กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 716
ในห้องขังเกือบร้อยห้องนางต้องการค้นหาไปจนถึงเมื่อไหร่ก็มิอาจรู้ได้
“ไม่เช่นนั้นข้าจะลองไปถามคนดู”
“ถามว่าอะไร? เจ้าไม่เห็นหรือว่าที่นี่ไม่มีทหารยามเลยสักคน?” แม้ว่าจะมีก็ไม่สามารถถามได้โดยตรงนี่นา
“เห็นแล้ว”
“ที่นี่คือสถานที่ที่เผ่าหยกใช้กักขังผู้ร้ายสำคัญ ซึ่งตามหลักแล้วน่าจะได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่น แต่ที่นี่ไม่มีผู้ใดคุ้มกันเลยแม้แต่ผู้เดียวซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่นี่ไม่ธรรมดา บางที……อาจมีบางสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่ที่นี่หรือมีกลไกกับดักที่ร้ายกาจอยู่”
“มีกลไกและค่ายกลอยู่แต่พวกเราก็ได้ทำลายแล้วไม่ใช่หรอกหรือ?”
“……”
กู้ชูหน่วนเกียจคร้านเกินกว่าจะพูดจาไร้สาระกับเขา
เวลาดื่มเหล้าเมาไร้ซึ่งสติ
เวลาที่ไม่ดื่มเหล้าก็ไร้สติเช่นเดียวกัน
นางจะรู้ได้อย่างไรว่ากลไกของค่ายกลได้ถูกทำลายไปแล้วหรือไม่?
แล้วนางจะรู้ได้อย่างไรว่าดึงเวลาต่อไปเช่นนี้แม้ว่าจะหาเหวินเส่าอี๋พบแล้วมีความจำเป็นอันใด
เดินไปยังเบื้องหน้าตลอดทางโดยที่ในใจของกู้ชูหน่วนรู้สึกเป็นกังวลเหลือคณาแต่ไม่กล้าแสดงออกกลับฝืนบังคับให้ตัวเองยิ่งสงบมากขึ้น
หากว่านางเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะมีห้องขังเก้าสิบเก้าห้อง
แต่ละห้องอยู่ค่อนข้างห่างกันและมีกลไกอยู่ตรงกลางทั้งสิ้น
นางทำได้เพียงแค่ไปตามหาได้ทีละห้องๆ ทำลายกลไกทีละห้องๆ
กู้ชูหน่วนหลับตาลง สมองครุ่นคิดหมุนไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปสักพักหนึ่งนางก็ลืมตาขึ้นทันที ความวิตกกังวลและความตื่นตระหนกในดวงตาได้มลายหายไปและเข้ามาแทนที่ด้วยความแน่วแน่
“เหวินเส่าอี๋อยู่ในห้องขังที่ลึกที่สุดของห้องขังห้องหนึ่ง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“หึ……เนื่องจากความเกลียดชังของเผ่าหยกที่มีต่อเผ่าเพลิงฟ้า และเขาเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าซึ่งเป็นผู้ที่สูงที่สุดนอกจากฐานะของหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสสูงสุด”
กู้ชูหน่วนชี้นิ้วเท้าพร้อมใช้เชือกกระโดดลงไปในเหวอีกครั้ง
ผู้อาวุโสหกกระทืบเท้าด้วยความโมโห
ไม่ได้บอกว่ามีกลไกค่ายกลอันทรงพลังหรืออันตรายที่ไม่ชัดแจ้งไม่ใช่หรือไม่? เหตุใดถึงได้กระโดดลงไปเช่นนี้หล่ะ?
ผู้อาวุโสหกรีบกระโดดตามลงไป
ขณะที่กระโดดลงไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นงูยักษ์ตัวหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอ้าปากอันเปื้อนเลือดมาทางพวกเขาอย่างเหี้ยมโหด
กู้ชูหน่วนรู้ว่าต้องการเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกมาหากว่าไม่มี่สิ่งหลอกล่อมันไม่มีทางตื่นขึ้นมา
กู้ชูหน่วนดึงมันออกมาจากข้อมือแล้วโยนเข้าไปในปากของงูยักษ์
จริงตามนั้นแม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะห่วงนอนทว่าความอันตรายมาถึงก็ได้ตื่นขึ้นมาและแปรเปลี่ยนร่างในทันทีเป็นงูยาวตัวหนึ่งแกว่งหางไปมาและเคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการกลืนกินของงูใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด
“เทพยดาของข้ม นายท่าน ท่านคิดที่จะผลักเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปสู่หนทางตายหรือ?”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อย่างเย็นชา ซึ่งความเร็วนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและดูเรื้องราวต่อไป
งูยักษ์ไล่ล่าตามกู้ชูหน่วน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แยกเขี้ยวและแลบลิ้นเสียงฟ่อๆขึ้น
“แม้ว่านายท่านของข้าจะโหดร้ายไร้เมตตาต่อข้า แต่ข้าไม่สามารถทำผิดต่อนางได้ เจ้ามันงูน้อยตัวหนึ่งก็ยังกล้ามารังแกนายท่านของข้า มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”
ผู้อาวุโสหกเดินตามหลังอยู่พร้อมกลืนน้ำลาย
นี่คือ……
ยังเป็นงูน้อย?
เขารีบตามติดด้วยความเร็ว
งูยักษ์สองตัวกำลังต่อสู้กันเสียงดังตุ๊บๆตั๊บๆโดยที่พื้นดินขุนเขาสั่นสะเทือนไปหมด
กู้ชูหน่วนไม่ได้ใส่ใจ
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงจุดต่ำที่สุดของเหวแล้วก็ได้เกิดค่ายกลสังหารที่มีรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นในทันที
กู้ชูหน่วนหลอกล่อค่ายกลสังหารไปยังผู้อาวุโสหกให้ผู้อาวุโสหกทำลายค่ายกล ส่วนตนเองหา โอกาสตกลงไปที่ก้นเหวเสียงดังตุ๊บ
“อาหน่วน ท่านก็ช่างไร้คุณธรรมเกินไปแล้วถึงกับกล้าใช้ข้าเป็นโล่กำบัง ข้าอายุก็ปูนนี้แล้วท่านก็ไม่กลัวว่าข้าจะสิ้นลมหายใจที่นี่”
“วางใจเถอะท่านไม่ตายหรอก ค่ายกลสังหารค่ายกลหนึ่งทำให้ท่านลำบากไม่ได้หรอก”
ห้วงเหวนั้นมืดนัก กู้ชูหน่วนเปิดตะบันไฟออกและใช้แสงสว่างจากตะบันไฟเดินไปทางด้านหน้า
เสียงคำรามของอสุรกายได้ยินอยู่ทุกที่ข้างๆหู
หลายตัวยังเป็นอสุรกายขั้นสูงซึ่งนางยังไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดอสุรกายเหล่านี้ไม่มีตัวใดจู่โจมนางเลย
เมื่อเห็นนางจากระยะไกลเดิมทีอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลือดหยกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนางหรือเปล่า อสุรกายเพียงแค่ดมๆแล้วจากไปเลย
ระหว่างทางที่เดินผ่านมีซากศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง บาส่วนถูกทิ้งไว้เป็รเวลานานแล้ว และบางส่วนถูกทิ้งไว้เป็นระยะเวลานับร้อยปีแล้วซึ่งช่างน่าตกใจนัก
ก็ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีคนถูกจองจำจนตายไปเป็นจำนวนมากเพียงใด
ในที่สุดนางก็เห็นเหวินเส่าอี๋อยู่ที่ปลายทาง
สีหน้าของกู้ชูหน่วนแปรเปลี่ยนไปนัก นั่นเป็นสถานการณ์เช่นใดกัน
อสุรกายหลายตัวยังคงกัดเหวินเส่าอี๋ไม่หยุด กัดจนเลือดไหลเต็มทั่วทั้วร่างเขา
หลายส่วนในร่างกายของเขาถูกกัดออกมาทีละชิ้นๆจนคนมองดูแล้วรู้สึกถึงความแยกขาดจากกัน
กู้ชูหน่วนโกรธจัดจึงดึงดาบอ่อนออกมาดอกดาบสองสามดอกลอยขึ้นและทำลายล้างเจ้าอสุรกายเหล่านั้น
เดิมทีอสุรกายต้องการโต้กลับเมื่อเห็นนางก็ถอยออกไปทีละตัวๆ และในที่สุดพวกเขาก็ถอยหนีไป
“เหวินเส่าอี๋……ท่านตื่นสิ……”
ไม่รู้ว่าเนื่องด้วยเจ็บปวดเกินไปหรือเสียเลือดมากเกินไปเหวินเส่าอี๋จึงหมดสติไปแล้ว
กู้ชูหน่วนช่วยเขาห้ามเลือดด้วยมืออันสั่นเทา
นางไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งนางจะทำร้ายเหวินเส่าอี้อย่างร้ายแรงเช่นนี้ได้
ผู้อาวุโสหกเพิ่งจะคลายค่ายกลสังหารลงได่พอดี จึงวิ่งเข้ามาโดยที่หายใจแรงอย่างต่อเนื่องและพร่ำบ่นอยู่ตลอดทาง
“ทำข้าหนื่อยแทบตายจนเกือบจะทุ่มชีวิตนี้ไปด้วยแล้ว ค่ายกลสังหารเหล่านั้นไม่รู้ว่าผูัใดสร้างไว้ก็ช่างโหดร้ายเกินไป หากไม่ใช่เนื่องจากข้าได้ร่ำเรียนการฝึกฝนค่ายกลมาบ้างวันนี้ท่านก็คงจะไม่เห็นข้าแล้ว อี๋……เหตุใดเจ้าสุนัขตัวนั้นถึงได้บาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น คงไม่ได้ถูกอสุรกายอันใดกินไปหรอกนะ”
“ท่านไม่ได้บอกว่าภายใต้ก้นบึ้งไร้ที่สิ้นสุดเป็นที่กุมขังเป็นห้องๆและไม่มีอันตรายใดๆไม่ใช่หรือ?”
เหตุใดถึงได้มีอสุรกายมากมายกัดเขาได้?
หากว่านางมาช้าสักหน่อยเหวินเส่าอี๋ก็คงจะถูกกลืนเข้าไปโดยตรงแล้วใช่หรือไม่?
ผู้อาวุโสหกรู้สึกไม่เป็นธรรม
“ใช่สิ ก้นเหวไร้สิ้นสุดนั้นน่ากลัวแต่ผู้ที่ถูกจองจำแต่ละคนถูกขังอยู่ในห้องหินเพียงลำพัง ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงเป็นข้อยกเว้น”
“……”
ในใจของกู้ชูหน่วนกำลังเลือดหลั่งริน
บาดแผลของเหวินเส่าอี๋ถูกพันเอาไว้แล้ว แต่ก้อนเนื้อมากมายในร่างที่ถูกกัดออกเสียจนเขาจะต้องเจ็บปวดทรมานมากเพียงใดและต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะงอกคืนกลับมาได้
หรือแม้กระทั่งว่า……
เลือดเนื้อเหล่านี้อาจจะไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้เลยตลอดไป……
เปิดเสื้อผ้าเลือดของเขาออก นางเริ่มมองดูกระดูกซี่โครงของเหวินเส่าอี๋
กระดูกซี่โครงของเขานั้นเป็นผู้อาวุโสหกที่ปรานีจึงละไม่ได้ทำให้หักทั้งหมด เหลือไว้เล็กน้อยให้มีโอกาสฝึกวรยุทธ์ใหม่ได้อีก
แต่ว่า……
ด้วยการกัดของอสุรกาย กระดูกซี่โครงของเขาถูกฉีกขาดออกจากกันอย่างสมบูรณ์
เหวินเส่าอี๋……
กลายเป็นผู้ที่ไร้ประโยชน์ไปแล้วจริงๆ
กระดูกซี่โครงหักไปหมดแล้ว ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีทางฟื้นฟูวรยุทธ์ได้เสียแล้ว……
สีหน้าของผู้อาวุโสหกดูไม่ได้ขึ้นมาในทันใด
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ข้าได้ลงมือโดยปรานีไว้อย่างชัดแจ้ง……อาหน่วนข้าไม่รู้จริงๆว่ามีอสุรกายมากมายเช่นนี้ที่ก้นของเหวไร้สิ้นสุด หากข้ารู้ตีให้ตายข้าก็จะไม่แนะนำให้เจ้าขังเจ้าสุนัขตัวนี้ไว้ที่นี่”
“เหวไร้สิ้นสุดไม่ได้มีสัตว์ร้ายมากมายเหล่านี้จริงๆ มีเพียง……ชั้นล่างสุดเท่านั้น”
และชั้นล่างสุดก็ใช้กักขังคนของเผ่าเพลิงฟ้าโดยเฉพาะ
ผู้อาวุโสหกมองดูโครงกระดูกจนทั่ว
โครงกระดูกเหล่านี้ยังมีเสื้อผ้าบางส่วนที่ยังมองเห็นได้ชัดเจน และเสื้อผ้าบนศพแต่ละศพเป็นชุดของเผ่าเพลิงฟ้า
และท่าทางการตายของพวกเขาส่วนใหญ่ถูกกัดโดยเป็นการผลัดกันกัด จนท้ายที่สุดแขน ต้นขา และร่างกายของก็ถูกฉีกขาดจนตายทั้งที่มีชีวิต
ความสำนึกผิดและความรู้สึกผิดลอยขึ้นในใจของผู้อาวุโสหก