“ท่านพูดจาเหลวไหลอันใดกัน? ผู้ใด เป็นผู้ใดที่บอกว่าต้องการให้อาเฉินสังเวย เรียกเขาออกมาข้าจะเผชิญหน้ากับเขาเอง”
“ผู้เฒ่าหก หากเจ้าไม่ได้ฟื้นจากความเมาก็ไปนอนตรงฝั่งหนึ่งอย่าได้รบกวนเข้ามาด้วยได้หรือไม่ การเสียสละคนไม่กี่คนสามารถปลดคำสาปโลหิตของเผ่าหยกได้นี่เป็นบุญของเขา”
“เหลวไหล พูดจาไร้สาระ บุญอันใดกัน หากว่าเป็นบุญจริงๆเหตุใดท่านไม่กระโดดลงไปสังเวยหล่ะจำต้องนำคนดีๆชีวิตรุ่งโรจน์ผู้หนึ่งลงดาบ”
ผู้อาวุโสหกโกรธจัดจึงด่าทอคำสบถหยาบคายออกมาโดยตรงโดยไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสรองเห็นเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของผู้อาวุโสรองโกรธมากจนแปรเปลี่ยนเป็นเขียวขึ้นมา
ที่ผ่านมาในสถานที่ลำพังไม่ไว้หน้าเขาก็ช่างเถอะแต่ในขณะนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายกลับดุด่าเขาเช่นนี้
เขากล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าพูดจาให้มันดีๆหน่อย หากว่าสามารถช่วยเผ่าหยกได้เจ้าคิดว่าข้าจะไม่อยากสังเวยหรือ? เพียงแต่ว่าข้าไม่ใช่ร่างกายของหยางบริสุทธิ์แล้วข้าสังเวยจะมีประโยชน์อันใด?”
“ผู้ใดที่พูดพล่ามอยู่ที่นั่นว่าต้องการการสังเวยจากหยางบริสุทธิ์และหยินบริสุทธิ์ มีความสามารถเจ้าก็เรียกเขาออกมาข้าจะคุยหลักกการกับเขาด้วยตนเอง ชีวิตของคนสองคนที่เป็นๆอยู่ด้วยคำพูดประโยคหนึ่งอันใดของเขาถึงต้องเสียสละ”
“เจ้าเป็นบ้าอันใด? นั่นสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นไปได้หรือที่บรรพบุรุษก็หลอกลวงเรา นอกจากนี้เดิมทีอี้เฉินเฟยก็ไม่สามารถช่วยชีวิตให้รอดได้แล้ว เพียงแค่สิ้นลมในไม่ช้าหรือเร็วก็เท่านั้น”
“เพี๊ยะ……”
ผู้อาวุโสหกยกมือขึ้นตบผู้อาวุโสรองอย่างรุนแรง ในปากดุด่าคำสบถหยาบคายมากมายก่ายกองกระทั่งฉุดผู้อาวุโสรองล้มลงไปบนพื้นเลยโดยตรงและทุบตีอยู่ที่พื้นอย่างรุนแรง
หลังจากถูกทุบตีด้วยความประหลาดใจรวมทั้ง ในคืนนี้เกิดเรื่องย่ำแย่มากมายขึ้นผู้อาวุโสรองก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นเดียวกัน
จึงประสานตัวกับผู้อาวุโสหกกันขึ้น
ในเมื่อเขาไร้ยางอาย เขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว
เมื่อผู้อาวุโสท่านอื่นเห็นเช่นนี้ต่างก็เกลี้ยกล่อมแยกให้ออกจากกัน
กู้ชูหน่วนคร้านที่จะสนใจเรื่องทะเลาะระหว่างพวกเขาจึงเพียงแค่อ้อนวอนอย่างน่าเวทนาไร้ว่า “ท่านพี่เฉินเฟยท่านลงมาก่อนดีหรือเปล่า?”
“สาวน้อยยังจำสิ่งที่ท่านพี่เฉินเฟยพูดก่อนหน้านี้ได้ไหม? ความปรารถนาสูงสุดของท่านพี่เฉินเฟยในชีวิตนี้ไม่ใช่การปลดคำสาปโลหิตแต่หวังว่าเจ้าจะไร้ซึ่งความกังวลชั่วชีวิต”
“เจ้าอย่าได้เศร้าเสียใจเลย แม้ว่าท่านพี่เฉินเฟยจะตายไปแล้วดวงวิญญาณก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ เจ้านั้นไม่เคยสูญเสียข้าไป”
“ท่านกล่าวสิ่งเหล่านี้กับข้าทำไมกัน ข้าต้องการให้ท่านลงมา ท่านรีบลงมาสิ……”
กู้ชูหน่วนทรุดตัวลงคุกเข่าลงเสียงดังตุ๊บพร้อมกับตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาที่กลั้นไว้เป็นเวลานานดังกับไข่มุกที่ร่วงหล่นไหลลงมาทีละหยดๆ
เหวินเส่าอี๋และจอมมารไม่เคยเห็นกู้ชูหน่วนที่ไร้ซึ่งวิธีช่วยเหลือและเศร้าเสียใจเช่นนี้
คนหนึ่งต้องการประคองนางขึ้นแต่ถูกคนของเผ่าหยกรั้งไว้แน่น
คนหนึ่งต้องการปลอบโยนนางแต่ถูกผู้อาวุโสสูงสุดขวางเอาไว้
พลังของจอมมารระเบิดออกมาในทันทีพร้อมกับรัศมีแห่งการสังหารก็หลั่งไหลพรั่งพรูออกมา “ปล่อยซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังการเจ้าเดี๋ยวนี้”
“เจ้าไปตอนนี้แล้วจะทำสิ่งใดได้?”
“เรื่องของข้า”
จอมมารยกแขนเสื้อขึ้นผู้อาวุโสสูงสุดก็ถูกสะท้านถอยไปสองสามก้าว อวัยวะภายในก็เคลื่อนไหวขึ้นชั่วหนึ่ง
“หากว่าอี้เฉินเฟยไม่ตายท่านหัวหน้าเผ่าก็ต้องตาย นี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการหรือ?” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเสียงดัง
ฝีเท้าของจอมมารราวกับว่าจะเต็มไปด้วยตะกั่ว จนขยับเขยื้อนเช่นไรก็ไม่สามารถขยับได้
ร่องรอยความสับสนแว๊บผ่านใบหน้าอันมีเสน่ห์ของเขา
ในท่ามกลางความวุ่นวายยุ่งเหยิงนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ทันการเสียแล้ว
ทันใดนั้นก็เห็นอี้เฉินเฟยยกริมฝีปากขึ้นยิ้มและมองกู้ชูหน่วนด้วยความเป็นห่วง มุมปากดังเช่นดังเดิมและกล่าวอย่างทะนุถนอมว่า “รักตนเองให้ดีๆ ความสุขของเจ้าก็คือความสุขของข้า”
กล่าวแล้วอี้เฉินเฟยกางแขนออกพร้อมหายใจเข้าลึกและกระโดดลงไปในเตากลั่นยา
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตแววตาคู่ยิ้มแย้มทั้งน้ำตานั่นยังสะท้อนอยู่ในดวงตาอันสะพรึงกลัวของกู้ชูหน่วน
จนตายก็ไม่ยอมละสายตาออก
“อย่า……”
กู้ชูหน่วนรีบพุ่งเข้าไปอย่างโซซัดโซเซ
แต่กลับถูกเปลวเพลิงอันลุกโชนบังคับให้ถอยออก
เปลวเพลิงอันลุกโชนตามหลังการสังเวยของอี้เฉินเฟย อุณหภูมิร้อนขึ้นกว่าเก่าหลายร้อยเท่า ซึ่งกำลังคนนั้นไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย
และไฟที่โหมกระหน่ำนั้นชั่วขณะที่อี้เฉินเฟยกระโดลงไปแทบจะสลายกระดูกและเลือดของเขาจนหมด
อี้เฉินเฟย……ไม่สามารถช่วยเหลือได้เลย
เขาได้เสียสละ……
เพื่อกู้ชูหน่วน เพื่อเผ่าหยก ได้เสียสละตนเองอย่างยิ่งใหญ่
ฮวาฉี่หลัวตกใจมากเสียจนปิดปากตนเองเอาไว้พร้อมกับดวงตาคู่โตที่เต็มไปด้วยความตกใจกลัว
เขาคิดไม่ตกจริงๆว่าคนผู้หนึ่งต้องมีความกล้าหาญมากเพียงใดถึงจะกระโดดลงไปในเตากลั่นยาและเต็มใจที่จะถูกแผดเผาจนตายได้
ผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสหกที่กำลังสู้กันพัลวันต่างก็ตกใจ
ผู้อาวุโสหกมองขึ้นพร้อมตะโกนร้อง
“อาเฉิน……เหตุใดเจ้าถึงได้โง่เขลาเช่นนี้……ผู้อื่นกล่าวสิ่งใดเจ้าก็เชื่อสิ่งนั้น……เจ้ามันเป็นผู้ที่ช่างโง่เง่ายิ่งนัก”
ผู้อาวุโสรองทนไม่ได้จึงเบือนหน้าหนี มุมขอบตาก็ปรากฏประกายแวววาวขึ้นซึ่งเศร้าเสียใจต่อการตายของอี้เฉินเฟย
ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจและครู่หนึ่งก็เสมือนว่าได้แก่ชราไปนับสิบปี
ในเผ่าหยกอี้เฉินเฟยเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีความสามารถทางการฝึกยุทธสูงสุด เขาฉลาดหลักแหลมเก่งกาจด้านวิชาการเรียน เป็นผู้ท่กระทำทุกอย่างได้ดีเลิศลุล่วงและเป็นผู้ที่มีคุณธรรมเมตตาธรรม
คนเช่นนี้จากไปตั้งแต่อายุยังน้อยช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
หากว่าไม่ตาย ในภายหน้าเขาจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหยกเป็นแน่โดยมีสถานะต่ำกว่าคนหนึ่งคนและเหนือกว่าคนนับหมื่นคน
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋ดูเหมือนจะถูกดูดจนแห้งเหี่ยวเช่นนั้น
เขารู้ว่าสำหรับกู้ชูหน่วนแล้ววันนี้เป็นวันที่ถูกโจมตีครั้งยิ่งใหญ่
ความเจ็บปวดในใจของนางนั้นไม่สามารถกล่าวเป็นคำพูดออกมาได้
เหวินเส่าอี๋ต้องการที่จะอยู่เป็นเพื่อนนางและและปลอบใจนางแต่กลับไม่สามารถหาเหตุผลและสถานะที่เหมาะสมได้
เมื่อคิดว่าตนเองเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าส่วนนางเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก เหวินเส่าอี๋ก็หัวเราะเย้ยหยัน
จอมมารวิ่งไปหากู้ชูหน่วนเป็นอันดับแรกพร้อมกับนั่งย่อเข่าลงแล้วกล่าวอย่างร้อนรนว่า “พี่หญิง……”
กู้ชูหน่วนคุกเข่าตรงหน้าเตาหลอมด้วยร่างกายอันสั่นเทา ดวงตาหงส์เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาจ้องมองไปยังเปลวไฟที่กำลังโหมไหม้ ร่างทั้งร่างราวกับว่าแข็งทื่อไปเลยเช่นนั้น
ในสมองเต็มไปด้วยภาพอี้เฉินเฟยกระโดดลงเตาหลอมกลั่นยาทั้งรอยยิ้มเคล้าน้ำตา
เรื่องราวเกี่ยวข้องกับอี้เฉินเฟยดังกับว่ายังคงฉายซ้ำวนไปเวียนมาอยู่ในสมองของนางราวกับภาพยนตร์
ตั้งแต่แรกเริ่มเขาดูแลนางอย่างพิถีพิถันและปกติก็มักจะเรียกนางว่าอาหน่วนแม่สาวผู้โง่เขลา
มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะสัมผัสผมของนางด้วยความรัก และปรารถนาที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดในใต้หล้านี้ให้แก่นาง
เขาเห็นนางได้รับบาดเจ็บไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
และเห็นนางทนทุกข์ไม่ได้เลยแม้สักนิด
เพียงแค่นางกล่าวคำหนึ่งแม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใดเขาก็จะทำให้ตามนั้นจงได้
พี่ชายเช่นนี้ จะหาได้จากที่ใด……
กู้ชูหน่วนหยิบขนมเปี๊ยะดอกไม้ออกมาจากอกพร้อมกับน้ำตาและกัดลงเบาๆคำหนึ่ง
ในขนมเปี๊ยะยังมีกลิ่นหอมจางๆของดอกเหมยในตัวเขาด้วย
ใจของกู้ชูหน่วนราวกับถูกมีดกรีด
ทันใดนั้นความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางก็ไหลทะลักเข้ามาในสมองของนาง
กู้ชูหน่วนกุมศีรษะด้วยความทุกข์ทรมาน รูม่านตาเบิกกว้างขึ้นและร่างกายก็สั่นเทามากขึ้นด้วย
จอมมารตกใจ
“พี่หญิง ท่านเป็นอะไร? ไม่สบายที่ใดหรือไม่? เหตุใดร่างกายของท่านถึงได้เย็นเช่นนี้?”
“การตายของอี้เฉินเฟยอาม่อเองก็เสียใจ แต่ว่า……เขาเต็มใจ ท่านลืมสิ่งที่เขาเคยกล่าวแล้วหรือ? ความสุขของท่านคือความสุขของเขา หากท่านโศกเศร้าอี้เฉินเฟยอยู่ในปรโลกก็จะไม่สามารถมีความสุขได้”
“พี่หญิง…… ท่าน……เหตุใดท่านถึงได้ตัวสั่นเทารุนแรงเช่นนี้?”
ทุกคนสังเกตเห็นความผิดปกติและรีบวิ่งไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
“อาหน่วน……”
“ท่านหัวหน้าเผ่า……”