กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 719

บทที่ 719

“ผู้อาวุโสไท่ซั่ง ท่านยังคงปกป้องเส้นทางหลบหนีสำรองอยู่หรือไม่?”

คำว่าเส้นทางหลบหนี ทำให้ผู้อาวุโสของเผ่าหยกต่างพากันไม่สบายใจ

ผู้อาวุโสไท่ซั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวออกมาเสียงดัง “ไป๋เฉ่า ผู้อาวุโสเจ็ด ผู้อาวุโสสิบ พวกท่านแบ่งออกเป็นสามเส้นทางและรีบไปจัดการให้คนในเผ่าหลบหนีออกไปจากเส้นทางลับ”

“อืม แต่ว่าเส้นทางลับอยู่ที่ไหนหรือ?”

เมื่อผู้อาวุโสไท่ซั่งยกมือขวาขึ้นก็มีแผนที่ปรากฏขึ้นในมือของไป๋เฉ่า

ผู้อาวุโสทุกคนต่างรับคำสั่งและพากันออกไป

จากนั้นผู้อาวุโสไท่ซั่งก็ลุกขึ้นทันที “เขตอาคมที่สามยังคงไม่สามารถกำจัดทำลายได้ ต่อให้ฝีมือสูงสุดระดับเจ็ดก็ไม่สามารถทำลายได้ อีกทั้งเผ่าเพลิงฟ้าก็ไม่สามารถมีคนที่มีความสามารถยอดฝีมือระดับสูงสุดมากกว่าระดับเจ็ดได้ นอกเสียจากมีคนยับยั้งไข่มุกหยกภายในเผ่าหยกเป็นการส่วนตัว”

ในขณะที่ผู้อาวุโสไท่ซั่งพูดถึงคำว่าเป็นการส่วนตัว รัศมีของการอาฆาตก็แผ่ออกมา

นั่นถือเป็นการรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของผู้แข็งแกร่ง แม้ว่าทุกคนในที่นี้จะมีพละกำลังความสามารถที่ไม่เลว แต่ก็ถูกกดขี่เสียจนอดไม่ได้ที่จะลงไปดิ้นลงกับพื้น

ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกตึงเครียดขึ้นในใจ “ไข่มุกหยกมีความสำคัญมากเพียงใด เหตุใดผู้อาวุโสในเผ่าถึงไม่สามารถแตะต้องสัมผัสได้และคนในเผ่าก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าไข่มุกหยกอยู่ที่ไหน ใครจะไปแตะต้องไข่มุกหยกหรือ ข้าจะไปดูว่าไข่มุกหยกยังอยู่หรือไม่?”

“ไม่จำเป็นหรอก”

ผู้อาวุโสไท่ซั่งดูดกระจกจากฝ่ามือขวาขึ้นและไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับกระจก จากนั้นภายในกระจกก็ปรากฏเป็นภาพเขตอาคมที่สามของไข่มุกหยกขึ้น

ไข่มุกหยกยังคงอยู่ที่นั่น เพียงแต่ไม่รู้ว่าถูกขยับเคลื่อนย้ายหรือไม่และไม่ได้ติดอยู่บนร่อง

สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไป

เหตุใดไข่มุกหยกถึงไม่ได้อยู่บนร่องหินล่ะ?

ไข่มุกหยดเม็ดนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนในเผ่าหยก เช่นนั้นก็ไม่ควรมีใครไปแตะต้องได้ง่ายๆ ไม่ใช่หรือ

กู้ชูหน่วนไม่ค่อยเข้าใจถึงประโยชน์ของไข่มุกหยกเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของผู้อาวุโสทั้งหลายต่างพากันตึงเครียด นางจึงรู้ว่าไข่มุกหยกเม็ดนี้จะต้องมีความสำคัญอย่างมากกับเผ่าหยกแน่นอน

สิ่งที่ทำให้นางตกใจมากคือ ผู้อาวุโสไท่ซั่งสามารถใช้พลังความคิดของเขาและปรากฏตำแหน่งที่ตั้งของไข่มุกหยกออกมาได้

เช่นนี้แล้วต้องมีความสามารถมากมายเพียงใดถึงจะทำเช่นนี้ได้

“ใคร ใครเป็นคนไปแตะต้องไข่มุกหยก”

โดยปกติแล้วผู้อาวุโสไท่ซั่งเป็นคนที่มีอารมณ์ดีมาตลอด แต่ในเวลานี้เขาโกรธจัดและดวงตาคู่นั้นแทบจะยิงทะลุผู้คน

ผู้อาวุโสต่างมองหน้ากันไปมาและพากันสงสัย

มีเพียงผู้อาวุโสสองเท่านั้นที่ปรากฏอาการตื่นตระหนกออกมา

อาการตื่นตระหนกของเขาถูกกู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสไท่ซั่งจับจ้องไว้ในสายตาแล้ว

ผู้อาวุโสไท่ซั่งทุบโต๊ะและกล่าวอย่างโกรธเคือง “ผู้อาวุโสสอง เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่”

ผู้อาวุโสสองตัวสั่นเทาและต้องการปฏิเสธ

แต่ผู้อาวุโสไท่ซั่งกล่าวขึ้นก่อน “หากท่านกล้าโกหก กฎของเผ่าหยก ท่านน่าจะรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น”

ผู้อาวุโสสองคุกเข่าลงทันทีด้วยความตื่นตระหนกและพูดออกมาด้วยความประหม่า “ผู้อาวุโสไท่ซั่ง หัวหน้าเผ่า ข้า……ข้าไม่ได้ตั้งใจ เป็น……เป็นเยี่ยจิ่งหานหลบหนีไปได้ เหมือนว่าเหวินเส่าอี๋……ข้าคิดว่าพวกเขาเปิดเขตอาคมหลบหนีออกไป ฉะนั้นข้าจึงเปิดเขตอาคมที่สามออกไปดู หลังจากนั้นก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้เปิดเขตอาคม จากนั้นข้าจึงรีบนำไข่มุกหยก……”

“ตุ่บ……”

ผู้อาวุโสไท่ซั่งตบออกไปหนึ่งที ทำให้ร่างกายของผู้อาวุโสสองกระเด็นออกไปและมีเลือดกระอักไหลออกมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

“สารเลว ข้าเป็นคนปล่อยเยี่ยจิ่งหานออกไปเอง เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ? ส่วนเหวินเส่าอี๋ถูกปล่อยไปยังเหวไร้ที่สิ้นสุด เจ้าก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ?”

“ข้า……ข้า……”

เขาเพิ่งจะรู้ทีหลังจริงๆ ตอนแรกมีคนบอกเขาว่าเยี่ยจิ่งหานหลบหนีออกไปและหัวหน้าเผ่าก็ต้องการปล่อยเหวินเส่าอี๋ออกไป เขาจึง……

ผู้อาวุโสสองรู้สึกเสียใจ “ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรสงสัยในหัวหน้าเผ่า ตอนนี้ควรทำเช่นไร……ยังมีเขตอาคมที่สี่อีกหรือไม่?”

“เผ่าหยกมีเขตอาคมที่สี่หรือไม่ ท่านไม่รู้อย่างนั้นหรือ?”

ไม่เพียงแค่ผู้อาวุโสไท่ซั่งเท่านั้นต้องการฆ่าผู้อาวุโสสอง แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆ ก็เช่นกัน

เพราะความสงสัยของเขาทำให้คนในเผ่าหยกทั้งหยดต้องเดือดร้อน

กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชา

สงสัยนาง?

เอ่อ……

ผู้อาวุโสไท่ซั่งกล่าวว่า “ประชาชนในเผ่าต่างถอยกันไปหมดแล้วหรือไม่? ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่าน……ท่านหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสทุกท่าน สถานการณ์ไม่ดีนัก ตอนที่ผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งและไป๋เฉ่าไปบอกให้ประชาชนแยกย้าย ได้ประสบกับการโจมตีอย่างหนักของเผ่าเพลิงฟ้า ทำให้เส้นทางระหว่างเราและประชาชนได้ถูกตัดทางลงแล้ว”

“อะไรนะ ถูกตัดทางลงแล้ว?”

หากเส้นทางถูกตัดขาดลง เช่นนั้นแล้วประชาชนในเผ่าของเผ่าหยกทุกคนต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นหรือ?

พวกเขาเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดาที่มีเพียงสองมือเปล่าเท่านั้น

กู้ชูหน่วนลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “รู้หรือไม่ว่าเผ่าเพลิงฟ้ามากันกี่คน?”

“เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีผู้อาวุโสสูงสุดจำนวนสี่คนและยังมีผู้อาวุโสคนอื่นและลูกศิษย์จำนวนมาก ผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านั้นล้วนมีฝีมือระดับสูงสุดระดับหกด้วยกันทั้งนั้น”

แต่พวกเขาที่นี่มีเพียงผู้อาวุโสไท่ซั่งและผู้อาวุโสสูงสุดที่มีฝีมือระดับสูงสุดระดับหกเท่านั้น ผู้อาวุโสสูงสุดได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถมีแรงต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว

“ในเมื่อมาถึงแล้ว เช่นนั้นเราก็ปิดประตูต่อสู้และให้พวกเขาต้องจบชีวิตลงที่นี่ ท่านหัวหน้าเผ่า ข้าน้อยขอออกรบในแนวหน้า เพื่อจะได้จัดการกับพวกเขาเสียหน่อย”

“ต่อสู้อย่างแน่นอน แต่ศัตรูมีความแข็งแกร่ง แต่เรากลับอ่อนแอ อีกทั้งในเผ่าก็มีประชาชนคนธรรมดาเป็นจำนวนมาก หากฝืนต่อสู้ต่อไปคงไม่เป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน”

ทุกคนต่างตั้งใจฟังในสิ่งที่กู้ชูหน่วนสั่งการออกมาหลังจากนั้น

กู้ชูหน่วนกวาดสายตาไปยังทุกคนที่อยู่ที่นี่ หลังจากเข้าใจจำนวนคนของเผ่าเพลิงฟ้าและตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดอย่างละเอียดดีแล้วก็ได้ทำการแสดงคำสั่งบนโต๊ะทราย (แบบจำลองสภาพภูมิศาสตร์) อย่างละเอียด

“เผ่าเพลิงฟ้าได้ตัดหัวและท้ายของพวกเราไปแล้ว เหตุใดเราถึงไม่ทำการหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ที่นี่ยังมีค่ายกลหรือไม่? ปล่อยให้เผ่าเพลิงฟ้าบุกเข้ามาก่อน จากนั้นค่อยตัดพวกเขาจากที่นี่ หลังจากนั้นค่อยปิดล้อมพวกเขาที่มาทีหลังจากที่นี่”

“เผ่าเพลิงฟ้าเคลื่อนย้ายยอดฝีมือมาจู่โจมเผ่าหยกเป็นจำนวนมากและทำลายเขตอาคมของเผ่าหยกไปมากมาย ผู้ที่อยู่ในแนวหน้าของเขาจะต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน หากข้าคาดเดาไม่คิดละก็ อย่างน้อยผู้ที่อยู่ในแนวหน้าจะต้องมีผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพลิงฟ้าจำนวนสามคน ยอดฝีมือสูงสุดระดับหกสามคน หากพวกเราต้องการฆ่าพวกเขาละก็ ช่างเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก ฉะนั้นพวกเราจะไม่ฆ่า เพียงแค่กักขังพวกเขาไว้และพยายามยื้อเวลาให้ได้มากที่สุด”

“ผู้ที่มาสมทบทีหลังนั้นจะต้องมียอดฝีมือหนึ่งคน หากไม่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้จะต้องเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ เราจะใช้ค่ายกลเพื่อให้พวกเขาที่มาทีหลังแตกแยกกันและรวบรวมพลังเอาไว้ จากนั้นจัดการผู้อาวุโสสูงสุดที่มาทีหลังเสีย จากนั้นจึงค่อยไปจัดการผู้อาวุโสคนอื่น”

กู้ชูหน่วนยืนอยู่ที่หัวโต๊ะทรายเพื่อออกคำสั่งทีละขั้นตอน รัศมีแห่งความเป็นผู้นำของนางแผ่ซ่านออกมา

ผู้อาวุโสไทซั่งและผู้อาวุโสสูงสุดต่างพากันปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่านางจะสูญเสียความทรงจำ แต่ก็ยังคงเป็นหัวหน้าเผ่ายอดอัจฉริยะของพวกเขา

ท่าทางที่ไร้ความเกรงกลัวเมื่อต้องเผชิญกับอันตรายเช่นนี้ ช่างทำให้คนอื่นรู้สึกละอายใจอย่างมาก

ผู้อาวุโสห้ากล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วพวกเราต้องใช้ค่ายกลอะไรหรือ”

กู้ชูหน่วนกวักมือและให้พวกเขาขยับเข้าไปใกล้

ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างพากันเงี่ยหูเข้าไป แม้แต่ผู้อาวุโสไทซั่งก็อดไม่ได้ที่จะทำตาม

ผู้อาวุโสสองก็อยากเงี่ยหูฟัง แต่กลับถูกทุกคนพากันจ้องมองด้วยตาเขม็ง จากนั้นเขาจึงค่อยๆ ออกไปและมองดูทุกคนฟังที่กู้ชูหน่วนพูดกระซิบอย่างรู้สึกลำบากใจ ทุกคนต่างพากันทำสีหน้าตกใจและชื่นชม

เขายังเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของกู้ชูหน่วน

และไม่รู้ว่าพวกเขาคิดแผนการอะไรออกมาเพื่อจัดการกับคนของเผ่าเพลิงฟ้า

“ข้าน้อยรับทราบและจะรีบไปปฏิบัติตามคำสั่งของท่านหัวหน้าเผ่า”

เพียงชั่วพริบตา ผู้อาวุโสทั้งหลายที่อยู่กันเป็นจำนวนมากก็ต่างพากันแยกย้ายออกไป และเหลือเพียงผู้อาวุโสไท่ซั่งและกู้ชูหน่วนสองคนเท่านั้น

ผู้อาวุโสสองรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าตัวเองควรออกไปหรือควรอยู่ต่อดี

“ท่านหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสไท่ซั่ง ข้า……”

“ให้โอกาสท่านชดเชยต่อความล้มเหลวและจัดการกับผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้าสามคน เพื่อให้ท่านชดเชยกับสิ่งที่ผิดพลาดไป” กู้ชูหน่วนกล่าว

ผู้อาวุโสสองรู้สึกดีใจ “จริงหรือ?”

“อืม”

“ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะจัดการผู้อาวุโสทั้งสามคนของเผ่าเพลิงฟ้านั่นเสียให้ได้”

ผู้อาวุโสสองกัดฟัน กำหมัดและจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขาจากไปแล้ว ผู้อาวุโสไท่ซั่งก็ถอนหายใจ “ท่านรู้ว่าเขาถูกหลอกใช้ เหตุใดถึงยังปล่อยเขาไป”

“ไม่วางแผนระยะยาว เช่นนั้นจะได้ปลาตัวใหญ่ได้อย่างไรล่ะ”

ผู้อาวุโสไท่ซั่งยิ้มออกมาทันที เจ้าวายร้ายตัวน้อยคนนี้

“ผู้อาวุโสไท่ซั่ง ข้าต้องการทำลายผนึกและฟื้นฟูพละกำลังความสามารถ ท่านช่วยข้าได้หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท