“เช่นนั้นเจ้าอยู่ยับยั้งพวกเขาที่นี่ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?เรื่องนี้ไม่ต้องต่อรอง ให้ข้าไป มิเช่นนั้นข้าจะไปบอกไป๋เฉ่าและพวกเขาเดี๋ยวนี้”
“เอาเถอะ เหวินเส่าอี๋อยู่ที่ห้องลับในห้องนอนของข้า กลไกของห้องลับอยู่ในแผนที่แผ่นนี้ ท่านรีบไปรีบกลับ หากเจออันตราย ท่านต้องป้องกันตัวเองก่อน”
“เข้าใจแล้ว รอข่าวดีจากข้า ข้าต้องพาไอ้เจ้านั่นออกมาให้ได้”
ผู้อาวุโสหกบ่นพึมพำและจากไป เขาบ่นพึมพำว่าต่อให้เหวินเส่าอี๋ตายไปก็ไม่สาสมกับความผิดที่กระทำ
กู้ชูหน่วนเข้าใจดี
ผู้อาวุโสหกเป็นคนหนึ่งที่รู้จักบุญคุณคน เขารู้ว่าเหวินเส่าอี๋เคยช่วยชีวิตนางไว้ มิเช่นนั้น เขาคงไม่บอกนางว่าเหวินเส่าอี๋อยู่ที่เหวไร้ที่สิ้นสุด
กู้ชูหน่วนรอแล้วรอเล่าอยู่ในห้องลับ และหลังจากรอมาทั้งวัน ผู้อาวุโสหกก็ยังไม่พาเหวินเส่าอี๋กลับมา
ความวิตกกังวลในใจของนางเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จากที่นี่ไปยังห้องนอนของนาง ระยะทางไม่ไกลมากนัก ต่อให้วิ่งไปกลับยี่สิบรอบก็เหลือเฟือ แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวของผู้อาวุโสหก
กู้ชูหน่วนทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว นางรู้สึกไม่สบายใจ จึงเดินกะเผลกออกไปจากห้องลับ และต้องการจะไปดูด้วยตัวเอง
นางพักฟื้นมาทั้งวันและกินยาแก้ปวด อาการบาดเจ็บของกู้ชูหน่วนก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
หลังจากออกมาจากเส้นทางลับ กู้ชูหน่วนก็พบว่านางมาโผล่อยู่กลางหุบเขารกร้างแห่งหนึ่ง
ทางเข้าเส้นทางลับมีเขตอาคม และไม่สามารถมองเห็นได้จากด้านนอก
เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน และเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง กู้ชูหน่วนเพิ่งจะออกมา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น
ไกลออกไปมีไฟลุกโชนขึ้นไปบนท้องฟ้า และมีเมฆดำลอยไปมา กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
นั่นเป็นทิศทางของห้องปรึกษากิจ รวมทั้งบ้านเรือนของผู้คนในเผ่า
เปลวไฟในตอนกลางคืนสว่างไสวราวกับกลางวัน ภายใต้ไฟที่โหมกระหน่ำ กู้ชูหน่วนกำลังสงสัยว่าเผ่าหยกถูกไฟไหม้หรือไม่
ระหว่างที่นางเดินไป นางก็ขมวดคิ้วและกำหมัดแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
บนพื้นมีซากศพของผู้คนในเผ่าจำนวนมาก และเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น แต่ละคนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
สิ่งที่ทำให้นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คือข้างหน้าไม่ไกลออกไป มีคนในเผ่าหยกหลายคนถูกมัดไว้กับเสา และมีกองฟืนแห้งวางอยู่ใต้เสา กองฟืนถูกจุด และไฟก็กำลังจะเผาไหม้
ผู้คนเหล่านั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจ
แต่คนของเผ่าเพลิงฟ้าที่รายล้อมอยู่ไม่แยแส และกลับจุดไฟเผาพวกเขาให้ตายทั้งเป็นทีละคน
“บอกมา ทางเข้าเส้นทางลับอยู่ที่ไหน?ตาเฒ่าทั้งหลายของเผ่าหยกอยู่ที่ไหน?”
ท่ามกลางเผ่าเพลิงฟ้า มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด
หญิงผู้นั้นสวมหน้ากาก และมองไม่เห็นใบหน้าของนาง ผมของนางสีดำสนิทและเสียงแหบ
แม้ว่าจะอยู่ไกลออกไป แต่ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกจากร่างของนาง
กลิ่นอายนั้น ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีนัก
กู้ชูหน่วนหมอบอยู่บนเนินเขาและมองไปที่นาง
พร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ
นาง…..หรือว่านางจะเป็นเงา?
ดูจากนัยน์ตาที่เยือกเย็นและไร้ความรู้สึกของนางแล้ว กู้ชูหน่วนก็แน่ใจว่านางเป็นเงา ยอดฝีมือขั้นสูงระดับที่หก
มีเพียงยอดฝีมือขั้นสูงระดับหกขึ้นไปเท่านั้น ที่สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ
กู้ชูหน่วนไม่กลัวนาง แต่ก็ต้องยอมรับว่านางน่าเกรงขามมาก
กู้ชูหน่วนยากที่จะจินตนาการจริง ๆ ว่าผู้ชายที่ดีอย่างเยี่ยจิ่งหาน ทำไมถึงมีแม่ที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้
“ถุย อย่าว่าแต่ข้าไม่รู้เลย ต่อให้ข้ารู้ ข้าก็ไม่มีทางบอกเจ้า เจ้าล้มเลิกความตั้งใจเสียเถอะ จะเผาก็เผาอ้า……”
ทันทีที่คำพูดของคนผู้นั้นจบลง นางก็ซัดฝ่ามือใส่เขาจนขาทั้งสองข้างขาด และเลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ทางเข้าเส้นทางลับอยู่ที่ไหน แล้วตาเฒ่าทั้งหลายของเผ่าหยกอยู่ที่ไหน?”
“ไม่ว่าเจ้าจะบีบบังคับอย่างไร ข้าก็ไม่มีทางบอกเจ้า”
ไอสังหารของหญิงวัยกลางคนปรากฏแวบขึ้นมาในทันที นางควักหัวใจของคนผู้นั้นออกมา
หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ถูกควักออกมา และมีเลือดสีแดงสดหยดติ๋ง ๆ
ภายใต้ไฟที่ลุกโชน หญิงวัยกลางคนยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและชั่วร้าย
“เจ้าสุนัข……”
คนอื่น ๆ ในเผ่าหยกจ้องมองด้วยความโกรธแค้น
“เจ้ามันเป็นหญิงชั่วช้า ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งเจ้าจะต้องไม่ตายดี”
“ข้าจะถามพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ทางเข้าเส้นทางลับอยู่ที่ไหน แล้วตาเฒ่าทั้งหลายของเผ่าหยกอยู่ที่ไหน?”
“ถุย นางปีศาจ ต่อให้ต้องตายพวกเราก็ไม่มีทางบอกเจ้า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
เงาซัดฝ่ามือออกไป และทำให้ฟืนแห้งลุกเป็นไฟ เปลวไฟแผดเผาชาวบ้านเหล่านั้นของเผ่าหยก
เสียงคร่ำครวญ เสียงด่าทอ และเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้น ทำให้ค่ำคืนที่มืดมิดเต็มไปด้วยสีเลือด
กู้ชูหน่วนอยากจะไปช่วยพวกเขา
แต่นางก็รู้ว่ามันสายเกินไปแล้ว
เปลวไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง และไม่ต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น นางได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
คนเหล่านั้นถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าต่อตาของนาง และล้วนเป็นคนที่นางรู้จัก หากกู้ชูหน่วนบอกว่านางไม่รู้สึกเจ็บปวดใจ นางก็คงจะโกหก
แต่นางไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องอดทนอดกลั้น
“เผา เผาเผ่าหยกให้หมด อย่าให้มีอะไรหลงเหลือ ข้าต้องการให้เผ่าหยกหายวับไปกับตา ฮ่า ๆ ๆ ……”
เงาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ผู้คนเหล่านั้นถูกเผาไหม้จนตาย แต่ความโกรธของนางก็ยังไม่ทุเลาลง นางหยิบแส้มาฟาดซากกระดูกของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับต้องการจะระบายความโกรธทั้งหมดของนาง
คนตายก็คือตายไปแล้ว
แม้แต่ซากกระดูกก็ยังไม่ละเว้น
กู้ชูหน่วนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
นางรู้สึกอึดอัดใจ และต้องการจะเข้าไปอย่างหุนหันพลันแล่น
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น และฝีเท้าของกู้ชูหน่วนก็หยุดชะงัก
“ฮวาอิ่ง หากเจ้าเผาเผ่าหยกทั้งหมด แล้วนายน้อยจะทำอย่างไร?พวกเรายังไม่พบนายน้อย”
“ตาเฒ่าของเผ่าหยกเหล่านั้นล้วนแต่โหดเหี้ยมอำมหิต หากนายน้อยตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา แล้วจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร สู้สังหารผู้คนทั้งหมดของเผ่าหยกเสียจะดีกว่า ถือว่าเป็นการล้างแค้นให้กับนายน้อย”
“เลวทราม นายน้อยมีสถานะสูงส่ง ตราบใดที่ยังไม่เห็นศพของเขา ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาตายแล้ว ต่อให้ต้องพลิกหาทั้งเผ่าหยก ก็ต้องหานายน้อยให้พบ พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ดับไฟ แล้วอย่าเผาอีก หากเผาไปถูกนายน้อยเข้าจะทำอย่างไร?”
กู้ชูหน่วนนึกออกแล้ว ชายชราที่พูดอยู่ข้างหลังคือผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ เขาเป็นผู้ที่ชำนาญในการควบคุมเถาวัลย์
เมื่อเทียบกับเงาแล้ว นับว่าผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ยังมีคุณธรรมอยู่บ้าง และรู้ว่าจะต้องหาเหวินเส่าอี่ให้พบเสียก่อน
จากที่ได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน เหวินเส่าอี๋และผู้อาวุโสหกยังไม่ถูกพวกเขาหาเจอ
ในเมื่อพวกเขายังไม่พบเหวินเส่าอี๋ ก็แสดงว่ายังไม่พบผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสหกไปอยู่ที่ไหน?นานขนาดนี้แล้ว ทำไมเขายังไม่พาเหวินเส่าอี๋กลับมาอีก?
ฮวาอิ่งกล่าวว่า “เผ่าหยกมากกลอุบาย พวกเขายังจะเหลือซากศพของนายน้อยไว้หรือ?เกรงว่าเขาจะถูกบดขยี้เป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ขมวดคิ้วแน่น
การที่เขาให้นางมาที่เผ่าหยกด้วย สิ่งสำคัญคือเพื่อที่จะตามหาไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดและเส่าอี๋
แต่หลังจากที่นางเข้ามา นางก็เข่นฆ่าผู้คนของเผ่าหยกไปทุกหนทุกแห่ง ไม่เพียงแต่นางจะไม่ตามหาไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ด แต่นางยังไม่สนใจความเป็นความตายของเหวินเส่าอี๋อีกด้วย
ไม่ง่ายเลยที่จะจับตัวคนของเผ่าหยกได้ เพียงแค่ไถ่ถามดี ๆ เขาไม่เชื่อว่าจะถามอะไรไม่ได้เลย
แต่นางโหดเหี้ยมอำมหิต และเผาผู้คนอย่างไร้ความปรานี
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ไม่พอใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เธอกระทำ