กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 650

บทที่ 650

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 650
เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดจะหันหน้าหนี แต่ก็คิดได้ว่าทักษะการต่อสู้ของซั่งกวนฉู่คล้ายคลึงกับเหวินเส่าอี๋มาก ไม่ว่าจะเป็นการประสานฝ่ามือสร้างน้ำแข็งหรือการใช้น้ำแข็งสังหารศัตรู

รวมไปถึงวิชาน้ำแข็งผนึกหมื่นลี้

แม้ว่ากระบวนท่านั้นจะแค่คล้ายน้ำแข็งผนึกหมื่นลี้ แต่ก็ให้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน

เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซั่งกวนฉู่ก็บาดเจ็บมาก่อนเช่นกัน

ตอนที่เหวินเส่าอี๋ไปยังขั้วโลกเหนือ ซั่งกวนฉู่ก็ลางานเพื่อไปท่องยุทธภพ เพลิดเพลินกับการท่องโลก

อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนี้

ที่บังเอิญที่สุดก็คือ กลิ่นอายบางอย่างในตัวของพวกเขาทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

ว่ากันตามเหตุผล เหวินเส่าอี๋ที่ถูกภูเขาหิมะถล่มน่าจะตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเมื่อไม่เห็นศพกับตาตัวเอง นางจึงยังด่วนสรุปไม่ได้ว่าเหวินเส่าอี๋ตายอยู่ที่ขั้วโลกเหนือจริงๆ

ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ยกยิ้มมุมปาก จ้องมองส่วนล่างของเขาและยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ที่ท่านอาจารย์ชี้แนะก็คือ ถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างศิษย์กับอาจารย์ จะต้องน่าสนใจมากแน่ๆ สินะ”

“นอกจากนี้… ท่านอาจารย์ช่างมีสง่าราศี มีความสามารถที่น่าทึ่ง ศิษย์อยากได้มานานแล้ว ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย ทำไมเราไม่ลองมาสำรวจกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นล่ะเจ้าคะ”

นางพูดพลางเอื้อมมือทั้งสองออกไปอย่างไม่น่าไว้ใจนัก

พรึ่บ

ยังไม่ทันสัมผัสโดนตัวซั่งกวนฉู่ อาจารย์ซั่งกวนก็พลิกตัวขึ้นคร่อมนางเอาไว้

กลิ่นหอมจางๆ ที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยโชยเข้ามาเตะจมูก กลิ่นนั้นทำให้กู้ชูหน่วนรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว ทั้งยังละโมบอยากจะสูดดมกลิ่นกายของเขาให้มากกว่านี้

ตรงหน้าของนางคือใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตรของซั่งกวนฉู่ ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ

กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ถึงลมหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจของเขา

หัวใจของเขาเต้นรัว บนใบหน้าที่ขาวซีดแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ มุมปากที่ยกขึ้นมาดูเหมือนกำลังดึงดูดมอมเมาให้นางถลำลึก “คุณหนูสาม แน่นอนว่าการสำรวจให้ลึกซึ้งไม่ใช่แค่การขยับริมฝีปากหรือขยับมือเพียงเล็กน้อย ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ”

ซั่งกวนฉู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน มือซ้ายที่เรียวยาวปัดปอยผมบนหน้าผากของนาง ลากปลายนิ้วลงไปเรื่อยๆ และสันจมูกที่ได้รูปก็เกือบสัมผัสเข้ากับสันจมูกของนาง

การเคลื่อนไหวของซั่งกวนฉู่ทำให้กู้ชูหน่วนสั่นสะท้าน

ภายในใจอดคิดถึงใบหน้าที่หยิ่งทะนงของเยี่ยจิ่งหานไม่ได้

กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อนึกถึงเขา นางผลักซั่งกวนฉู่ออกไปและเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ท่านเป็นอาจารย์นะเจ้าคะ มาสอนให้นักเรียนทำเรื่องไร้ศีลธรรมเช่นนี้ ไม่กลัวเรื่องจะแดงออกไปจนทำลายชื่อเสียงรึ”

“ทั้งสองฝ่ายต่างยินยอม ไร้ศีลธรรมตรงไหน?”

“เฮอะ…อาจารย์ผู้ภูมิฐานแห่งสำนักศึกษาวังหลวง พูดออกมาได้ไม่อายปาก”

ซั่งกวนฉู่จัดเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของตนอย่างใจเย็น จากนั้นจึงพูดเรียบๆ ว่า “จากท่าทางของคุณหนูสาม ดูเหมือนท่านจะไม่อยากสำรวจข้าให้ลึกซึ้งแล้วสินะ”

กู้ชูหน่วนส่งสายตาให้เขาทำเหมือนเขาดูงี่เง่า พร้อมกันนั้นก็ยกยิ้มมุมปากอย่างดูถูก

ทว่าซั่งกวนฉู่ไม่สนใจและพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ไม่เลวนี่ สติของคุณหนูสามพัฒนาขึ้นมาก ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองหวั่นไหวไปกับความงาม ข้าผู้เป็นอาจารย์ดีใจยิ่งนัก”

“…..”

กู้ชูหน่วนเกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิด

เจ้าจิ้งจอกนี่…เขาพูดอะไรของเขา?

ความหมายของเขาก็คือทุกอย่างที่ทำไปเมื่อครู่เป็นไปเพื่อทดสอบนางงั้นเหรอ

ไร้สาระ

เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์กับนางไปอีกขั้น แต่ยังกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

“ช่างสมแล้วที่ท่านอาจารย์เป็นถึงสี่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลวง คารมคมคายแบบนี้ มีเกียรติแบบนี้ ข้าเทียบท่านไม่ได้เลยจริงๆ”

“เพราะฉะนั้น เมื่อท่านกลับไปที่สำนักศึกษา ท่านควรจะตั้งใจเรียนให้มากๆ”

กู้ชูหน่วนนึกกังขาอยู่ในใจ

ผู้ชายคนนี้คือเหวินเส่าอี๋จริงๆ หรือ

สองคนนี้จะแตกต่างกันไปหรือเปล่า

“เหตุใดท่านจึงสละชีวิตเพื่อช่วยข้า”

“ข้าทรงตัวไม่ได้และเสียหลักลื่น พอตกใจก็ดันท่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ยังนึกเสียใจอยู่หน่อยๆ เลย”

“…..”

“แล้วเหตุใดท่านจึงยอมเสี่ยงตายขัดขวางชายชราชุดดำเอาไว้”

“เพราะเขาคิดจะฆ่าข้าเหมือนกันนะสิ การช่วยท่านจึงเท่ากับว่าข้าช่วยตัวเองด้วย”

กู้ชูหน่วนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แต่นางไม่มีกะจิตกะใจจะสืบหาเจตนาที่แท้จริงของอาจารย์ซั่งกวน

กู้ชูหน่วนกวาดตามองไปรอบๆ ขุนเขาอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาว ทันใดนั้นนางก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างห่อเหี่ยว รักษาแผลให้ตนเองพลางรอให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คาบข่าวดีกลับมาแจ้ง

นางได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งภายในและภายนอก ที่หน้าท้องมีบาดแผลขนาดใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา เลือดยังไหลออกมาไม่หยุดจนทำให้อาภรณ์สีแดงสดของนางเปรอะเปื้อน

กู้ชูหน่วนถลกเสื้อของตนเพื่อดูปากแผลอันรุนแรงบริเวณหน้าท้อง จากนั้นจึงหยิบขวดผงห้ามเลือดออกมาทาห้ามเลือดที่หน้าท้องอย่างเงียบๆ

ปากแผลกว้างมากจนแทบจะผ่าหน้าท้องของนางออก ลองนึกสภาพได้เลยว่านางจะเจ็บปวดแค่ไหนตอนที่ทายาลงบนแผลนั่น

แต่ถึงอย่างนั้นกู้ชูหน่วนก็ทำแค่เพียงกัดฟันทน ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลยสักน้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่ามือที่ปิดปากแผลเอาไว้สั่นเทา ซั่งกวนฉู่คงคิดว่านางไม่เจ็บไม่ปวดเลย

ซั่งกวนฉู่รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยขณะที่มองนางฉีกชุดและพันแผลให้ตัวเองอย่างชำนาญ มองเหงื่อเย็นๆ ที่หยดลงมาจากหน้าผากอย่างไม่ขาดสาย ริมฝีปากของเขาขยับ นึกอยากจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อปลอบโยน แต่เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

พระอาทิตย์กำลังตกดิน ลมหนาวพัดโชยมา กู้ชูหน่วนเอนกายพิงต้นไม้อายุนับร้อยปี นางจับมือตัวเองไว้แน่นและซบหน้าลงกับเข่า เขาสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าอันเบาบางที่แผ่ออกมาจากตัวนาง

ในภาพจำของซั่งกวนฉู่ กู้ชูหน่วนเป็นคนที่อวดดีอยู่เสมอ นางไม่ขึ้นกับใคร มักจะทำทุกอย่างตามใจตน และฝีปากคู่นั้นก็มักจะทำให้คนอื่นโกรธจนจะเป็นจะตายได้เสมอ

ทว่าตอนนี้…

นางเป็นเหมือนแกะตัวน้อยที่โดดเดี่ยว ความโศกเศร้าที่แผ่ออกมาทำให้เขาแทบทนไม่ไหวที่จะดึงนางมากอดไว้แน่นๆ

ริมฝีปากบางของอาจารย์ซั่งกวนเผยอขึ้น เอ่ยราวกับปลอบโยนว่า “ในเมื่อเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ก็มีแต่ต้องยอมรับมันให้ได้”

ซั่งกวนฉู่คิดว่า ไม่ว่าเขาจะปลอบโยนอย่างไร กู้ชูหน่วนก็คงไม่มีทางรู้สึกดีขึ้นได้อย่างง่ายดาย

อยู่ๆ คนรักก็กลายมาเป็นพี่ชาย เป็นใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้น

แต่เขาไม่คิดว่ากู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน นางสูดลมหายใจเข้าและมองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน พยายามฉีกยิ้มและเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ในเมื่อเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ก็มีแต่ต้องยอมรับเท่านั้น ทางไปเมืองหลวงอยู่ตรงนั้น ถ้าปีนไปบนยอดผาและเดินทางตรงไปตามทิศทางที่แน่ชัด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเราจะออกไปจากสถานที่บ้าๆ นี่ไม่ได้”

อยู่ๆ อาจารย์ซั่งกวนก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

เห็นนางเป็นแบบนี้เขายิ่งเจ็บปวดใจ

เห็นได้ชัดว่านางสนใจแต่กลับแสร้งทำเป็นไม่สนใจ

“ท่านอยากร้องก็ร้องเถิด ข้าไม่เอาไปพูดที่ไหนหรอก”

“ร้อง? ยังมีหลายสิ่งที่ข้าต้องจัดการให้สำเร็จ ข้ามีเวลามาร้องไห้เสียที่ไหน”

กู้ชูหน่วนพยายามลุกขึ้นยืน

มีเวลาเหลือไม่มากแล้ว นางจะเสียเวลาอีกไม่ได้

ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หาทางออกเจอหรือไม่ นานแล้วยังไม่เห็นกลับมาเสียที

นางสะบัดศีรษะพยายามลบภาพเงาของเยี่ยจิ่งหานออกไป

สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาฆาตกรที่สังหารแม่ทัพใหญ่เซี่ยว ตามหาไข่มุกมังกร จากนั้นจึงนำไปให้เผ่าหยก

อีกแค่ลูกเดียวเท่านั้น…

ท่านพี่เฉินเฟย ท่านต้องอดทนไว้นะ

ถ้าเขาทนรอไม่ไหว นางคงจะโทษตัวเองไปตลอดชีวิต

“ท่านบาดเจ็บสาหัส พักอีกสักสองวันดีกว่า”

“…..”

“ถึงท่านไม่ต้องพัก แต่ข้ายังต้องพัก”

ซั่งกวนฉู่ชี้บาดแผลของตนเอง

เขาบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าจะเดินทางต่อ

“เช่นนั้นท่านพักอยู่ที่นี่ รอข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วข้าจะกลับมารับท่าน”

“คุณหนูสาม ท่านล้อข้าเล่นรึ ที่นี่เป็นภูเขากันดาร ถ้ามีสัตว์ร้ายโผล่มาล่ะ ข้าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไง”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท