“หลอมรวมไม่ได้ ข้าหลอมรวมไข่มุกมังกรไม่ได้……”
หลังจากที่ดาบอ่อนถูกชิงไปกู้ชูหน่วนก็ล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างทั้งร่างทรุดตัวลงไปเลย ความโศกเศร้าที่ถูกกดเอาไว้ในใจก็ได้ระบายออกมา
จอมมารกอดนางเอาไว้แน่นและตบๆหลังของนางไม่หยุด
“ท่านทำดีที่สุดแล้ว ทุกคนรู้ว่าท่านทำดีที่สุดแล้ว”
“ท่านพี่เฉินเฟยเสียชีวิตไปแล้ว พี่น้องมากมายของเผ่าน้ำแข็งก็ได้ตายไปแล้วเช่นกันซึ่งเป็นจำนวนทั้งสิ้นหนึ่งร้อยเก้าคนก็ไม่มีแล้ว ข้าไม่สามารถผิดต่อพวกเขาได้……แต่ข้าหลอมรวมไข่มุกมังกรไม่สำเร็จ ทำไม……ทำไมถึงเป็นเช่นนี้……”
ความเจ็บปวดเผยขึ้นในดวงตาของจอมมารจึงได้เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง และกล่าวเสียงเบาว่า “แม้ว่าท่านจะไม่สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกร ได้ พวกนางก็ไม่โทษท่านหรอก”
“พี่หญิง พวกเขาไม่ได้ยินยอมสังเวยเพื่อเผ่าหยก แต่พวกเขาสังเวยเพียงเพราะท่านผู้นี้ หากว่าพวกเขารู้ว่าท่านฝืนบังคับตนเองและทำให้ตนเองลำบากใจเช่นนี้พวกเขาก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน”
“เช่นนั้นข้าควรจะทำเช่นไรดี? ข้าควรจะทำเช่นไร……”
กู้ชูหน่วนจ้องเขม็งไปยังเตาหลอมยาที่กำลังลุกโหมทั้งสองเตา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าไม่ได้ตามใจหวังและหมดสิ้นหนทาง
“หลอมรวมไม่สำเร็จพวกเราก็ไม่หลอมแล้ว บางทีนี่อาจเป็นชะตาของเผ่าหยก”
และเป็นชะตาของนางด้วย
แต่เขาจะไม่ยอมให้พี่หญิงต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดจากคำสาปโลหิตไปชั่วชีวิตแม้ว่าจะทุมเททุกสิ่งอย่างเขาก็จะเสริมกำลังการผนึกของพี่หญิง
เท่าที่รู้จักกันมานานเช่นนี้นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นกู้ชูหน่วนร้องไห้
ครั้งหนึ่งคือขณะที่เอี้เฉินเฟยและไป๋จิ่นสังเวย อีกครั้งหนึ่งคือในตอนนี้……
สวรรค์รู้ว่านางร่ำไห้และเขาเจ็บปวดใจเพียงใด……
“ปึงปึงปึง……”
เกิดการทะเลาะวิวาทและการต่อสู้รุนแรงดังอยู่ด้านนอก
ด้านนอกมีคนรีบมารายงานว่า “ท่านหัวหน้าเผ่าแย่แล้ว เยี่ยจิ่งหานทะเลาะต่อสู้กับผู้อาวุโสไท่ซั่งขึ้นมาแล้ว”
ประโยคหนึ่งดึงกู้ชูหน่วนกลับมาจากความรู้สึกแห่งความล่มสลาย
นางปาดน้ำตาและออกจากอ้อมกอดของจอมมาร ไม่ว่าจะลำบากและเศร้าโศกเพียงใดก็ถูกนางซ่อนเอาไว้ในใจทั้งสิ้น
“ผู้อาวุโสไท่ซั่งออกจากการบำเพ็ญเพียรแล้วหรือ?”
“เปล่าขอรับ แต่จู่ๆเยี่ยจิ่งหานก็บุกเข้าไปในสถานที่ที่ผู้อาวุโสไท่ซั่งบำเพ็ญเพียรและบังคับเชิญให้ผู้อาวุโสไท่ซั่งออกมา”
เขากล่าวว่าเชิญแต่กู้ชูหน่วนและจอมมารนั้นฟังออก
นี่เป็นการเชิญที่ใดกัน เห็นชัดว่าเป็นการบังคับ
จอมมารตบต้นขาทีหนึ่ง
“คาดการณ์พลาดซะแล้ว ถูกเยี่ยจิ่งหานชิงตัดหน้าก่อนอีกแล้ว”
เดิมทีเขาก็ต้องการบุกไปยังสถานที่ที่ผู้อาวุโสไท่ซั่งบำเพ็ญเพียรและถามถึงการหลอมรวมไข่มุกมังกรอย่างไรให้รู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
แต่เขาไม่วางใจในพี่หญิง จึงทำได้เพียงเฝ้าคุ้มครองพี่หญิงไม่ห่างอยู่ทั้งวันทั้งคืน
เขากลัวว่าหากว่าเขาเผอิญจากไป พี่หญิงจะกระทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายตน
กู้ชูหน่วนถามว่า “ตอนนี้หล่ะ……?”
“เอ่อ……คือ……น่าจะยังต่อสู้กันอยู่ขอรับ”
สาวกอีกคนหนึ่งในเผ่าเพิ่งกลับมาจากด้านนอก และเขานั้นตอบอย่างรวดเร็วว่า “ตอบกลับท่านหัวหน้าเผ่า หานอ๋องและผู้อาวุโสไท่ซั่งไม่ได้ต่อสู้กันแล้ว ผู้อาวุโสหลายท่านได้ล้อมหานอ๋องไว้และหานอ๋องก็เลิกต่อต้านและยอมที่จะถูกผู้อาวุโสสูงและคนอื่นๆจับตัวไว้ ตอนนี้ถูกขังไว้กับเจ้าสุนัขสารเลวของเผ่าเพลิงฟ้า”
เผ่าหยกเรียกเหวินเส่าอี๋ว่าเป็นเจ้าสุนัขสารเลวกันทั้งสิ้น
กู้ชูหน่วนฟังเช่นไรก็รู้สึกอึดอัดนัก
สำหรับการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของเยี่ยจิ่งหานนั้นนางสามารถเข้าใจได้
เยี่ยจิ่งหานน่าจะรู้ว่านางไม่สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรมาตลอดจึงเกรงว่านางจะได้รับอาการบาดเจ็บดังนั้นจึงบุกเข้าไปในสถานที่บำเพ็ญเพียรของผู้อาวุโสไท่ซั่งและบังคับให้เขาออกมา
จอมมารกล่าวเสียงจ้อแจ้ว่า “ขังตัวเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋เอาไว้ด้วยกันซึ่งก็ไม่รู้ว่าเหล่าผู้อมตะทั้งหลายของเผ่าหยกคิดสิ่งใดกันอยู่ สองคนนี้อยู่ด้วยกันจะไม่ต่อสู้กันจนฟ้าดินกลับตาลปัตรหรอกหรือ”
“ผู้อาวุโสไท่ซั่งหรือ? ข้าก็อยากพบเขา”
กู้ชูหน่วนจัดการเสื้อผ้าอันยุ่งเหยิงของนางและก้าวออกจากห้องหลอมยาที่นางพักอยู่เป็นนานเวลาหลายวันแล้ว
เผ่าหยกเกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้น ในฐานะผู้อาวุโสไท่ซั่งเขากลับบำเพ็ญเพียรอยู่ตลอด นางก็ต้องการดูว่าเขานั้นบำเพ็ญเพียรอันใดกัน
จอมมารเดินตามไปราวกับสุนัขรับใช้
ณ ห้องโถงปรึกษากิจของเผ่าหยก
ที่นี่รวมตัวผู้อาวุโสมากมายอยู่ รวมถึงผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสรอง
โดยทั่วไปแล้วห้องโถงปรึกษากิจมิให้ผู้อื่นนอกจากเผ่าหยกเข้า
เช่นไรจอมมารเป็นผู้ที่ท่านหัวหน้าเผ่าพาไปด้วยตนเองจึงไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถงปรึกษากิจกู้ชูหน่วนเห็นผู้อาวุโสไท่ซั่งนั่งในตำแหน่งที่สองด้านล่างของท่านหัวหน้าเผ่าเป็นอันดับแรก ผู้อาวุโสสูงและคนอื่นๆยืนอยู่ทั้งสองข้างด้วยความเคารพ
ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังถกเถียงเรื่องใดกันอยู่ เมื่อเห็นนางเข้ามาก็ทำความเคารพทีละคนๆ
ผู้อาวุโสไท่ซั่งนั้นแก่ชรามากแล้ว หนวดเคราขาวโพลนมองดูแล้วราวกับทวยเทพผู้แตกต่างโดยไก้กำแส้ขนจามรีด้ามหนึ่งซึ่งดูมีความเป็นมิตรยิ่งนัก
เพียงแต่ว่าตาซ้ายของเขาถูกชกอย่างแรงจนถึงตอนนี้ยังมีขอบตาดำดวงใหญ่ซึ่งทำลายภาพลักษณ์ของเขาเสียจริง
“ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านออกจากบำเพ็ญเพียรแล้วหรือ? ไข่มุกมังกรหลอมรวมได้แล้วหรือ?” ผู้อาวุโสรองกล่าวด้วยความกังวลพร้อมด้วยใบหน้าอันยินดี
ผู้อาวุโสสูงและคนอื่นๆนั้าไม่ได้เอ่ยปากถาม
เมื่อพิจารณาจากใบหน้าอันซีดเผือดของกู้ชูหน่วนเป็นไปไม่ได้ที่ไข่มุกมังกรจะหลอมรวมเข้าด้วยกันได้สำเร็จ
หากว่าหลอมรวมได้สำเร็จ คนรับใช้ก็คงจะมาแล้ว
เมื่อผู้อาวุโสไท่ซั่งเห็นกู้ชูหน่วนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าอันเหี่ยวย่นของเขา
ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากกู้ชูหน่วนก็ได้ก้าวไปถึงยังตรงหน้าของเขาแล้วและชกผู้อาวุโสไท่ซั่ง อย่างรุนแรงท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของทุกคน
หมัดนี้ชกเข้าที่ตาขวาของผู้ผู้อาวุโสไท่ซั่งพอดีความแรงมากมายเสียจนตาขวาของเขาก็กลายเป็นวงขอบกลมดำโดยที่เข้ากันกับตาข้างซ้าย
ผู้อาวุโสไท่ซั่งไม่ทันได้ตั้งตัว เช่นไรก็ไม่เคยคาดคิดว่าไม่พบเจอกันมานานหลายปี พบกันครั้งแรกกู้ชูหน่วนก็ชกเขาอย่างแรงหมัดหนึ่ง
แล้วยังชกตาพร่ามัวของเขาด้วยซึ่งเจ็บปวดเสียจนเขากุมตาเอาไว้แน่นและจะโกนออกมาด้วยความตกใจไม่หยุดว่า “แม่สาวผู้นี้ไม่ได้พบกันมานานหลายปี พอพบกันท่านก็ชกข้า ท่านปู่เอ็นดูเจ้าเสียเปล่าซะแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงและคนอื่นๆออกเสียงหนึ่งมาและกุมตาขวาของตนเองเอาไว้
พลังกำลังนี้……พวกเขาแค่มองก็เจ็บแล้ว……
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หึ……ในฐานะผู้อาวุโสไท่ซั่งของเผ่าหยก เผ่าหยกได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสด้วยคำสาปโลหิตโดยที่ท่านไม่ได้สนใจเลย เผ่าหยกได้ใช้กำลังไปมากเพียงใดถึงจะสามารถรวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดลูกมาได้ท่านไม่ใส่ใจ ไข่มุกมังกรหลอมรวมกันไม่ได้ คนเผ่าน้ำแข็งหนึ่งร้อยแปดคนสังเวยทั้งเป็นและพี่เฉินเฟยก็สังเวยไปด้วย ข้าส่งคนมากมายไปเชิญท่านออกจากการบำเพ็ญเพียร ท่านก็ไม่สนใจ คนเช่นท่านยังคู่ควรที่จะเป็นผู้อาวุโสไท่ซั่งหรือ ข้าชกท่านหมัดนี้ยังเบาไป”
คำพูดเช่นนี้เอ่ยออกมาผู้อาวุโสไท่ซั่งก็นิ่งเงียบไป ร่องรอยความเจ็บปวดก็ได้แว๊บผ่านดวงตาแก่ชราอันขุ่นมัวไป
ผู้อาวุโสสูงอธิบายว่า “ผู้อาวุโสไท่ซั่งจะไม่ออกจากการบำเพ็ญเพียรจำต้องมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น ท่านหัวหน้าเผ่าก็……”
“เรื่องสำคัญอันใด? ต่อให้เป็นเรื่องสำคัญมากเพียงใดจะสำคัญกว่าไข่มุกมังกรหรือ จะสำคัญกว่าความเป็นความตายความอยู่รอดของเผ่าหยกหรือ?”
ผู้อาวุโสหลายท่านตกตะลึงจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก
พวกเขายังรู้สึกว่าผู้อาวุโสไท่ซั่งไม่สมควรมากเกินไป
แต่ผู้อาวุโสไท่ซั่งนั้นไว้ใจได้อยู่เสมอ เขาไม่ออกมาก็ต้องมีเหตุผลที่ไม่ออกมา
เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
จอมมารเห็นว่าผู้อาวุโสไท่ซั่งถูกต่อยเข้าที่ตาซ้ายและตาขวาทั้งสองข้างและรู้สึกชอกช้ำมากเพียงใดในใจของเขาอึดอัดมากมายนัก
แม้ว่าจะให้สมดุลก็ไม่ควรชกที่ตาอีกข้างหนึ่งของเขา เหตุใดเยี่ยจิ่งหานถึงได้เอาเปรียบเขาได้ใช้
ดวงตาสีฟ้าและม่วงอย่างละข้างของจอมมารจับจ้องอยู่ที่จมูกของผู้อาวุโสไท่ซั่งพร้อมกับรอยยิ้มอันแปลกประหลาดได้ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ผู้อาวุโสไท่ซั่งรู้สึกตัวเย็นขึ้นและรู้สึกอยู่เสมอว่าดวงตาคู่นั้นของจอมมารนั้นมุ่งร้าย
“เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยนี้เป็นผู้ใด?” ผู้อาวุโสไท่ซั่งถาม
จอมมารลูบผมดำของเขาที่ห้อยอยู่ด้านหน้าใบหูของตนเองอย่างสง่างามพร้อมยกผมดำขึ้นอย่างภาคภูมิใจและกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “ข้าหน่ะ เป็นเจ้าสุนัขน้อยขี้อ้อนของพี่หญิงอยู่แล้ว”
เจ้าสุนัขน้อยขี้อ้อนของพี่หญิง?
ผู้อาวุโสต่างงุนงงกัน
หมายเหตุ
แส้ขนจามรี เป็นแส้ถือที่ผู้บำเพ็ญเพียรนิยมถือในมือ