กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 616
นางเห็นพระองค์เป็นอะไร
อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ยังมีจักรพรรดิอย่างพระองค์อยู่ในสายตาของนางบ้างหรือไม่
“กู้ชูหน่วน!” จักรพรรดิเยี่ยแทบจะแผดเสียง
ในค่ำคืนที่มืดมิด เสียงอันเฉื่อยชาของกู้ชูหน่วนดังขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท กริ้วมากไปจะเสียสุขภาพนะเพคะ อย่าลืมล่ะว่าข้ากุมความลับของพระองค์อยู่…”
“กู้ชูหน่วน ผู้หญิงคนนี้ทำข้าโกรธมาก ในปฐพีนี้มีผู้หญิงไร้ยางอายแบบนี้อยู่ได้อย่างไร… เหตุใดนางถึงได้อวดดีขนาดนี้”
ขันทีหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยเสียงสั่นว่า “ฝ่าบาท นางกล้ากำแหงขนาดนี้ ควรส่งคนไปจับนางมาลงโทษตามสมควรเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิเยี่ยถีบขันทีหนุ่มทันที “เจ้าถูกลาเตะหัวหรืออย่างไร นางเป็นชายาของเยี่ยจิ่งหาน เยี่ยจิ่งหานมีกองทัพอยู่ในมือ กลัวว่ายังไม่ทันจะได้ตัวนางมา เยี่ยจิ่งหานจะมาเอาตัวข้าไปก่อนนะซี”
ขันทีหนุ่มคุกเข่าอย่างหวาดกลัวและไม่รู้จริงๆ ว่าควรตอบอย่างไร
ในความมืดยามราตรี อีกมุมหนึ่งของอุทยานอวี้ฮวา ชายหนุ่มผู้มีสง่าราศีซึ่งอยู่ในชุดผ้าไหมสีม่วงมองไปยังทิศทางที่กู้ชูหน่วนเดินจากไปและอดยิ้มออกมาไม่ได้
ชิงเฟิงที่อยู่ข้างกายชายหนุ่มกระซิบขึ้นมาว่า “นายท่านต้องการให้ข้าน้อยไปบอกพระชายาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ว่าให้พระชายานอบน้อมสักเล็กน้อยเมื่อเข้าวัง”
เยี่ยจิ่งหานยิ้มและเอ่ยอย่างให้ท้าย “พระชายาของข้าจำเป็นต้องทำตัวนอบน้อมด้วยรึ”
“เอ่อ…”
“นางมีชีวิตชีวาและยโสโอหังเช่นนี้ก็ถูกแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ…”
พระชายายโสโอหังพอแล้ว
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่จวนอ๋อง แม้แต่หลังคาของพระราชวังก็แทบจะถูกนางพลิกออกจนหมด
“ขันทีหนุ่มนั่นกับเสี่ยวหลี่จือ ทำให้พวกนั้นมีความทรงจำที่ยาวนานซะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
บุรุษชุดม่วงหายตัวไปในความมืด เหลือเพียงกลิ่นหอมที่ยังคงอยู่ ทว่าไม่มีใครในพระราชวังอันกว้างใหญ่สังเกตเห็น
ชิงเฟิงถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
หลังจากขันทีสองคนนี้ถูกลงโทษ สันนิษฐานว่าวังทั้งวังรวมถึงฝ่าบาทคงต้องวิ่งวุ่นเมื่อพบกับพระชายา
กู้ชูหน่วนไม่ได้กลับจวนหานอ๋องทันที แต่กลับปีนข้ามกำแพงเข้าไปในจวนอัครเสนาบดี
เนื่องจากเป็นเวลากลางดึก ทุกคนในจวนอัครเสนาบดีจึงหลับหมดแล้ว กู้ชูหน่วนเลยดูเหมือนผีที่เดินไปเดินมาอยู่ในจวน
หลังจากนั้นพักใหญ่นางจึงไปหยุดอยู่หน้าห้องของกู้ชูอวิ๋น
ทุกคนในจวนอัครเสนาบดีอยู่กันหมด มีกู้ชูอวิ๋นคนเดียวที่ไม่อยู่
ดึกขนาดนี้แล้วเหตุใดนางจึงไม่อยู่ที่จวน
กู้ชูหน่วนสำรวจไปรอบๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง ดูเหมือนทุกๆ ห้องจะไม่มีร่องรอยของกู้ชูอวิ๋นอยู่เลย
ดังนั้นนางจึงถือโอกาสใช้ผ้าคลุมปกปิดรูปโฉมที่งดงามอย่างหาใครเทียบมิได้ มัดสาวใช้ข้างกายของกู้ชูอวิ๋นไว้ เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “บอกมาว่าคุณหนูของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน”
“วะ… ไว้ชีวิตข้าด้วย… คุณหนูของข้าอยู่… อยู่ในห้อง”
“เหลวไหล คุณหนูของเจ้าอยู่ห้องไหนกันล่ะ”
กู้ชูหน่วนถีบห้องส่วนตัวของกู้ชูอวิ๋นให้เปิดออกและดึงตัวสาวใช้เข้าไปด้วยกัน
ทันทีที่เห็น สาวใช้ก็ตะลึงงัน
“ปะ… เป็นไปได้อย่างไร ข้าเฝ้าอยู่นอกห้องตลอด คุณหนูอยู่ในห้องจริงๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณหนูจะออกไปตอนที่ข้างีบหลับ? ไม่ นั่นก็เป็นไปไม่ได้ ดึกดื่นขนาดนี้คุณหนูออกไปข้างนอกไม่ได้หรอก”
ใบหน้าของสาวใช้ดูประหลาดใจมากจนไม่เหมือนคนกำลังโกหก กู้ชูหน่วนตีนางจนสลบและค้นห้องของกู้ชูอวิ๋น หวังว่าจะพบหลักฐานอะไรบ้าง แต่น่าเสียดายที่ต้องผิดหวังเพราะที่ห้องนี้ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย
แสงอรุณโผล่พ้นขอบฟ้า ดวงอาทิตย์ถูกชุบไปด้วยแสงสีเหลืองทอง
กู้ชูหน่วนมองไปทางแสงอาทิตย์ยามเช้าและนึกถึง ‘สำนักศึกษาวังหลวง’ ขึ้นมา
กู้ชูอวิ๋นมีใจให้ท่านอาจารย์ซั่งกวน นางไม่มีทางพลาดชั้นเรียนของท่านอาจารย์ซั่งกวนเป็นแน่
เมื่อกู้ชูหน่วนมาถึงสำนักศึกษาวังหลวงฟ้าก็สว่างแล้ว เหล่านักเรียนในสำนักศึกษามองกู้ชูหน่วนและพากันตั้งข้อสังเกต
“ดูสิ นั่นมันกู้ชูหน่วนพระชายาเอกของเทพแห่งสงครามมิใช่หรือ นางไม่ได้มาเรียนที่สำนักศึกษาวังหลวงตั้งนานแล้ว อยู่ๆ ทำไมวันนี้ถึงมาได้ล่ะ”
“นางมีชีวิตที่ดี เป็นพระชายาเอกของท่านหานอ๋อง ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาวังหลวงไปนานแล้ว”
“ใช่ สำนักศึกษาวังหลวงเป็นสถานที่แบบไหนกัน นางคิดจะมาเรียนก็มา คิดจะไม่มีก็ไม่มา”
“เรื่องนางจะโดนไล่ออกหรือไม่น่ะช่างมันเถอะ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องถามว่าเรื่องราวคราวที่แล้วจะเป็นอย่างไรต่อมากกว่า”
คำพูดประโยคนั้นทำให้หลายๆ คนในสำนักศึกษาตื่นตัว
ทันทีที่กู้ชูหน่วนเหยียบย่างเข้ามาในสำนักศึกษาวังหลวง ทุกคนจึงเข้ามาโอบล้อมนางและพากันถามไม่หยุดว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับหยางฉู่รั่ว
นางเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ตายแล้ว ตายหมด พระเอกนางเอกและตัวประกอบชายตายหมด”
“ตายกันหมด จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร นางเอกหยางฉู่รั่วยังไม่ได้แก้แค้นเลยมิใช่หรือ”
กู้ชูหน่วนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ถ้าพวกเจ้าคิดว่าตอนจบไม่ดีก็เขียนเองเสียเลยสิ”
คนพวกนั้นยังตามถามไม่หยุด กู้ชูหน่วนพยายามเบียดตัวออกมาจากฝูงชน แต่กลับยิ่งถูกล้อมไว้แน่น โชคดีที่องครักษ์กลุ่มหนึ่งมาจากไหนไม่รู้ พวกเขาใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็งกันนักเรียนเหล่านั้นออกไป
“พี่ใหญ่ เป็นท่านจริงๆ ด้วย ข้าคิดว่าข้าตาฝาดไปแล้วเสียอีก หลายวันมานี้ท่านหายไปไหนมา พวกเขาคิดถึงแทบแย่”
“ดีจริงที่ได้เจอพี่ใหญ่ ต่อไปท่านคงมาเรียนที่สำนักศึกษาวังหลวงต่อแล้วใช่หรือไม่”
หลิ่วเย่ว์กับอวี๋ฮุยวิ่งหน้าตาตื่นมาแต่ไกล มุมปากของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายออกเมื่อเห็นพวกเขา
“ช่วงนี้พวกเจ้าสองคนเป็นอย่างไรบ้าง คงถูกอาจารย์ซั่งกวนลงโทษบ่อยเลยละซี”
“ตั้งแต่ท่านจากไป ท่านอาจารย์ซั่งกวนก็ลาไปเหมือนกัน เขาไม่ได้มาสอนตั้งนานแล้ว”
หัวใจของกู้ชูหน่วนเต้นผิดจังหวะ “ท่านอาจารย์ซั่งกวนขอลา? ลาไปทำอะไรรึ”
นางจำได้ว่าอาจารย์ซั่งกวนดูเหมือนจะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แล้วเขาก็ไม่ได้ป่วยด้วยมิใช่หรือ
“เรื่องนี้พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน สำนักศึกษาบอกเพียงว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนต้องการท่องเที่ยวไปทั่วทั้งใต้หล้า เขาจึงขอลาชั่วคราว ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้หรอกว่าเหล่าอาจารย์ในสำนักศึกษากำลังจะเป็นบ้า พวกคุณหนูมั่งมีในสำนักศึกษารวมทั้งองค์หญิงตังตังคอยถามทุกวันว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนจะกลับมาตอนไหน และนั่นทำให้พวกอาจารย์เป็นทุกข์”
หลิ่วเย่ว์ยิ้มอย่างยินดีปรีดา อวี๋ฮุยก็ไม่ต่างกันนัก เขาพูดพลางทำมือทำไม้ว่า “ถ้าให้ข้าพูด ข้าว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนไม่ต้องกลับมาเลยน่ะดีที่สุด ถ้าเขากลับมา เขาก็มีแต่จะจับผิดพี่ใหญ่ ขนาดพวกเรายังโดนหางเลขไปด้วย ตอนที่เขาไม่มาสอน ท่านไม่รู้หรอกว่าพวกเราสบายแค่ไหน”
“ที่สุขใจที่สุดก็คือ เมื่อคุณหนูมั่งมีเหล่านั้นไม่เจอท่านอาจารย์ซั่งกวน พวกนางก็ทำหน้าตาเหงาหงอยกันทุกวันเหมือนคนถูกทิ้ง มองความผิดหวังนั่นสิ แหมๆๆ พอนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่พวกนางสร้างภาพเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอาจารย์ซั่งกวน ข้าละอยากจะอ้วก”
กู้ชูหน่วนถามว่า “แล้วกู้ชูอวิ๋นล่ะ”
“กู้ชูอวิ๋น? นางก็ยังมาเรียนทุกวันนี่”
“มาทุกวัน?”
“ใช่ นางมาถึงสำนักศึกษาก่อนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนทุกวัน ทันทีที่เลิกเรียนนางจะออกไปจากสำนักศึกษาทันที พี่ใหญ่ ในฐานะผู้ชาย สัมผัสที่หกบอกบางอย่างกับข้า ข้าจะบอกความลับให้ท่านอย่างหนึ่ง ที่กู้ชูอวิ๋นมารายงานตัวที่สำนักศึกษาทุกวันน่ะ ก็เพราะท่านอาจารย์ซั่งกวน”
กู้ชูหน่วนตอบแทนพวกเขาด้วยลูกเกาลัดบนหัว “ไร้สาระ แม้แต่คนโง่ยังดูออกว่านางสนใจซั่งกวนฉู่”
“เจ็บ… ท่านยังมือหนักเหมือนเดิมเลยพี่ใหญ่ หัวของข้าจะแตกอยู่แล้ว”
“จริงด้วยพี่ใหญ่ ฝ่าบาทพระราชทานให้ลูกพี่เซี่ยวแต่งงานกับกู้ชูอวิ๋น พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว ท่านรู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่ พวกข้าไม่อยากให้ลูกพี่แต่งงานกับผู้หญิงอย่างกู้ชูอวิ๋นเลย”
“วางใจได้ น่าจะมีพระราชโองการประกาศไปถึงจวนแม่ทัพแล้ว กู้ชูอวิ๋นไม่มีโอกาสได้แต่งงานกับเซี่ยวอวี่เซวียนแล้วละ”
หลิ่วเย่ว์กับอวี๋ฮุยตะลึง
หลายๆ คนในจวนแม่ทัพขอร้องต่อฝ่าบาทให้พระองค์ถอนรับสั่งกลับคืน แต่ฝ่าบาทยืนกรานว่าทำไม่ได้ เหตุใดอยู่ๆ พระองค์จึงถอนรับสั่งกลับง่ายๆ?
ต้องเป็นพี่ใหญ่แน่ๆ มีแต่พี่ใหญ่เท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้