กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 627
“แม่สาวอัปลักษณ์ ท่านคิดอะไรอยู่”
“ข้ากำลังคิดว่าเป็นไปได้หรือว่าที่ตอนที่อัครมเหสีฉู่สลบไป พระองค์ทรงให้กำเนิดบุตรอีกคน?”
“นี่…..เป็นไปได้อย่างไร ต่อให้สลบไปก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าคลอดบุตร อีกอย่างพระองค์สลบไปแล้วจะคลอดบุตรได้อย่างไร?”
“ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ มียาบางชนิดที่สามารถช่วยให้คนคลอดบุตรได้ในขณะที่สลบอยู่ เพื่อทำให้รู้สึกน้อยลง และคลอดบุตรได้ง่าย”
“มียาเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“มี แต่มันเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก และคนส่วนใหญ่จะไม่ใช้มัน” ดังนั้นยาชนิดนี้ จึงสูญหายไปนานแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่คนทั่วไปจะมี
จักรพรรดิฉู่มีความหวังมากยิ่งขึ้น “ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นพระโอรสฝาแฝดของข้า?”
“หม่อมฉันก็ไม่แน่ใจเพคะ” แต่กู้ชูหน่วนเชื่อว่าเขากับเยี่ยเฟิงเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน
เพียงแต่จักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่สูญเสียบุตรชายอันเป็นที่รักไปหลายครั้งติดต่อกัน นางเกรงว่าหากให้ความหวังพวกเขา จะทำให้พวกเขาผิดหวังอีกครั้ง พวกเขาจะทนได้อย่างไร
“เจ้าชื่ออะไร?ในครอบครัวมีใครอีกบ้าง?” จักรพรรดิฉู่อดไม่ได้ที่จะถาม
ลั่วอิ่งเหลือบมองออกไปนอกประตูอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ตอบ
อัครมเหสีฉู่ตรัสว่า “เจ้าไม่ต้องกลัว พวกเราไม่มีทางที่จะทำร้ายเจ้า พวกเราแค่อยากรู้ว่าปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่ ในครอบครัวยังมีใครอีกหรือไม่?”
ฮวาฉี่หลัวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ไอ้หยา เจ้าคงไม่ได้เป็นใบ้หรอกนะ แต่ก็ไม่ต่างจากคนใบ้ ข้าถามทางเขา ถามจนปากคอแห้ง เขาไม่แม้แต่จะปริปาก และข้าก็โกรธมากจนอยากจะทุบตีเขา ช่างเป็นคนที่ยากจะคาดเดาจริง ๆ”
อัครมเหสีฉู่ประคองให้เขานั่งลง และเมื่อเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บ นางจึงรีบให้คนนำกล่องยามา และทำแผลให้เขาด้วยตนเอง
และกล่าวด้วยความสงสัยว่า “เขาต้องทนทุกข์ทรมานมามากอย่างแน่นอน ถึงได้มีอุปนิสัยเช่นนี้ ในเมื่อเขาไม่อยากพูด เช่นนั้นพวกเราก็อย่าบีบบังคับเขาเลย”
ฮวาฉี่หลัวทุบหัวตนเองความรำคาญและกลอกตา “ข้าคิดว่าท่านพี่หน่วนใจดีมากแล้ว แต่ไม่คิดว่าพระองค์จะใจดียิ่งกว่าท่านพี่หน่วนเสียอีก”
อัครมเหสีฉู่เปิดแขนเสื้อของเขาขึ้น และห้ามเลือดที่แขนให้เขา แต่พบว่าแขนของเขามีรอยแผลเป็นจากดาบเต็มไปหมด และยังมีรอยแผลจากมีด รอยแผลไฟไหม้ รอยแผลจากง้าวและอื่น ๆ
บาดแผลเหล่านี้ทั้งเก่าและใหม่ และบางส่วนก็น่าจะเป็นสิบปีแล้ว
นอกจากกุ้ชูหน่วน คนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจ
อัครมเหสีฉู่จึงรีบยกแขนอีกข้างหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และดึงเสื้อผ้าที่ด้านหลังขึ้น ร่างกายที่ถูกปกคลุมของเขาไปด้วยรอยแผลเป็นเกือบทั้งหมด และไม่สามารถหาจุดที่สมบูรณ์ได้เลย
ฮวาฉี่หลัวปิดปากและพูดด้วยความตกใจว่า “ทำไมถึงมีบาดแผลมากมายเช่นนี้ โอ้สวรรค์……จะต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน บางที่ก็เปื่อยเน่า และเขาก็ไม่ทำแผล?”
สีหน้าของเซี่ยวอวี่เซวียนดูไม่ค่อยดีนัก
รอยแผลเป็นบนร่างกายนี้เหมือนกับเยี่ยเฟิงมาก แต่ที่แตกต่างก็คือรอยแผลเป็นส่วนใหญ่ของเขาถูกฟันด้วยอาวุธ
คนผู้นี้น่าจะได้รับการฝึกฝนให้เป็นมือสังหารมาตั้งแต่ยังเด็ก และหลังจากการต่อสู้ คงจะรอดพ้นจากความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงได้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้มากมายขนาดนี้
จักรพรรดิฉู่ตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าร่างกายของคนคนหนึ่งจะมีคนบาดเจ็บมากมายขนานนี้
อัครมเหสีฉู่กอดเขาและร้องไห้อีกครั้ง
เขาไม่กล้าออกแรงเพราะกลัวจะทำร้ายเขา
ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่จะหน้าตาเหมือนเฟิงเอ๋อร์ แต่ยังมีรอยแผลเป็นบนร่างกายมากมายเช่นเดียวกันอีกด้วย
อัครมเหสีฉู่ตรัสว่า “ไม่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานมามากแค่ไหน ต่อไปขอเพียงแค่มีข้าอยู่ ข้าจะปกป้องเจ้าด้วยชีวิต”
นัยน์ตาที่เยือกเย็นของลั่วอิ่งสั่นเครือ และในที่สุดเขาก็เหมือนหุ่นกระบอกแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่อัครมเหสีฉู่อย่างไร้ความรู้สึก
สิ่งที่อยู่ในแววตาของเขาคือนัยน์ตาที่แน่วแน่ของอัครมเหสีฉู่
อัครมเหสีฉู่ซูบผอมและเห็นได้ชัดว่าอ่อนแอ แต่ไม่รู้ว่าทำไมลั่วอิ่งถึงรู้สึกได้ว่า
อัครมเหสีฉู่มีความสามารถที่จะปกป้องเขาได้
จักรพรรดิฉู่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่รอยแผลเป็นทั่วร่างกายของเขาที่ถูกเปิดเผย ก็มากพอที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา
ถึงกับ……
ในฐานะจักรพรรดิแห่งรัฐฉู่ แม้เขาจะไม่ได้แสดงออกใด ๆ แต่เขาก็ช่วยหยิบยารักษาบาดแผล และช่วยพันผ้าพันแผลให้เขาด้วยตนเอง โดยไม่สนใจสถานะของตนเอง
ไม่ว่าลั่วอิ่งจะใจแข็งเพียงใด เขาก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจ
“แม่นางกู้ ทำไมเขาถึงขยับไม่ได้?”
กู้ชูหน่วนยังไม่ทันได้ตอบ ฮวาฉี่หลัวก็พูดก่อนว่า “เขาเป็นมือสังหาร วรยุทธสูงส่งและโหดเหี้ยมอำมหิต พวกเราต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะจับตัวเขามาได้ จากนั้นก็สกัดจุดเขา”
“หากมีทางเลือก ใครบ้างอยากจะเป็นมือสังหาร” อัครมเหสีฉู่ถอนหายใจและกล่าวต่อว่า “ช่วยแก้จุดให้เขาได้หรือไม่?”
“หา……ไม่ได้ ๆ หากแก้จุด เขาจะต้องหนีไปอย่างแน่นอน วิชาตัวเบาของเขาสูงส่งมาก แม้แต่ข้าก็ยังตามเขาไม่ทัน หากเขาเกิดดุร้ายขึ้นมา และทำร้ายหรือฆ่าพวกท่านจะทำอย่างไร?”
“เขาไม่ทำเช่นนั้นหรอก ข้าเชื่อใจเขา” อัครมเหสีฉู่ยิ้มให้เขา
แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะได้พบกันเพียงครั้งเดียว แต่พวกเขาก็เชื่อใจลั่วอิ่งอย่างบอกไม่ถูก
กู้ชูหน่วนเห็นแววตาที่ดูแปลก ๆ ของลั่วอิ่งและกล่าวว่า “แก้จุดให้เขาเถอะ”
“หา…..จะแก้จุดจริง ๆ หรือ?”
“ข้าวางยาพิษเขาไว้แล้ว ภายในสามวันนี้ เขาไม่เพียงแต่จะสูญเสียกำลังภายใน แต่เขาจะไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ด้วย”
นี่…..เช่นนั้นก็ได้”
หลังจากฮวาฉี่หลัวแก้จุดแล้ว นางก็มองลั่วอิ่งอย่างไม่พอใจ “หึ หากเจ้ากล้าทำร้ายท่านพี่หน่วนอีก คราวหน้าข้าจะไม่แก้จุดให้เจ้า”
กู้ชูหน่วนคว้าฮวาฉี่หลัวไว้ และยกมือเรียกเซี่ยวอวี่เซวียน
“โธ่ ท่านพี่หน่วน ท่านจะจับข้าไว้ทำไม ข้าโตแล้ว ท่านทำเช่นนี้ข้าก็ขายหน้าแย่”
“ครอบครัวเขาอยู่ด้วยกันสามคน เจ้าจะไปยุ่งอะไร ไม่เห็นหรือว่าพระพักตร์ของจักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่เปลี่ยนไปแล้ว?”
“ข้าไม่ได้พูดอะไรผิด ลั่วอิ่งโหดเหี้ยม”
เซี่ยวอวี่เซวียนยักไหล่และถามว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ ท่านสงสัยว่าในตอนนั้นอัครมเหสีฉู่ทรงให้กำเนิดพระโอรสฝาแฝดงั้นหรือ?”
“อืม เป็นไม่ได้ที่ผู้ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจะหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ รอให้หออันดับหนึ่งในใต้หล้าสืบหาภูมิหลังของเขาออกมาให้ได้ก่อน”
“หากพวกเขาทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ทำไมถึงถูกแยกออกจากกัน?”
“บางทีอาจเป็นเพราะต้องการจะแก้แค้นจักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่ ดังนั้นจึงโยนเด็กทั้งสองคนเข้าไปในสถานที่ที่โหดเหี้ยมเช่นนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า ถูกเหยียดหยามและต่ำต้อย”
แววตาของเซี่ยวอวี่เซวียนหรี่ลง และเปล่งเสียงออกมาจากระหว่างฟัน “หากข้ารู้ว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ข้าจะไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน”
กู้ชูหน่วนอยากจะพูดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นไปได้ว่าจะเป็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงของเผ่าเพลิงฟ้า
แต่นางก็ไม่ปริปาก
เผ่าเพลิงฟ้านั้นแข็งแกร่งเกินไป
และวรยุทธของรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็สูงส่ง
เซี่ยวอวี่เซวียนเพียงคนเดียวไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้เลย และจะเป็นการตายโดยเปล่าประโยชน์
“ท่านพี่หน่วน แล้วหลังจากสามวันจะทำอย่างไร?พวกเราต้องวางยาพิษเขาต่อไปหรือไม่?และต่อไปเรื่อย ๆ?เขาจะได้ไม่สามารถทำร้ายใครได้?”
“การวางยาพิษเป็นวิธีการที่แย่ที่สุด ต้องรอดูกันว่าจักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีจะทำให้เขาซาบซึ้งใจได้หรือไม่”
“ทำให้เขาซาบซึ้งใจ จะเป็นไปได้อย่างไร?หัวใจของเขาแข็งยิ่งกว่าหินเสียอีก”
งั้นหรือ?
หากหัวใจของเขาแข็งยิ่งกว่าหินจริง ๆ เช่นนั้นแววตาที่สั่นเครือของเขาเมื่อครู่จะอธิบายว่าอย่างไร?
แม้ว่าลั่วอิ่งจะโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ในใจของเขาก็ยังมีความเมตตาอยู่บ้าง
หากไม่มี ในตอนที่อยู่ขั้วโลกเหนือ นางช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้ง หากเขาไม่สำนึกในบุญคุณก็คงจะไม่ปล่อยนางไป