กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 687
นอกจากรอยแส้แล้ว ยังมีรอยแผลไฟลวกจำนวนมากบนร่างกายของเขา
ผิวพรรณอันขาวผ่องถูกไฟลวก และเนื้อหนังในบางจุดก็ยังถูกถลกออก เห็นแล้วก็น่าสยดสยอง
อินเอ๋อร์ตกใจ
“ทำไมถึงมีแผลไฟลวกมากมายขนาดนี้ ใครเอาเหล็กร้อนมานาบเจ้า”
นัยน์ตาอันเยือกเย็นของกู้ชูหน่วนดูน่ากลัว
เขามีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย นางไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมืออย่างไร จึงทำได้เพียงนำน้ำสะอาดมาทำความสะอาดแผล ทายา และพันผ้าพันแผล
ตอนที่ช่วยทำแผลให้เขา นางรู้สึกได้ว่าร่างกายของเหวินเส่าอี๋สั่นสะท้าน น่าจะเป็นเพราะรู้สึกเจ็บปวด
แต่ใบหน้าของเขาไม่มีการแสดงออกใด ๆ เขาเพียงแค่เม้มริมฝีปากแน่น หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาสั่นสะท้านจนเผยให้เห็นความคิด เกรงว่านางคงจะคิดว่าเหวินเส่าอี๋เจ็บปวดมากเสียจนไม่กลัวความเจ็บปวดใด ๆ
“หากไม่ทำความสะอาดบาดแผล บริเวณที่เน่าเปื่อยก็จะลุกลาม ถึงตอนนั้นยากที่จะรักษา หากเจ้าเจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ไม่มีใครหัวเราะเยาะเจ้าหรอก”
นางกล่าวเบา ๆ และอ่อนโยน เหมือนกับการเคลื่อนไหวของนาง
เหวินเส่าอี๋มองดูกู้ชูหน่วนที่ช่วยทำแผลให้เขาอย่างตั้งใจ
นางใจจดใจจ่อ ทุกการเคลื่อนไหวของมือนางอ่อนโยนและพิถีพิถัน ราวกับว่านางกำลังถือของล้ำค่าที่สุดในโลก และกลัวว่าหากทำแรงเกินไป จะทำให้ของล้ำค่านั้นเสียหาย
เนื่องจากหันหน้าไปด้านข้าง เหวินเส่าอี๋จึงไม่เห็นใบหน้าเต็ม ๆ ของนางได้ เและเห็นเพียงแค่ขนตายาว ๆ ของนางเท่านั้น ซึ่งด้านล่างขนตา เป็นนัยน์ตาที่รู้สึกสงสาร
นาง……
รู้สึกสงสารเขางั้นหรือ?
หรือว่าเห็นอกเห็นใจเขา?
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เหวินเส่าอี๋ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ เพราะเขารู้สึกว่ากู้ชูหน่วนเป็นห่วงเขา
ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดของเขาจะหายไปในทันที เหวินเส่าอี๋ให้นางใส่ยาและพันแผลให้เขา
“คิดอะไรอยู่ ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
บาดเจ็บสาหัสมากเช่นนี้ยังจะใจลอยอีก
ดูเหมือนว่าจะยังเจ็บปวดไม่พอ
“อะไรนะ?” เหวินเส้าอี๋ถาม
“พันแผลเสร็จแล้ว ควรจะเปลี่ยนมือได้แล้ว ยกมือขึ้น”
เหวินเส่าอี๋พยายามที่จะยกมือขวาขึ้น แต่ก็ยกไม่ขึ้น กู้ชูหน่วนดึงมือขวาของเหวินเส่าอี๋ เขาอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
“มือขวาของเจ้าหัก ถูกผู้อื่นทุบตีจนหักหรือ?”
“อืม”
“โชคดีที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก เจ็บหน่อยนะ ข้าจะช่วยต่อกระดูกให้เจ้า”
เหวินเส่าอี๋ยังไม่ทันได้ตอบ กู้ชูหน่วนก็ช่วยต่อกระดูกให้เขาแล้ว
“อ้า……”
เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้ว
หญิงผู้นี้เขาเพิ่งจะชมว่านางอ่อนโยนอยู่เมื่อครู่ แต่ในเวลานี้นางกลับเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว
“เฮ้อ แผลเล็ก ๆ ที่เหลือ เจ้าทำเองเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว”
กู้ชูหน่วนวางยาไว้ข้างหน้าเขา แล้วสั่งให้อินเอ๋อร์ไปหาเสื้อผ้ามาให้เขาเปลี่ยน เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่ไม่สามารถใส่ได้อีก มันขาดรุ่งริ่งจนจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่แล้ว
อินเอ๋อร์ตอบกลับว่า “แล้วจะไปเอาเสื้อผ้ามาจากที่ไหน?หากรู้ว่าเอาเสื้อผ้ามาให้เขาใส่ คงจะไม่มีใครเต็มใจ และเขาก็ใส่เสื้อผ้าของข้าไม่ได้”
“ไปยืมท่านพี่เฉินเฟย แล้วบอกท่านพี่เฉินเฟยว่าข้าให้มายืม เขาต้องให้ยืมอย่างแน่นอน”
“อ้อ…..เจ้าค่ะ……”
กู้ชูหน่วนและเหวินเส่าอี๋พิงกำแพงอยู่ข้าง ๆ กัน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ “ดูเหมือนว่านายน้อยเผ่าเพลิงฟ้าก็ไม่ค่อยเท่าไหร่?”
“เหมือนกันนั่นแหละ หัวหน้าเผ่าหยกก็ไม่ค่อยเท่าไหร่?”
แม้กระทั่งตอนนี้ เหวินเส่าอี๋ก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางเป็นหัวหน้าเผ่าหยก
ทั้งสองคนยิ้มให้กัน
อดีตเคยเป็นศัตรูกัน แต่ในตอนนี้ความสัมพันธ์ผิดแปลกไป
เพียงแต่รอยยิ้มนี้ ทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้กันโดยไม่รู้ตัว
“การหลอมรวมไข่มุกมังกร ต้องใช้ร่างกายของผู้ที่มีหยินและหยางบริสุทธิ์ ท่านพร้อมที่จะให้พวกเขาเสียสละแล้วหรือไม่?”
“เจ้ารู้?” กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วขึ้น
“เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้”
“ยังมีอะไรที่เจ้าไม่รู้อีก”
“ข้าไม่รู้ว่าผู้ที่มีร่างกายเป็นหยินและหยางบริสุทธิ์คือใคร แต่……ดูจากสีหน้าของท่านแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นคนที่มีความสำคัญกับท่านมาก”
กู้ชูหน่วนหยิบสุราสองไหออกมาจากวงแหวนอวกาศ และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหยิบสุราทั้งสองไหออกมาได้ นางเปิดจุกและเงยคอขึ้นดื่มอึก ๆ ก่อนที่จะโยนสุราอีกไหให้เหวินเส่าอี๋
“มีคนบอกว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ควรดื่มสุรา เจ้ากล้าดื่มเป็นเพื่อนข้าหรือไม่?”
“ข้าดื่มสุราไม่เป็น”
“อะแฮ่ม ๆ……ดื่มสุราไม่เป็น?” กู้ชูหน่วนเกือบจะสำลัก
ผู้ชายส่วนใหญ่ดื่มสุราเป็นกันทั้งนั้น เขาเป็นนายน้อยผู้สูงส่งของเผ่าเพลิงฟ้า แต่กลับดื่มสุราไม่เป็น?
กู้ชูหน่วนพยายามดูว่าเขาล้อเล่นหรือไม่ แต่ใบหน้าที่ซีดขาวของเหวินเส่าอี๋ดูจริงใจ และไม่ได้ล้อเล่น
“เหอะ……ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าพวกเขาเลือกเจ้าเป็นนายน้อยของเผ่าได้อย่างไร?”
“อาจจะเป็นเพราะข้าเชื่อฟัง อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของหัวหน้าเผ่า”
“เวลาที่เผ่าเพลิงฟ้ามีงานเลี้ยงสำคัญ เจ้าไม่ได้เข้าร่วมงานหรือ?”
“น้อยมาก ท่านพ่อคาดหวังกับข้ามาตั้งแต่เด็ก ในวัยเด็กของข้า นอกจากฝึกวรยุทธแล้วก็ฝึกวรยุทธ”
เมื่อนึกถึงอดีตของตนเอง เหวินเส่าอี๋ก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ เขาจึงเปิดสุราและดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเขาก็สำลักและไอไม่หยุด ใบหน้าที่ซีดขาวของเขาสำลักจนหน้าแดงก่ำ
“ดูเหมือนว่าวัยเด็กของเจ้าจะไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไหร่?”
กู้ชูหน่วนยกขาขวาขึ้นและกระดกอึก ๆ ลงไปอน่างต่อเนื่อง และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“น่าเสียดายที่วรยุทธที่เจ้าฝึกมาเกือบทั้งชีวิต ถูกข้าดูดไปหมดแล้ว เจ้าไม่ได้ตำหนิข้าในใจจริง ๆ หรือ?”
“หากข้าบอกว่าข้าตำหนิท่าน ท่านจะคืนวรยุทธที่ดูดไปมาให้ข้าหรือไม่?”
“ต่อให้เจ้าดูดวรยุทธทั้งหมดของข้าไป อย่างมากที่สุดก็แค่ระดับสี่ และไม่สามารถฟื้นฟูกลับไประดับหกได้”
“ใช่………ในตอนนี้ข้าเป็นเพียงแค่คนพิการคนหนึ่ง และเป็นคนพิการที่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม”
เหวินเส่าอี๋กวาดสายตามองรอยแผลเป็นบนร่างกาย และวรยุทธที่ต่ำต้อยของตัวเอง เขารู้สึกเจ็บปวดใจอีกครั้ง
หากเขายังมีวรยุทธเหมือนเมื่อก่อน ใครจะสามารถจับเขาได้ แม้แต่ไป๋จิ่นที่มีวรยุทธเก่งกาจก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
และสิ่งที่น่าขันคือวันนั้นไป๋จิ่นไม่ได้จับเขา แต่เป็นสาวกเล็ก ๆ ของเผ่าน้ำแข็ง
เขาไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่สาวกธรรมดา ๆ ของเผ่าน้ำแข็ง
“แล้วท่านแม่ของเจ้าล่ะ?” กู้ชูหน่วนถามในทันที
หลังจากที่รู้จักกันมานาน ดูเหมือนนางจะไม่เคยได้ยินเหวินเส่าอี๋พูดถึงท่านแม่ของเขาเลย
เหวินเส้าอี๋ขมวดคิ้วและดื่มสุราอีกหนึ่งอึก ก่อนจะพึมพำว่า “ตายแล้ว”
“ป่วยตายหรือ?”
“ถูกบังคับให้จุดไฟเผาตัวเอง”
กู้ชูหน่วนเอียงหน้ามองไปที่นัยน์ตาอันเจ็บปวดของเหวินเส่าอี๋ และรอให้เขาพูดต่อ
“เผ่าเพลิงฟ้ามีกฎว่ามารดาผู้ให้กำเนิดนายน้อยคนใหม่ของเผ่า จะต้องจุดไฟเผาตัวเอง ไม่ว่านางจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม และตอนที่ข้าอายุได้สามขวบ ข้าก็ได้รับเลือกให้เป็นนายน้อยของเผ่า และเห็นท่านแม่ถูกไฟไหม้ครอกตายด้วยตาของตนเอง ”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
นี่มันกฎบ้าบออะไรของเผ่าเพลิงฟ้า มันโหดร้ายเกินไป
“นายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ พวกเขาไม่อนุญาตให้หัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่น ๆ มีสถานะที่สูงส่งและเหนือกว่านายน้อยของเผ่า นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่าหากจุดไฟเผาตัวเอง วิญญาณจะคอยปกป้องคุ้มครองเผ่าเพลิงฟ้าตลอดไป ดังนั้น……หญิงที่จุดไฟเผาตัวเองจนตายจะเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากของคนในเผ่า”
เหวินเส่าอี๋กล่าวอย่างนิ่งสงบ ราวกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องทั่วไป แต่กู้ชูหน่วนรู้ดีว่าในใจของเขาไม่ได้สงบเงียบแม้แต่น้อย
อายุสามขวบ……
บทที่ 686
บทที่ 688