กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 621
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวยังคงลังเล กู้ชูหน่วนจึงกล่าวต่อไปว่า
“ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ในสนามรบ เชื่อว่าแม้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายท่านเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ท่านก็รับรู้สัมผัสได้ใช่หรือไม่? ตรวจสอบชานี้เสียหน่อย หากไม่มีพิษนับเป็นเรื่องดีที่สุด หากมีพิษ เช่นนั้นก็สามารถรักษาได้อย่างรวดเร็วไม่ใช่หรือ?”
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงรังเกียจข้าเช่นนี้ แต่ข้าคิดว่าท่านและข้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน และไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำร้ายท่าน หากข้าต้องการทำร้ายท่าน เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องการให้ท่านตรวจสอบน้ำชา”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่เชื่อข้าก็ได้ แต่ท่านเป็นเสาหลักของรัฐเยี่ย เช่นนั้นก็ควรรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเอง”
“มานี่ ไปเชิญหมอเฉิน หมอหม่า ห้ามให้ใครรู้และห้ามเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป”
“ขอรับ”
หมอเฉินและหมอหม่าติดตามแม่ทัพใหญ่เซี่ยวมาเป็นเวลาหลายปีและเป็นหมอที่เขาเชื่อมั่นที่สุด เพราะแม่ทัพใหญ่มักได้รับบาดเจ็บในการออกรบ ฉะนั้นหมอทั้งสองท่านนี้จึงอาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพมาโดยตลอด และทำการรักษาเขาตลอดเวลา
ไม่นานหมอทั้งสองก็มาถึงห้องตำราและทำการตรวจสอบชาต่อหน้ากู้ชูหน่วนและแม่ทัพใหญ่เซี่ยว
โดยเวลาผ่านไปประมาณธูปครึ่งดอก หมอทั้งสองก็ตกใจ
“ท่านแม่ทัพ ชานี้ผสมไปด้วยสมุนไพรหลายชนิดที่ทำให้เกิดเป็นยาพิษเรื้อรังได้”
“ใช่ ฤทธิ์ของยาสมุนไพรเหล่านี้คล้ายกัน ข้าได้ตรวจสอบซ้ำหลายครั้งอย่างมากถึงจะตรวจสอบออกมาได้ ท่านแม่ทัพ ช่วงนี้ที่สุขภาพร่างกายของท่านไม่ดี อาจเกิดมาจากชานี้ก็เป็นได้”
“พวกเจ้าแน่ใจหรือ? ตรวจสอบผิดพลาดหรือไม่?”
“เป็นไปไม่ได้ พวกข้าทำการตรวจสอบหลายครั้งมากและมั่นใจว่าเป็นยาพิษประเภทเรื้อรัง เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถเอง ที่ไม่สังเกตว่าในชานี้มียาพิษ หาก……หากท่านแม่ทัพยังคงต่อไปอีกเพียงครึ่งเดือน เกรงว่า……เกรงว่ายาพิษนี้จะส่งผลไปยังหัวใจอย่างแน่นอน”
หมอทั้งสองคุกเข่าลงพร้อมกัน “ท่านแม่ทัพ ถึงแม้ว่าท่านจะถูกยาพิษเข้าไปมาก แต่ก็ยังพอมีทางแก้ไข เพียงแต่เกรงว่าศิลปะการต่อสู้ของท่านจะต้องสูญสิ้นไปทั้งหมด อีกทั้ง……อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าร่างกายช่วงล่างอาจเป็นอัมพาตขยับไม่ได้ หรืออาจส่งผลถึงชีวิตได้”
ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวซีดลงทันทีด้วยสายตาที่แทบไม่อาจจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของหมอทั้งสองคนหรือเพราะอะไร
เขาโบกมืออย่างอ่อนแรงให้หมอทั้งสองออกไปและพูดเพียง “เรื่องนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามเผยแพร่ออกไปให้คนอื่นรับรู้โดยเด็ดขาด”
“ขอรับ……”
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ต้องเป็นกังวล พิษนี้ข้าสามารถกำจัดได้ และจะไม่ทำให้ท่านต้องเป็นอัมพาต และยิ่งไม่ทำให้ท่านต้องจบชีวิตลงเจ้าค่ะ”
“แต่พละกำลังความสามารถของข้า ต้องสูญสิ้นไปทั้งหมดใช่หรือไม่?”
กู้ชูหน่ววนไม่ได้พูดอะไร
เขาถูกวางยาพิษมานานมากแล้ว พิษนี้ถึงแม้จะออกฤทธิ์ช้าและเรื้อรัง แต่มันกลับสามารถแพร่กระจายและทวีคูณอย่างดุเดือดในร่างกายได้
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวฝืนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าถูกวางยาพิษมานานเท่าไรแล้ว?”
“ประมาณ……หนึ่งปีกว่าได้กระมัง”
“หนึ่งปีกว่า……เป็นไปได้อย่างไร…….เป็นนางไปได้อย่างไร……”
แววตาของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวเฉื่อยชา พละกำลังในร่างกายดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงลง เขาทรุดตัวลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ราวกับกำลังนึกถึงคนที่วางยาพิษเขา
กู้ชูหน่วนพอจะคาดเดาถึงคนที่วางยาพิษเขาได้แล้ว
“ในเมื่อท่านแม่ทัพใหญ่ผ่านสงครามการรบมาหลายปี เช่นนั้นก็คงต้องรู้อย่างแน่นอนว่าดวงตาของคนไม่สามารถโกหกได้ กู้ชูอวิ๋นเป็นคนเช่นไร คาดว่าท่านแม่ทัพใหญ่น่าจะรู้ดีกว่าข้า เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงยังไว้เนื้อเชื่อใจนางเช่นนั้น”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเงียบขรึมไม่พูดไม่จา ราวกับยังไม่อาจทำใจกับเรื่องนี้ได้
“ข้าขอคาดเดาว่า การที่ท่านแม่ทัพใหญ่ให้ความสำคัญต่อกู้ชูอวิ๋นมากเช่นนี้ เป็นเพราะว่าในตัวของกู้ชูอวิ๋นยังมีอีกสถานะหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานะที่สำคัญ เพราะท่านแม่ทัพใหญ่เชื่อมั่นอย่างมาก จึงไม่ได้ระมัดระวังในตัวนางใช่หรือไม่”
“นางอายุยังน้อย ไม่ว่าจะสถานะอะไรก็ไม่สมควรที่ท่านแม่ทัพใหญ่จะเชื่อมั่นได้อย่างไร้เงื่อนไข ฉะนั้นปัญหาจะต้องเกิดขึ้นจากพ่อแม่ของนาง”
“ข้าก็เป็นคุณหนูสามกู้แห่งจวนอัครเสนาบดี แต่ท่านแม่ทัพใหญ่กลับไม่ใส่ใจ ไม่สนใจข้า ฉะนั้นคนที่ทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่เชื่อมั่นได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าจะเป็นอัครเสนาบดีกู้ แต่ความน่าจะเป็นเดียวก็คือมารดาของกู้ชูอวิ๋น”
“มารดาผู้ให้กำเนิดกู้ชูอวิ๋นก็มีเพียงอี๋เหนียง นางไม่มีความสามารถมากมายอะไรเช่นนั้น ข้าคาดเดาว่า ท่านแม่ทัพใหญ่จะต้องคิดว่า มารดาผู้ให้กำเนิดกู้ชูอวิ๋นจะต้องเป็นคนอื่น”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวราวกับแก่ลงสิบปี แววตาของเขาไม่มีประกายและยังถอนหายใจยาว
“เจ้าฉลาดมาก ฉลาดจนข้านึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่ง”
“แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า หากมารดาแท้ๆ ของกู้ชูอวิ๋นเป็นคนอื่น เช่นนั้นแล้วนางจะรู้ภูมิหลังของนางได้อย่างไร? เช่นนั้นแล้วจะวางยาพิษทำร้ายท่านเพื่ออะไร?”
“เจ้าจะบอกว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนของนาง?”
“หรือว่าไม่ควรคิดเช่นนั้นหรือ?”
“แต่เหตุใดนางถึงต้องการทำร้ายข้าด้วย?”
“เช่นนั้นก็ต้องถามว่าท่านแม่ทัพใหญ่เก็บซ่อนความลับอะไรเอาไว้”
คำว่าความลับคำเดียว ทำให้แม่ทัพใหญ่เซี่ยวตื่นตัวขึ้นมาและนึกถึงจุดประสงค์ที่นางมาที่จวนแม่ทัพติดต่อกันถึงสองวัน
“ยังไม่ต้องพูดถึงจุดประสงค์ของนางว่ามาเพื่ออะไร พูดเรื่องของเจ้าเถอะ จุดประสงค์ของเจ้ามาเพื่ออะไร?”
“ข้าต้องการไข่มุกมังกร”
ตึ่ง……
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวโยนที่ใส่พู่กันในมือทิ้งไปและแววตาของเขาก็เผยความตกตะลึง
เพียงแต่ความตกตะลึงนี้หายไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนเหมือนกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
แต่กู้ชูหน่วนก็สัมผัสได้
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเปล่งรัศมีอาฆาตออกมาแผ่ปกคลุมไปทั่วกู้ชูหน่วน ราวกับเพียงเขาต้องการฆ่า เช่นนั้นก็สามารถลอบสังหารกู้ชูหน่วนได้ทันที
กู้ชูหน่วนยกกระโปรงและคุกเข่าลง จากนั้นโขกศีรษะลงกับพื้นสามครั้ง นางดวงตาแดงก่ำและสะอึกสะอื้น “ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าหยกกู้ชูหน่วน ข้ารู้ว่าเรื่องที่ข้าร้องขอนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยวได้โปรดช่วยชีวิตของประชาชนนับพันนับหมื่นของเผ่าหยกด้วยเจ้าค่ะ”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวโซเซและเกือบจะยืนไม่มั่นคง ดวงตาของเขาเบิกกว้างและจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างเหลือเชื่อ
“เจ้า……เจ้าพูดอะไรนะ?”
“ข้าคือหัวหน้าเผ่าหยกกู้ชูหน่วน ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยวได้โปรดช่วยชีวิตของประชาชนนับพันนับหมื่นของเผ่าหยกด้วย ขอเพียงท่านยอมช่วยชีวิตเผ่าหยก ไม่ว่าท่านต้องการอะไร เช่นนั้นข้าจะยอมทำตามทุกอย่าง และ……สามารถแลกได้ด้วยชีวิต ฆ่าตัวตายลงต่อหน้าท่าน”
กู้ชูหน่วนพูดจบก็ก้มศีรษะโขกลงกับพื้นอีกสามครั้ง
นางไม่มีหนทางอื่น
ทำได้เพียงแค่ขอร้องให้แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเสียสละชีวิตของเขาลง
หากนางสามารถใช้ชีวิตของนางไปช่วยคนของเผ่าหยกได้ นางจะไม่มีทางลังเลที่จะเลือกเสียสละชีวิตของตัวเองอย่างแน่นอน
แต่กลับเป็นแม่ทัพใหญ่เซี่ยว
ชีวิตของเขาก็เป็นชีวิต นางมีสิทธิ์อะไรให้เขาเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อเผ่าหยก
“เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าหยก เจ้ามีหลักฐานอะไร?”
กู้ชูหน่วนหยิบป้ายตราคำสั่งออกมาจากอก ป้ายตราคำสั่งนี้มีความโบราณเรียบง่ายและสง่างาม โดยมีตัวอักษรคำสั่งตัวใหญ่สลักอยู่ด้านหน้า ตัวอักษรหยกที่ด้านหลัง และยังมีลวดลายดอกเหมย
“นี่คือป้ายตราคำสั่งของหัวหน้าเผ่าหยกเจ้าค่ะ”
“เพียงแค่ป้ายตราคำสั่งอันเดียวไม่สามารถพิสูจน์ถึงตัวตนของเจ้าได้ หากเจ้าแย่งชิงมาจากคนอื่นล่ะ”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ต้องการให้ข้าพิสูจน์อย่างไร”
“เจ้าพาข้าไปยังเผ่าหยกและพบปะกับผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าหยก มีเพียงการได้พบผู้อาวุโสเท่านั้นที่จะจะยอมเชื่อใจ”
“ได้ เพียงแต่จากที่นี่เดินทางไปเผ่าหยกนั้นระยะทางไกลอย่างมาก หากท่านแม่ทัพใหญ่ตกลง ข้าสามารถพาท่านไปยังนิกายเทพอสูรและหออันดับหนึ่งในใต้หล้าก่อนได้หรือไม่ ทั้งสองแห่งนี้ถือเป็นกิจการของเผ่าหยก คาดว่าท่านแม่ทัพใหญ่เน่าจะทราบดี และยังมีผู้อาวุโสหกและผู้อาวุโสเจ็ด พวกเขาก็ออกมาจากเผ่าหยกและอยู่ใกล้เขตเมืองหลวงนี้ ท่านสามารถไปพบพวกเขาก่อนได้”
“ได้ โชคดีที่ข้าก็รู้จักกับผู้อาวุโสหกและผู้อาวุโสเจ็ดของเผ่าหยกเช่นกัน”
กู้ชูหน่วนดีใจ “ข้าจะพาท่านไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”