กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 680
กู้ชูหน่วนน้ำตาคลอ เฝ้ามองอี้เฉินเฟยหยิบข้าวเหนียวห่อใบไผ่กับขนมเปี๊ยะดอกไม้สองสามจานออกมา
กลิ่นหอมของดอกไม้และใบไผ่อบอวลไปทั่วเรือนไม้ไผ่ กลิ่นนั้นหอมกรุ่นจนทำให้เพลินจนลืมตัว
“ท่านพี่เฉินเฟยช่างคิดเล็กคิดน้อย ท่านก็รู้ว่าข้าลืมเรื่องราวในอดีตหลายอย่าง นานมากแล้วที่ท่านเก็บซ่อนและไม่ยอมทำขนมเปี๊ยะดอกไม้ให้ข้ากิน”
กู้ชูหน่วนหยิบขนมดอกกุ้ย*ขึ้นมาและกัดเข้าปากหนึ่งคำ (*ขนมเปี๊ยะดอกหอมหมื่นลี้)
ขนมดอกกุ้ยมีกลิ่นหอมหวานรสชาติอร่อย เนื้อนุ่มละมุนลิ้น
นางเคยกินขนมอร่อยๆ มามาก แต่ไม่เคยกินขนมดอกกุ้ยที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน
กู้ชูหน่วนหยิบขนมเปี๊ยะดอกไม้ขึ้นมาและยัดใส่ปากชิ้นแล้วชิ้นเล่า เอ่ยชมทั้งที่ขนมยังเต็มปากว่า
“อร่อยมาก คิดไม่ถึงเลยว่าท่านพี่เฉินเฟยจะทำอาหารเก่งขนาดนี้ วันหลังท่านต้องทำขนมเปี๊ยะดอกไม้ให้ข้ากินอีกนะ”
“ได้สิ…”
อี้เฉินเฟยแย้มยิ้ม เขาคอยเช็ดมุมปากให้นางเป็นครั้งคราว ภาพกู้ชูหน่วนที่กำลังกินขนมเปี๊ยะพร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจประทับอยู่ในแววตาที่อบอุ่นคู่นั้น
ในรอยยิ้มนั้น แววตาของอี้เฉินเฟยเต็มไปด้วยความอาดูร
ถ้าทำได้…เขาก็อยากจะทำขนมเปี๊ยะดอกไม้ให้นางไปตลอดชีวิต…
แต่น่าเสียดาย…
ที่เขาทนต่อไปไม่ไหว
พลังชีวิตของร่างกายนี้หมดไปนานแล้ว
เขากังวลเพียงอย่างเดียวคือเมื่อนางกลับมาและพบว่าเขาจากไปแล้ว นางจะรู้สึกผิดและโทษตัวเอง ดังนั้นเขาจึงกลั้นใจทนรอจนนางกลับมา
แค่กๆ
อี้เฉินเฟยทนไม่ไหวและไอออกมาเล็กน้อย เขารีบใช้มือปิดปาก พยายามส่งเสียงไอออกมาให้เบาที่สุด
มีของเหนียวๆ ออกมาจากปากเขา ไม่ต้องดูอี้เฉินเฟยก็รู้ว่ามันคือเลือดที่เขากระอักออกมา
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขาจึงรีบกำฝ่ามือที่มีเลือดไว้แน่นและเอ่ยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “กินข้าวเหนียวห่อใบไผ่ด้วยสิ อย่ากินแต่ขนมเปี๊ยะดอกไม้ ตอนเด็กๆ ท่านชอบกินมิใช่รึ”
“อื้ม”
กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเขา นางกำลังเจ็บปวดหัวใจแต่แสร้งทำเป็นยิ้มสดใสและกินข้าวเหนียวห่อใบไผ่ที่เขาทำ
“อร่อยมากจริงๆ ท่านพี่เฉินเฟยจะไม่กินด้วยกันจริงๆ หรือ”
“พี่เฉินเฟยแค่มองท่านกินก็อิ่มแล้ว”
“การมีพี่ชายนี่มันดีจริงๆ”
“เด็กโง่ พี่เฉินเฟยจะอยู่กับท่านเสมอ แม้ว่า…แม้ว่าวันหนึ่งพี่เฉินเฟยจะจากไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของพี่จะยังคอยปกป้องท่านตลอดไป”
“นี่ ใครบอกว่าอยากให้วิญญาณของท่านมาปกป้อง ข้าแค่อยากให้ท่านมีชีวิตอยู่และคอยปกป้องข้า”
กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่ามือของนางจะเปรอะเปื้อนหรือไม่ นางกอดเอวบางของอี้เฉินเฟยไว้และซุกหน้าลงในอ้อมอกของเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างแผ่วเบาพลางบ่นงึมงำว่า
“ข้าได้ไข่มุกมังกรมาครบแล้ว เจ็ดวัน…อีกแค่เจ็ดวันข้าก็จะหลอมไข่มุกมังกรได้แล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะคลายคำสาปโลหิตให้ท่าน จากนั้นก็จะรักษาอาการป่วยของท่านได้ ท่านพี่เฉินเฟย ท่านสัญญากับข้าสิ สัญญาว่าจะรอข้า ตกลงหรือไม่”
“ข้ายังคงยืนยันคำเดิม ตราบใดที่ท่านสบายใจ ตราบใดที่ท่านมีความสุข พี่เฉินเฟยคนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“ถ้าท่านจากไป ข้าจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต ท่านสัญญากับข้านะ”
กู้ชูหน่วนเงยหน้า นัยน์ตาที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของนางแฝงไปด้วยการวิงวอน ราวกับกำลังวิงวอนอี้เฉินเฟยอย่างจนตรอกเต็มที
อี้เฉินเฟยรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาอยากจะเช็ดน้ำตาให้กู้ชูหน่วน เขาไม่ชอบเห็นนางแสดงแววตาที่โศกเศร้าและจนตรอกเช่นนี้
เขาสัญญากับนางได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเพียงแค่เรื่องนี้…
เขากลัว…กลัวว่าเขาจะสัญญาไม่ได้แล้ว…
“สัญญาหรือไม่…ท่านพี่เฉินเฟย…”
“ข้าสัญญา…”
อี้เฉินเฟยจำต้องฝืนใจพูดไปเช่นนั้นเพราะไม่อยากทำให้กู้ชูหน่วนผิดหวัง
นี่คือภาพแห่งช่วงเวลาอันสงบสุข แต่การปรากฏตัวของใครคนหนึ่งทำให้ภาพนั้นถูกทำลายลงอย่างฉับพลัน
“ว่าไงอี้เฉินเฟย ทุกคนในใต้หล้าต่างบอกว่าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษ แต่เจ้ากลับใช้ชื่อพี่ชายมาบังหน้าติดต่อกับพี่หญิง เหตุใดเจ้าจึงไร้ศีลธรรมเช่นนี้”
จอมมารไม่พูดพร่ำทำเพลงและผลักอี้เฉินเฟยทันที
แต่ยังไม่ทันถูกตัวอี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนก็ปัดกรงเล็บของเขาออกไปเสียก่อน
“เจ้าเป็นบ้าอะไรเจ้าหมาน้อย”
“เขาฉวยโอกาสเอาเปรียบท่าน”
“บ้านะสิ ไปเลย รีบออกไปจากเรือนไม้ไผ่เลย อย่ามารบกวนการพักผ่อนของพี่เฉินเฟย”
“พี่หญิง ท่านคงไม่ได้หลงเสน่ห์พ่อหนุ่มหน้าขาวผู้นี้จริงๆ หรอกนะ”
เหตุใดชีวิตของเขาจึงลำบากนัก เขาพยายามกำจัดเยี่ยจิ่งหานออกไปแล้ว แต่กลับมีอี้เฉินเฟยโผล่มาอีกคน
จอมมารอดหึงหวงไม่ได้เมื่อเห็นการกระทำอันสนิทสนมระหว่างกู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟย
ภายใต้ความโกรธของเขา เขาสร้างดอกลำโพงให้พุ่งตรงไปพันรอบแขนขวาของอี้เฉินเฟยและพยายามโยนเขาออกไปจากเรือนไม้ไผ่
ทันทีที่ดอกลำโพงสัมผัสตัวอี้เฉินเฟย ความโกรธเกรี้ยวของจอมมารก็สลายหายไปทันที จากนั้นจึงมองอี้เฉินเฟยอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
หะ…เหตุใดเขาจึงไม่มีชีพจร
คนไม่มีชีพจรจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ไม่สิ เขายังมีชีพจร แต่ชีพจรของเขาอ่อนมากจนแทบไม่รู้สึก เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ไม่เหลือพลังชีวิต ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว
ดวงตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นมองเห็นแววของการวิงวอนจากดวงตาที่อบอุ่นของอี้เฉินเฟย ราวกับกำลังขอร้องไม่ให้เขาบอกกู้ชูหน่วนเรื่องอาการบาดเจ็บของเขา
จอมมารมองใบหน้าที่ซีดขาวของเขาอีกครั้ง ร่างกายของเขาอ่อนแรง ไม่รู้เมื่อไรที่เส้นผมสีดำสนิทกลายเป็นสีขาวราวกับหิมะ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกเศร้าใจ
นี่มัน…
ฉึบ!
กู้ชูหน่วนฉีกดอกลำโพงทิ้ง
เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวของกู้ชูหน่วนดังก้องกังวานอยู่ข้างใบหู
“เจ้าหมาน้อย ถ้าจะทำตัวบ้าๆ ก็ไปทำที่อื่น ถ้าท่านพี่เฉินเฟยเป็นอะไรละก็ ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าเด็ดขาด”
“เขา…”
“จอมมาร ขอบคุณที่ท่านคอยช่วยชีวิตอาหน่วนไว้หลายต่อหลายครั้ง อี้เฉินเฟยผู้นี้จะจดจำไปตลอดชีวิต การมีท่านเป็นสหายนับเป็นวาสนาของนางโดยแท้”
อี้เฉินเฟยขัดจังหวะก่อนที่จอมมารจะพูดอะไร พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาเป็นการบอกใบ้บางอย่าง
จอมมารดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“จอมมารเดินทางมาไกล อาหน่วนควรจะดูแลเขาดีๆ ที่ด้านหลังภูเขามีดอกไม้สีขาวกำลังบานสะพรั่ง ท่านพาจอมมารไปชมดอกไม้ที่นั่นได้นะ จอมมารเป็นคนรักดอกไม้ด้วยมิใช่หรือ”
“ก็ได้…”
กู้ชูหน่วนตอบด้วยเสียงสะอื้น ริมฝีปากแย้มยิ้มอย่างน่าเอ็นดู “เช่นนั้นข้าพาเขาไปเดินเล่นก่อนนะ ท่านพี่เฉินเฟยพักผ่อนไปเถิด ถ้ามีเวลาข้าจะมาเยี่ยมท่านอีก ท่านยังจำเรื่องที่สัญญากับข้าได้ใช่หรือไม่”
“อื้ม”
กู้ชูหน่วนดึงจอมมารออกไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูนางก็หยุดฝีเท้าลงราวกับกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงกัดฟันเดินออกไปจากเรือนโดยไม่หันกลับไปมอง
แทบจะทันทีที่กู้ชูหน่วนจากไป อี้เฉินเฟยทนไม่ไหวและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ทว่าเขาพยายามระงับเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้กู้ชูหน่วนที่อยู่ข้างนอกสังเกตเห็น
แต่ไม่ว่าเสียงจะเบาขนาดไหนก็ยังมิอาจซ่อนจากประสาทหูที่ว่องไวของจอมมารและกู้ชูหน่วนได้อยู่ดี
กู้ชูหน่วนแหงนหน้า กล้ำกลืนน้ำตาที่คลออยู่ในหน่วยตากลับคืน
นางรู้ว่าอี้เฉินเฟยทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเขาจึงไล่ให้นางออกมา
เขาไม่อยากให้นางเห็นด้านที่จนตรอกของเขา
บทที่ 679
บทที่ 681