กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 682
“ที่ม้วนหนังแกะโบราณเขียนไว้อย่างนี้ ไม่ผิดแน่…”
“หรือว่าจะเป็นเพราะเลือดไม่เพียงพอ” ผู้อาวุโสอีกคนถาม
“ไม่น่าใช่ ท่านหัวหน้าเผ่าเสียเลือดไปมากพอแล้ว ถ้าต้องเพิ่มลงไปอีกร่างกายต้องรับไม่ไหวแน่”
“หรือเป็นเพราะท่านหัวหน้าเผ่าผนึกวิทยายุทธของตัวเองไว้ ทำให้มีพลังไม่มากพอ”
“ข้าคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ ถึงอย่างไรไข่มุกมังกรก็เป็นของศักดิ์สิทธิ์ คนธรรมดาจะกระตุ้นกำลังภายในเพื่อหลอมมันได้อย่างไร”
“แล้วจะทำอย่างไร หรือว่าจะให้หัวหน้าเผ่าปลดผนึก”
“จะปลดผนึกไม่ได้ หากผนึกถูกปลดออกแล้วคำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์ขณะที่เราหลอมไข่มุกมังกรได้ครึ่งทาง ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดจะไม่เป็นการเสียเปล่าหรอกหรือ”
“ถ้าเช่นนั้น…ผู้เฒ่าอย่างเราๆ น่าจะช่วยส่งพลังเพื่อกระตุ้น”
“ข้าว่าเราลองดูได้”
กู้ชูหน่วนฟังแล้วได้แต่นิ่ง
พวกเขาคิดวิธีที่วุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร
นางเสียเวลาไปมากกว่าหนึ่งวันแล้วและจะชักช้าอีกไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่ต้องลองดู
แต่พวกเขาไม่คิดว่าหลังจากผู้อาวุโสสองสามคนส่งพลังเพื่อช่วยเหลือ ไข่มุกมังกรจะเกิดเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะราวกับจะระเบิดออก ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาตกใจมาก
ยิ่งไปกว่านั้นไฟในเตากลั่นยายังดับลงทันที
นะๆๆ นี่มัน…
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หรือนี่คือการกีดกันพลังปราณของพวกเขา
ผู้อาวุโสหลายคนไม่กล้าลองอีก
ผู้อาวุโสเก้ากล่าวว่า “บางทีเราควรรอให้ผู้อาวุโสสูงกลับมาก่อน หรือไม่ก็รอให้ผู้อาวุโสสูงสุดละจากการบำเพ็ญเพียร จากนั้นค่อยมาหลอมไข่มุกมังกรอีกครั้ง”
กู้ชูหน่วนตะคอกทันที “พวกท่านรอได้ แต่ท่านพี่เฉินเฟยรอได้งั้นหรือ ไม่เห็นหรือว่าเขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว”
“แต่ว่า…พวกเราลองมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักนิด เกรงว่า…เกรงว่าวิธีการจะผิดพลาด”
“ท่านไม่ได้บอกว่านี่เป็นวิธีที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้หรอกหรือ หรือว่าพวกเขาเข้าใจผิด”
“ไม่…บรรพบุรุษไม่มีทางเข้าใจผิด ตำราหนังแกะเล่มนี้สืบทอดมาในเผ่าหยกจากรุ่นสู่รุ่น เผ่าหยกของเราดูแลรักษาราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่มีใครเคยแตะต้องม้วนหนังแกะโบราณนี้เลยนอกจากหัวหน้าเผ่ากับผู้อาวุโสสูง คราวนี้ผู้อาวุโสสูงออกจากเผ่าไปเป็นกำลังเสริมและกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ดังนั้นเขาจึงมอบม้วนหนังแกะเล่มนี้ไว้ให้ข้า”
ผู้อาวุโสเก้าหยุดพูดไปนิดหนึ่ง “ตั้งแต่ข้าได้ม้วนหนังแกะโบราณเล่มนี้ ข้าก็เก็บมันไว้ไม่เคยห่างตัว ดังนั้นจึงไม่น่าจะเกิดปัญหากับม้วนหนังแกะเล่มนี้ได้”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่ายังไม่ถึงเวลา ดังนั้นจึงยังหลอมไข่มุกมังกรไม่ได้”
กู้ชูหน่วนพึมพำกับตัวเองและยังคงกระตุ้นกำลังภายในเพื่อหลอมไข่มุกมังกรต่อไป
การกระตุ้นกำลังภายในจำเป็นต้องใช้พลังเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นนางยังต้องใช้เลือดจำนวนมากอีกด้วย
ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองวัน สีหน้าของกู้ชูหน่วนก็ซีดขาวและอ่อนล้าจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน
แต่นางยังคงสกัดต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ว่านางจะทนไม่ไหวอยู่รอมร่อ นางก็ยังกัดฟันทน ในใจยึดมั่นเพียงแต่การหลอมไข่มุกมังกรและการรักษาท่านพี่อี้เฉินเฟยเท่านั้น
ผู้อาวุโสหลายคนเริ่มทนไม่ไหว ทั้งสงสารทั้งเป็นกังวล
“ท่านพักผ่อนก่อนเถิดหัวหน้าเผ่า ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปร่างกายของท่านจะรับไม่ไหว”
“จริงด้วย ถึงอย่างไรไข่มุกมังกรก็อยู่ในมือเราแล้ว เราแค่ทิ้งเวลาหลอมมันสักเล็กน้อย เฉินเฟยคงไม่ตำหนิท่าน กลับกันถ้าท่านยัง…ยังทำร้ายตัวเองเช่นนี้ เด็กเฉินเฟยนั่นจะยิ่งทุกข์ใจ”
“พวกท่านหยุดพูดพล่ามข้างหูข้าเสียที ถ้าสงสารข้าจริงๆ พวกท่านควรรีบไปตามผู้อาวุโสสูงสุดมาที่นี่”
จำเป็นต้องใช้พลังและเลือดจำนวนมากในการทำให้ไฟของเตากลั่นยาหมุนไปรอบๆ
นางจะกล้าหยุดได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนยิ่งกังวลมากเท่าไหร่ ไฟในเตากลั่นยาก็ยิ่งอ่อนแสงลงเท่านั้น
เตากลั่นยาและไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดดูเหมือนจะตั้งตนเป็นอริกับนางอย่างเต็มที่ นางอยากทำอะไรพวกมันจะทำตรงกันข้าม ทำให้กู้ชูหน่วนโกรธจนอยากจะทุบพวกมันเสียตรงนั้น
เมื่อเห็นสัญญาณไม่ดี ผู้อาวุโสเก้าจึงรีบไปตามผู้อาวุโสสูงสุด
เขาทุ่มสุดตัวในสถานการณ์ที่เร่งด่วนเช่นนี้ แม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะตำหนิเขา แม้ว่าผู้อาวุโสสูงจะสั่งไม่ให้คนในเผ่าไปรบกวนผู้อาวุโสสูงสุด เขาก็จำเป็นต้องฝ่าฝืนพาผู้อาวุโสสูงสุดมาให้ได้
เวลาผ่านไปอีกสองสามวัน กู้ชูหน่วนอดตาหลับขับตานอน นางพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ยังล้มเหลวอยู่เรื่อยมา
นางสนใจแต่การหลอมไข่มุกมังกร ไม่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำของเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆ เลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็ล้มลงเพราะเสียเลือดมากและหักโหมจนเกินไป อีกทั้งยังสูญเสียพลังเป็นจำนวนมาก
พอนางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่ามีผู้อาวุโสหลายคนรายล้อมอยู่รอบกาย รวมถึงจอมมารที่มีขอบตาดำคล้ำ
ทันทีที่เห็นนางฟื้น จอมมารก็โผเข้ากอดนางทันที เขากอดแน่นมากจนกู้ชูหน่วนแทบหายใจไม่ออก
“ปะ…ปล่อย”
“พี่หญิง ในที่สุดท่านก็ฟื้น ท่านรู้หรือไม่ว่าอาม่อกลัวแค่ไหน อาม่อไม่เคยเห็นท่านเสียเลือดมากขนาดนี้มาก่อนเลย เราไม่ต้องหลอมไข่มุกมังกรแล้วนะ ตกลงหรือไม่”
“พ่อหนุ่มน้อย รีบปล่อยหัวหน้าเผ่าเร็วเข้า นางแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว” ไป๋เฉ่าและคนอื่นๆ รีบดึงเขาออกมา แต่ชายร่างผอมบางที่อยู่ตรงหน้ากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่คิด
พวกเขาพยายามอย่างหนักแต่ก็ยังดึงเขาออกมาไม่ได้
กู้ชูหน่วนอึดอัดจนใบหน้าแดงก่ำ นางยังคงไออยู่ทว่าไม่มีเสียงไอเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
จอมมารเห็นดังนั้นจึงรีบปล่อยกู้ชูหน่วนทันที
“ข้าขอโทษ ข้าตื่นเต้นเกินไป พี่หญิงไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เดิมทีกู้ชูหน่วนก็โกรธอยู่แล้ว เมื่อจอมมารทำแบบนี้นางจึงยิ่งโกรธ
นางอยากจะด่าเขาให้หลาบจำ แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นไปเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาที่ซูบผอมและอ่อนล้าของจอมมาร
เขาเป็นคนที่รักสะอาดยิ่งกว่าอะไรและไม่เคยปล่อยให้ตัวเองมอมแมมเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง ขอบตาดำคล้ำ แม้แต่เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ยังมีกลิ่นตุๆ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้อาบน้ำล้างหน้ามานานหลายวันแล้ว
นอกจากนั้นหนวดเคราของเขายังผุดขึ้นมาเป็นตอ
ตั้งแต่รู้จักกันมา มีครั้งไหนที่นางเห็นว่าหนวดเคราของเขายาวออกมาขนาดนี้?
“ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านทำให้พวกข้ากังวลแทบตาย”
จอมมารเอ่ยอย่างโกรธเคืองว่า “ตาเฒ่าอย่างพวกเจ้าเห็นนางเป็นหัวหน้าเผ่าจริงหรือ ถ้าพวกเจ้าเห็นนางเป็นหัวหน้าเผ่าจริงๆ เหตุใดจึงปล่อยให้นางถ่ายเลือดของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเอาไปหลอมไข่มุกมังกรไร้สาระนั่นเช่นนี้”
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้ากู้ชูหน่วน จอมมารคงจะสังหารพวกเขาจนวอดวายไปนานแล้ว
เหล่าผู้อาวุโสรู้สึกเหมือนถูกป้ายความผิด
พวกเขาพยายามเกลี้ยกล่อมมาตลอด แต่ในเมื่อหัวหน้าเผ่าไม่ฟังแล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร
“ข้าหลับไปนานแค่ไหน”
“สองวันเต็ม”
“สองวัน? นานขนาดนั้นเลยหรือ แล้วข้าใช้เวลาในการหลอมไข่มุกมังกรไปนานแค่ไหน”
“ไม่มากไม่น้อย เจ็ดวันพอดี”
“สองวันกับเจ็ดวัน นี่มันเก้าวันเลยมิใช่หรือ” กู้ชูหน่วนผุดลุกจากเตียงอย่างฉับพลัน นางคว้าปกคอเสื้อของไป๋เฉ่าและถามว่า “ท่านพี่เฉินเฟยล่ะ เขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
“ยังมีชีวิตอยู่ อยู่ในเรือนไม้ไผ่ของเขา”
“ข้าจะไปหาเขา”
คราวก่อนที่เจอกันเขาป่วยหนักมาก ว่ากันตามจริงเขาไม่น่าจะทนได้ถึงเก้าวัน แต่เหตุใดเขาจึงยังทนอยู่ได้?
กู้ชูหน่วนวิ่งโซซัดโซเซไปจนถึงเรือนไม้ไผ่ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือบุรุษในชุดขาวบริสุทธิ์ผู้เป็นพี่ชายกำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาไม่ได้นั่งอยู่บนรถเข็นและกำลังรอให้นางกลับมาหา
ภาพที่ไม่เคยเห็นนั้นปรากฏวาบขึ้นมาในใจของกู้ชูหน่วน นางก้าวไปจนถึงเรือนไม้ไผ่ ขณะที่กำลังจะเปิดประตูที่ปิดอยู่ ผู้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ในเรือนก็เปิดประตูออกมาเสียก่อน
“ท่านมาแล้ว ท่านหัวหน้าเผ่า”
“ท่านพี่เฉินเฟยล่ะ”
“ประมุขชิงไม่ค่อยสบายเล็กน้อยและนอนพักอยู่บนเตียงขอรับ”
ผู้คอยปรนนิบัติทำท่าเชื้อเชิญ
กู้ชูหน่วนยังเดินไปไม่ทันถึง อี้เฉินเฟยก็ยิ้มน้อยๆ และส่งเสียงออกมา “มาแล้วหรืออาหน่วน”
น้ำเสียงของเขาอ่อนแรงเล็กน้อย สีหน้าของเขาซีดจางยิ่งกว่าครั้งก่อน ทว่าอารมณ์ของเขายังคงแจ่มใสดี
ในระยะสายตาของกู้ชูหน่วน นางเห็นจอมมารยืนเฝ้าอยู่นอกเรือนและไม่ได้เข้ามารบกวนพวกนาง
หมาน้อยที่มักจะเกาะติดนางตลอดเวลาและมักจะหึงหวงเมื่อเห็นนางอยู่กับชายอื่น เวลานี้กลับยืนรออยู่ข้างนอกอย่างว่าง่ายอย่างนั้นหรือ
บรรยากาศดูผิดปกติ…
บทที่ 681
บทที่ 683