กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 634

บทที่ 634

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 634
ทั้งสองฝ่ายสถานการณ์ตึงเครียด และอาจเกิดสงครามขึ้นได้ทุกเมื่อ

เซียวอวี่โหลวพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “พี่ใหญ่ หากกองทัพของตระกูลเซี่ยวต่อสู้กับกองทัพของเทพแห่งสงคราม จะต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน และรากฐานของรัฐเยี่ยทั้งหมดก็จะต้องสั่นคลอน ถึงตอนนั้นหากมีคนที่มีเจตนาไม่ดีฉวยโอกาสนี้เข้ามาโจมตีรัฐเยี่ย เช่นนั้นก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก ท่านพ่อจงรักภักดีและรักชาติบ้านเมืองมาตลอดชีวิต รักทหารเสมือนบุตรของตนเอง หากเขายังมีชีวิตอยู่ เขาคงไม่อยากให้พวกเราฆ่าฟันกันเองอย่างแน่นอน”

เซียวหว่านเอ๋อร์พยักหน้าและเกลี้ยกล่อม “พี่รองพูดถูก แม้ว่าพวกเราจะไม่กลัวท่านหานอ๋องเทพแห่งสงคราม แต่พวกเราไม่สามารถปล่อยให้กองทัพของตระกูลเซี่ยวตายเปล่าได้”

เสียงของพวกเขาเบามาก แต่กู้ชูหน่วนก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน

นางยกมือขึ้นและสาบานว่า “เจ็ดวัน ให้เวลาข้าเจ็ดวัน ข้าจะหาตัวคนร้ายที่ฆ่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยวออกมาให้ได้ หากไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ข้าจะยอมให้พวกท่านจัดการกับข้า”

เซี่ยวอวี่ชงไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่จ้องมองนางอย่างดุร้าย และในใจยังคงโกรธแค้น

กู้ชูหน่วนกล่าวต่อ “หากท่านอยากให้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ พวกเราก็ลองรบกันสักตั้งแต่……หากข้าไม่ใช่คนร้าย กองทัพของตระกูลเซี่ยวก็ไม่ต้องหลั่งเลือดไม่ใช่หรือ?”

“ตกลง ข้าจะเชื่อท่านสักครั้ง เจ็ดวัน หากหลังจากเจ็ดวันแล้ว ท่านไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ตระกลูเซี่ยวของเรากับท่านก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”

“ตกลง”

กู้ชูหน่วนมองดูแม่ทัพใหญ่เซี่ยวที่ยังคงนอนจมกองเลือดด้วยความเจ็บปวดใจ จากนั้นก็มองไปที่เซี่ยวอวี่เซวียนอย่างอกสั่นขวัญหาย นางเอามือของเยี่ยจิ่งหานออกและเดินออกไปจากจวนแม่ทัพ

“แม่สาวอัปลักษณ์”

เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง กู้ชูหน่วนหยุดและหันไปดวงตาที่แดงก่ำและสีหน้าที่โศกเศร้าของเซี่ยวอวี่เซวียน

“ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านตามลำพัง”

“ได้”

เยี่ยจิ่งหานไม่วางใจ กู้ชูหน่วนจึงบอกใบ้เขาว่าไม่ต้องห่วง จากนั้นก็ดินตามเซี่ยวอวี่เซวียนไปยังสถานที่ที่เงียบสงบ

“เจ้าอยากถามอะไร?”

“ก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะตาย เขาคุยอะไรกับท่าน?”

“เยอะแยะมากมาย เขารู้ว่าพวกเจ้าต้องการจะฉลองวันครบรอบอายุหกสิบปีของเขา และบอกว่าเมื่อเขาอายุครบหกสิบแล้ว เขาจะไปที่เผ่าหยกด้วยกันกับข้า”

“ไปทำอะไรที่เผ่าหยก”

“เสี่ยวเซวียนเซวียน เรื่องนี้พูดไปแล้วก็ยาว……”

“เช่นนั้นก็พูดอย่างรวบรัด”

พูดอย่างรวบรัด?

พูดอย่างไร?

เมื่อพูดถึงเผ่าหยก เขาอาจจะยอมช่วยเผ่าหยกก็ได้?

กู้ชูหน่วนลังเลที่จะอธิบาย

จู่ ๆ เซียวอวี่เซวียนก็ถามว่า “แม่สามอัปลักษณ์ ท่านบอกความจริงกับข้าเถอะ ท่านเคยคิดที่จะฆ่าท่านพ่อของข้าหรือไม่?”

“ข้า……”

กู้ชูหน่วนอยากจะปฏิเสธ แต่นางเคยคิดจะฆ่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยวจริง ๆ

หากนางยอมรับ เรื่องนี้ก็จะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และเซียวอวี่เซวียนก็จะยิ่งเข้าใจนางผิด

นางกลัว กลัวว่าเหตุการณ์ที่นางเห็นที่ทะเลโลหิตจะกลายเป็นจริง

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เซียวอวี่เซวียนก็เข้าใจในทันที

เขาโซเซและสีหน้าซีดเผือด เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แต่เสียงหัวเราะนี้ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

เซียวอวี่เซวียนมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในเวลานี้เขาก็ตระหนักได้ว่าความจริงแล้วเขาไม่เคยเข้าใจนางเลย

ผู้หญิงที่เขาไว้ใจมากที่สุด ต้องการจะฆ่าท่านพ่อของเขาจริง ๆ

ไม่ว่านางจะฆ่าท่านพ่อของเขาหรือไม่ นางก็ต้องการที่จะเอาชีวิตท่านพ่อของเขาไม่ใช่หรือ?

กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดในใจและรีบอธิบาย “เสี่ยวเซวียนเซวียน เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ท่านพ่อของเจ้าตายไปตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว แต่เขาสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้เพราะมีคนกลั่นไข่มุกมังกรใส่ไว้ในหัวใจของเขา เขาจึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่ในตอนนี้เผ่าหยกต้องการไข่มุกมังกร”

“ท่านพ่อของเจ้าต้องการจะคืนไข่มุกมังกรให้กับเผ่าหยกมาโดยตลอด เขาพยายามหาที่จะหาที่ตั้งของเผ่าหยก ครั้งนี้……”

“พอแล้ว……ท่านพ่อของข้าเป็นปกติดี แต่ท่านบอกว่าท่านพ่อของข้าตายไปตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว ท่านคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร?”

กู้ชูหน่วนพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้นางก็ไม่เชื่อเช่นกัน

แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้……

เซี่ยวอวี่เซวียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและร้องไห้ออกมา เขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ และคำพูดที่เขาพูดออกมาก็ทำให้กู้ชูหน่วนไม่สบายใจ

“ท่านเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุด และเป็นคนที่ข้าห่วงใยมากที่สุด ใต้หล้านี้ใครจะฆ่าท่านพ่อของข้าก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ท่าน”

เซี่ยวอวี่เซวียนน้ำตานองหน้า และตาของเขาก็พร่ามัวจนแทบจะมองไม่เห็น แต่เขายังคงจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างดื้อรั้น ราวกับว่าเขาอยากให้สิ่งที่กู้ชูหน่วนพูดเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องจริง

อย่างไรก็ตามกู้ชูหน่วนโทษตัวเอง นางรู้สึกผิดและไม่มีอะไรจะพูด นางทำให้เขาหัวใจสลาย

เขาระงับความเจ็บปวดในใจ จากนั้นก็ละสายตาอย่างเด็ดเดี่ยว และเดินจากไปอย่างโซซัดโซเซ

“เสี่ยวเซวียนเซวียน……”

เสียงของกู้ชูหน่วนสะอึกสะอื้นเล็กน้อย

การควักไข่มุกมังกรออกมาจากหัวใจของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว เป็นสิ่งที่นางไม่อยากทำมากที่สุด แต่นางไม่มีทางเลือก

เพื่อคนอีกหลายพันคน นางจึงต้องยอมสละชีวิตของคนหนึ่งคน

เจ็บปวดใจราวกับว่ามีเลือดหยดออกมาหัวใจ

ในเวลานี้ นางรู้สึกถึงความเหินห่างและความผิดหวังของเซี่ยวอวี่เซวียนที่มีต่อนางอย่างชัดเจน

ทันใดนั้นก็เงามาปกคลุมร่างของนาง และจากนั้นก็มีเสื้อคลุมมาคลุมนางไว้

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น และไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานมาอยู่ข้าง ๆ นางตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากล่าวอย่างอ่อนโยน “อากาศหนาวแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่านางออกไปจากจวนแม่ทัพได้อย่างไร ยังไม่ทันจะไปถึงจวนหานอ๋อง นางก็หยุดเดิน นัยน์ตาของนางเย็นยะเยือกจนน่าสะพรึงกลัว

“ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปที่จวนอัครเสนาบดี”

“ข้าจะไปกับเจ้า”

“อืม”

ผู้คนพากันไปที่จวนอัครเสนาบดีอย่างเอิกเกริก รวมทั้งลูกน้องของเยี่ยจิ่งหานด้วย จวนอัครเสนาบดีไม่เคยเห็นขบวนที่ใหญ่มากขนาดนี้ ผู้คนต่างตกใจกลัวจนขาอ่อนแรง

อัครเสนาบดีกู้ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง พร้อมด้วยอนุภรรยาและบรรดาคุณหนูทั้งหลาย รวมทั้งกู้ชูอวิ๋นด้วย

กู้ชูอวิ๋นนิ่งสงบเช่นเคย ภายนอกดูอ่อนโยนและอ่อนแอ มีความรู้ความสามารถและรูปร่างหน้าตาดี และดูไม่ออกว่านางมีจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิต

อัครเสนาบดีกู้กล่าวด้วยความตระหนกตกใจ “ข้าน้อยคารวะท่านหานอ๋องและพระชายาหาน ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี ไม่ทราบว่าท่านหานอ๋องมาถึงจวนอัครเสนาบดี มีอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ไม่ว่าคนในจวนอัครเสนาบดีจะโง่เขลาสักเพียงใด ก็ย่อมดูออกว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาดี ผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง เพราะกลัวว่าจะทำให้พวกเขาขุ่นเคือง

“จู่ ๆ พระชายาของข้าก็รู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมา ข้าจึงพานางกลับมาบ้านเดิม”

กู้ชูหน่วนคิดถึงบ้าน?

ล้อเล่นอะไร?

กู้ชูหน่วนเคยคิดถึงบ้านที่ไหนกัน?

นางตัดขาดกับจวนอัครเสนาบดีตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?

เมื่อเผชิญหน้ากับกู้ชูหน่วน อัครเสนาบดีกู้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง และไม่รู้ว่าต้องเผชิญอย่างไร

เขาเกลียดชังบุตรสาวผู้นี้เป็นที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางมีความสามารถเป็นเลิศและสง่างามเหมือนแม่ของนาง

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ “ท่านพ่อ ไม่ได้เจอกันเสียนาน”

“พระชายาหานเกรงพระทัยแล้ว” อัครเสนาบดีกู้ฝืนยิ้ม และเชิญพวกเขาเข้าไปในห้องโถงหลัก

และรอพวกเขาบอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่ในวันนี้

“ท่านคงกำลังคิดว่าพวกเรามาทำอะไรที่นี่ใช่หรือไม่?”

“ไม่ทราบว่าพระชายาหานมีอะไรจะรับสั่งหรือไม่?”

“พูดดี วันนี้ข้าจะพาคนคนหนึ่งไป หากอัครเสนาบดีกู้ต้องการจะขัดขวาง เช่นนั้นก็ต้องเป็นปฏิปักษ์กับเราสองสามีภรรยา แต่หากไม่ขัดขวางก็ดีที่สุด?”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท