน่ใจหรือว่าเป็นเจ้านายของพวกเขา?
เมื่อแอบมองออกไป กลับเห็นว่าเยี่ยจิ่งหานกำลังปลอบใจกู้ชูหน่วน แต่กู้ชูหน่วนกลับมีสีหน้าไม่พอใจและไล่เขาออกไปหลายครั้ง
นี่……
นับว่าช่างเอาอกเอาใจและอ่อนโยน……
เอาอกเอาใจจนพวกเขาแทบไม่รู้จักนายท่านของพวกเขาแล้ว