นางมีเพียงจุดมุ่งหมายเดียวมาตั้งแต่แรก…
ภายในใจของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดบาป
แม้ว่าพวกนางจะเต็มใจ แต่นางก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต
หากบอกว่าไม่เจ็บปวด เหวินเส่าอี๋กับจอมมารก็คงโกหก
พวกเขายอมให้นางร้องไห้ออกมาอย่างฮวาฉี่หลัวเสียยังจะดีกว่า
แต่นางกัดฟันทนและไม่ยอมเปล่งเสียงออกมาเลยสักนิด นางเพียงแค่จ้องมองไปที่เหล่าสาวกของเผ่าน้ำแข็งซึ่งกระโดดลงไปโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา
ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่
และไม่มีใครรู้ว่านางเจ็บปวดมากแค่ไหน
ด้วยเหตุนี้จอมมารและเหวินเส่าอี๋จึงยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
พี่น้องมากกว่าหนึ่งร้อยคนต้องมาตายอย่างน่าเวทนาต่อหน้านางเพื่อช่วยนางคลายคำสาปโลหิต ความโหดร้ายเช่นนี้คนปกติที่ไหนก็ยอมรับไม่ได้
ทันใดนั้นจอมมารก็สวมกอดกู้ชูหน่วนที่ตัวเย็นเยียบ เอ่ยปนสะอื้นว่า “พี่หญิง ท่านอยากร้องก็ร้องออกมาเถิด ไหล่ของอาม่อมีไว้สำหรับท่าน”
กู้ชูหน่วนไม่ตอบสนองใดๆ นางยังคงเฝ้ามองการเสียสละของพี่น้องทีละคนๆ อย่างเงียบเชียบ
ความเจ็บที่หยั่งรากลึก บางทีก็ทำให้คนรู้สึกมึนชา
“พี่หญิง…”
จอมมารยกมือขึ้นปิดตาของนาง แต่กู้ชูหน่วนสะบัดหน้าหนี
น้ำเสียงที่เยียบเย็นของนางดังขึ้นมาอย่างเฉื่อยชา
“พวกนางจะไม่ตายเปล่า”
อึ้ง…
จอมมารไม่รู้ว่าที่กู้ชูหน่วนพูดแบบนั้นมันหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงทำได้แค่หันไปหาเหวินเส่าอี๋
เหวินเส่าอี๋กำมือขวาไว้แน่น มือขวาของเขาหักและเจ็บมาก
เมื่อเห็นคำถามในแววตาของจอมมาร เขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “นางจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลอมไข่มุกมังกร จะไม่ยอมให้พวกนางตายเปล่า”
เหวินเส่าอี๋อยากจะกอดร่างที่บอบบางของนางเหมือนอย่างที่จอมมารทำเหลือเกิน
แต่เขาไม่มีตำแหน่งและไม่มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้นจึงทำได้เพียงอยู่เงียบๆ ข้างกายนาง
ดูเหมือนจอมมารจะเข้าใจดี
“การเสียสละจำนวนมากเช่นนี้ มันอยุติธรรมเกินไปหากไข่มุกมังกรจะยังหลอมรวมกันไม่ได้อีก”
ผู้อาวุโสหกหลับตาลงด้วยความสงสารจับใจ เขามิอาจทนเห็นภาพอันโหดร้ายนั้นได้อีก
มีเพียงฮวาฉี่หลัวเท่านั้นที่ยังทุบม่านพลังที่กำบังเอาไว้อย่างสิ้นหวังพลางร้องไห้เจียนจะขาดใจ
“ไม่… ไม่นะ… ท่านพี่… ท่านพี่… พวกท่านหยุดกระโดดลงไปได้แล้ว ขอร้องล่ะ พวกท่านอย่ากระโดดลงไปอีกเลย”
“เสี่ยวฉี่หลัว ต่อจากนี้ไปเจ้าต้องเชื่อฟังนายท่าน ต้องคอยปกป้องนายท่านให้ดีด้วย”
“ท่านพี่… ข้าขอร้องล่ะ พวกท่านอย่ากระโดดลงไปอีกเลยนะ”
ไม่ว่านางจะร้องไห้เสียใจแค่ไหน ไม่ว่านางจะวิงวอนมากเท่าใด
สาวกทั้งหนึ่งร้อยห้าคนก็ไม่หยุดการสังเวยชีวิตเพราะคำพูดของนาง
ในที่สุด…
ขณะที่พวกเขากำลังเจ็บปวดหัวใจ สาวกทั้งหนึ่งร้อยห้าคนก็สละชีวิตไปจนหมด
ที่ข้างเตากลั่นยาขนาดใหญ่เหลือเพียงไป๋จิ่นคนเดียวเท่านั้น
ไป๋จิ่นกำมือแน่น เนิ่นนานกว่าจะคลายมือนั้นและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เหลือแค่ข้าคนเดียวแล้ว นายท่าน… โปรดดูแลตัวเองด้วย…”
ฮวาฉี่หลัวร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง “ไม่… ท่านพี่ไป๋จิ่น… เหตุใดท่านจึงโหดร้ายเช่นนี้… ท่านจะตายไม่ได้นะ… ท่านพี่หน่วน ทำไมท่านจึงไม่พูดอะไรเลย ท่านรีบขอร้องท่านพี่ไป๋จิ่นสิเจ้าคะ บอกนางว่าอย่าทิ้งพวกเราไป”
กู้ชูหน่วนเงยหน้าอย่างไรความรู้สึก เอ่ยด้วยลำคอที่แห้งผากว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะดูแลน้องฉี่หลัวอย่างดี ขอโทษจริงๆ…”
“ไป๋จิ่นขอบคุณนายท่าน ขอให้ท่าน… แก้ไขคำสาปโลหิตให้ได้โดยเร็ว”
“อืม…”
“นายท่านโปรดดูแลตัวเองด้วย”
ไป๋จิ่นแย้มยิ้ม จากนั้นจึงกางมือออกและกระโดดลงไปในเตาหลอมพร้อมกับรอยยิ้มนั้น
เช่นเดียวกับพี่น้องคนอื่นๆ นางไร้ซึ่งความลังเล ไร้ซึ่งการกล่าวโทษ มีเพียงแค่ความเต็มใจ
บูม!
เปลวไฟลุกโชนอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงคร่ำครวญที่แสนเศร้า ราวกับกำลังไว้อาลัยที่วัยเยาว์อันสดใสของพวกนางต้องเหี่ยวเฉาลงเช่นนี้
พลังอันชั่วร้ายในเตากลั่นยาหายไปอย่างสมบูรณ์หลังจากที่ไป๋จิ่นกระโดดลงไป แม้แต่พลังอันชั่วร้ายที่ชั้นแรกก็หายไปด้วย
“ท่านพี่ไป๋จิ่น… ฮือฮือ… ทำไม… ทำไมจึงต้องทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้… ทำไม…”
“เด็กน้อย อย่าร้องไห้ไปเลย ผู้อาวุโสหกดูออกว่าแม่นางไป๋จิ่นกับทุกๆ คนรักเจ้ามาก หากเจ้าเป็นเช่นนี้ พวกนางที่ไปยังยมโลกจะไม่สงบใจนะ”
ผู้อาวุโสหกกอดฮวาฉี่หลัวเอาไว้ ประคองศีรษะของนางให้ซบลงกับอกของตน จากนั้นจึงยื่นมือไปตบหลังนางเพื่อปลอบประโลม
“ฮือฮือ… พี่น้องมากมายจากเผ่าน้ำแข็งตายหมดแล้ว หลายชีวิตตายหมดแล้ว มาที่เผ่าหยกเพียงครั้งเดียว เหตุใดจึงต้องสูญเสียมากมายเช่นนี้ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ข้าต้องการท่านพี่ไป๋จิ่น”
“ไม่เป็นไรนะ…”
ดวงตาที่ขาวขุ่นของผู้อาวุโสหกคลอไปด้วยน้ำตา เขามองไปทางกู้ชูหน่วนอย่างกังวล
ทว่ากู้ชูหน่วนกลับลุกขึ้นยืนอย่างสิ้นไร้หนทาง โดนโซซัดโซเซออกไปข้างนอก
ร่างกายของนางสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดขาวไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ดูไม่ต่างอะไรจากศพที่เดินได้
จอมมารตามนางไปอย่างใกล้ชิด
เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำและทำเพียงปกป้องนางอย่างเงียบๆ
เหวินเส่าอี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามนางไป
ที่นอกเขตหวงห้ามแสงแดดแผดจ้าเหมือนไฟ พระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้า แสงแดดแยงตาจนทำให้พวกเขาแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
แต่ไม่ว่าแสงอาทิตย์จะสว่างแค่ไหนก็ไม่มีทางทำให้หัวใจที่มืดมิดของทุกคนอบอุ่นขึ้นมาได้
ผู้อาวุโสสูงและคนอื่นๆ พากันตามมา
ทันใดนั้นก็เห็นกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ เดินมาอย่างเศร้าซึม
ผู้อาวุโสรองยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้คนไปจับตัวเหวินเส่าอี๋
เหวินเส่าอี๋ไม่ขัดขืนและปล่อยให้พวกเขามัดไว้
“เกิดอะไรขึ้นหรือท่านหัวหน้าเผ่า” ผู้อาวุโสเจ็ดถาม
คำตอบที่ผู้อาวุโสเจ็ดได้รับคือแผ่นหลังอันว่างเปล่าของกู้ชูหน่วน
ทุกคนรู้สึกได้ว่าบรรยากาศผิดปกติ และยังรู้สึกได้ด้วยว่ามีเงามืดปกคลุมอยู่ภายในใจของกู้ชูหน่วน ราวกับมีความโศกเศร้าปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของนาง
ผู้อาวุโสเจ็ดหันไปมองผู้อาวุโสสูง
ผู้อาวุโสสูงถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียด แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการสังเวยชีวิตของแม่นางไป๋จิ่น”
“แม่นางไป๋จิ่น…”
“เรื่องนี้ค่อยมาว่ากันทีหลัง ตอนนี้รีบตามท่านหัวหน้าเผ่ากลับไปก่อน”
กู้ชูหน่วนเดินโซเซจนเกือบจะล้มอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งจอมมารมาช่วยประคองนางไว้ทัน
ทั่วทุกแห่งระหว่างทางเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องคร่ำครวญ
มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีชาวเผ่าหลายคนที่ร้องไห้คร่ำครวญโดยมีญาติพี่น้องอยู่ในอ้อมกอด
บ้านเรือนส่วนใหญ่ในเผ่าหยกถูกเผาทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง
เช่นเดียวกับในอดีต ชาวเผ่าหลายคนสูญเสียสติสัมปชัญญะและสังหารคนในครอบครัวตัวเอง พวกเขาต่างยกดาบขึ้นมาบั่นคอของตนเองและตายตกตามญาติของพวกเขาไป
สาวกหลายคนพยายามเข้ามาห้าม ทว่าก็หลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมไม่ได้
จอมมารขมวดคิ้ว
เขาเคยเห็นโศกนาฏกรรมมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นโศกนาฏกรรมไหนจะร้ายแรงเช่นนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้พี่หญิงจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไข่มุกมังกร
คำสาปโลหิตแก้ไม่ได้ แม้แต่สวรรค์ก็ทนสิ่งนี้ไม่ได้
เหวินเส่าอี๋หายใจติดขัด
สิ่งที่เห็นในเผ่าหยกทำลายความเข้าใจเดิมของเขาจนหมดสิ้น
คำสาปโลหิตไม่ใช่แค่โหดร้ายที่สุด แต่มันโหดร้ายยิ่งกว่านั้น
ภาพอันน่าสลดเมื่อคำสาปสำแดงฤทธิ์คืออะไรกัน
ตอนนี้หลังจากมีสติดีแล้วและรู้ว่าตนเองสังหารคนที่ตนเองรัก พวกเขาทั้งเสียใจและนึกโทษตัวเอง และสิ่งเหล่านั้นจะติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวิต
เขาไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนต้องเจ็บปวดสักเพียงไหน ความรู้สึกของนางจึงได้มึนชาเช่นนี้
เขารู้แค่ว่าเขารู้สึกผิดกับกู้ชูหน่วน
เผ่าเพลิงฟ้าที่ยิ่งใหญ่รู้สึกผิดกับเผ่าหยกและติดหนี้คำขอโทษพวกเขา
ไม่…
การขอโทษไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา
ต้องเดินหน้าต่อไป
พวกเขาเห็นผู้อาวุโสไป๋เฉ่าเฝ้าอยู่ข้างศพของอินเอ๋อร์และเช็ดน้ำตาอยู่เงียบๆ ใบหน้าที่ดูแก่ชราอยู่แล้วดูแก่ขึ้นไปอีกสิบๆ ปีเพราะการตายของอินเอ๋อร์
เหวินเส่าอี๋ก้าวเท้าไปและหยุดชะงัก
ภาพที่อินเอ๋อร์ถูกชาวเผ่าหยกแทงตายเพื่อช่วยเขาเมื่อคืนฉายวาบขึ้นมาในใจของเขาอีกครั้ง