ไอสังหารของเซี่ยวอวี่เซวียนรุนแรง
เพียงแค่กู้ชูหน่วนหลีกทาง ทวนของเขาก็จะแทงลั่วอิ่งตายอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกันกับเยี่ยเฟิง ฝ่าเท้าของกู้ชูหน่วนก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยตะกั่ว และไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถขยับได้
“เขากับเยี่ยเฟิงเป็นพี่น้องกัน ข้าเป็นหนี้ชีวิตเยี่ยเฟิง เขาเป็นเพียงมือสังหารคนหนึ่ง มือสังหารที่ถูกผู้อื่นบงการ และผู้บงการในการสังหารหมู่ของจวนแม่ทัพก็ไม่ใช่เขา…..”
“เจ้าต้องการจะพูดอะไร?”
“ไว้ชีวิตเขา แล้วตามหาตัวผู้บงการ”
ทันใดนั้นเซี่ยวอวี่เซวียนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง รู้จักกู้ชูหน่วนมาตั้งนาน เขาคิดว่าเขารู้จักกู้ชูหน่วนเป็นอย่างดี
เขาคิดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา กู้ชูหน่วนจะยืนเคียงข้างเขาและปกป้องเขา
เขาคิดว่าครอบครัวของเขาก็เหมือนครอบครัวของกู้ชูหน่วน
การตายของท่านพ่อเขา หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่นาง แต่เขาเชื่อในตัวนางอย่างไม่มีข้อสงสัย
เขาเชื่อว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางฆ่าท่านพ่อของเขา และเขาเชื่อว่าขอเพียงเป็นคนที่เขาใส่ใจ กู้ชูหน่วนก็จะใส่ใจเช่นกัน
แท้จริงแล้ว……
เขาคิดผิดทุกอย่าง……
ทั้งหมดเป็นเขาที่คิดไปเอง
ในหัวใจของกู้ชูหน่วน เขาไม่มีความสำคัญเลย
หากเขาสำคัญ หลังจากที่กู้ชูหน่วนเห็นครอบครัวของเขาถูกเข่นฆ่า นางก็คงจะไม่ยืนอยู่ข้างมือสังหารที่เลือดเย็นและโหดเหี้ยมผู้นั้น
เขาหัวเราะ แต่หัวเราะทั้งน้ำตา
รอยยิ้มนี้เยาะเย้ย เจ็บปวดใจ และโศกเศร้ามากเกินไป
หัวใจของกู้ชูหน่วนไม่สามารถหยุดตื่นตระหนกได้
“เสี่ยวเซวียนเซวียน……”
“ข้าจะไว้ชีวิตเขา แล้วใครจะไว้ชีวิตสามร้อยยี่สิบสี่ชีวิตในจวนแม่ทัพของข้า ไม่สิ สามร้อยยี่สิบห้าชีวิต ในท้องพี่สาวของข้ายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดมา กู้ชูหน่วน เจ้าไม่เจ็บปวดใจบ้างหรือ?”
“ติ๋ง……”
น้ำตาของกู้ชูหน่วนไหลรินลงมาตามสายฝน
นางจะไม่เจ็บปวดใจได้อย่างไร
ทุกคนในจวนแม่ทัพล้วนแต่เป็นคนดี โดยเฉพาะเซี่ยวอวี่โหลวและเซี่ยวหว่านเอ๋อร์……
“เจ้าเป็นหนี้ชีวิตเขา แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ข้ารู้เพียงว่าเขาพาคนมาฆ่าล้างตระกูลเซี่ยวของของข้า เขาสมควรตาย ส่วนผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเขา ข้าจะไปสืบด้วยตนเอง หากวันนี้เจ้ายืนยันที่จะช่วยเขา เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบสิ้น”
เขาพูดคำว่าจบสิ้นอย่างไม่แยแส
ดูเหมือนกู้ชูหน่วนจะได้ยินความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแตกหัก
ในใจของนางมิตรภาพที่มีต่อกัน ลั่วอิ่งและเซี่ยวอวี่เซวียนไม่อาจเทียบกันได้
ตั้งแต่ข้ามกาลเวลามาในโลกนี้ เซี่ยวอวี่เซวียน อี้เฉินเฟย เยี่ยจิ่งหาน รวมทั้งซือม่อเฟย ล้วนแต่เป็นคนที่นางใส่ใจมากที่สุด
นางจะไม่ยืนอยู่เคียงข้างเซี่ยวอวี่เซวียนได้อย่างไร
เพียงแต่……
เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ และเป็นพี่น้องแท้ ๆ ของ เยี่ยเฟิง
เยี่ยเฟิงตายอย่างน่าเศร้าที่หุบเขาโลหิตหูหลู
จักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่เหลือบุตรชายผู้นี้เพียงคนเดียว
พวกเขารอคอยมานานหลายปี จนในที่สุดก็พบบุตรชายแท้ ๆ ของตัวเอง
หาก……
หากเกิดอะไรขึ้นกับลั่วอิ่ง
เกรงว่าจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
นางเคยรับปากกับเยี่ยเฟิงว่านางจะดูแลพ่อแม่ของเขาเป็นอย่างดี……
ลั่วอิ่งฆ่าผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน เขาสมควรตายจริง ๆ
อย่างไรก็ตามหากมองจากมุมอื่น เขาถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นมือสังหารมาตั้งแต่เด็ก และไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
ผู้ที่วางแผนสังหารหมู่จวนแม่ทัพต่างหากที่สมควรตายจริง ๆ
“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน ลั่วอิ่งบาดเจ็บสาหัส เขาหนีไม่พ้นหรอก พวกเราไปหาตัวผู้บงการกันก่อนดีหรือไม่?”
“ใจเย็น ๆ ? ฮ่า ๆ ๆ …… หากทั้งครอบครัวของเจ้า พี่น้องของเจ้าถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม เจ้าสามารถใจเย็น ๆ ได้หรือ?ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หลีกทางเดี๋ยวนี้”
“ลั่วอิ่งจะตายไม่ได้”
“ดังนั้นเพื่อเขาแล้ว เจ้ายอมที่จะแตกหักกับข้างั้นหรือ?” เสียงของเซี่ยวอวี่เซวียนสะอื้นไห้ แต่ใบหน้าของเขายังคงแน่วแน่ และไอสังหารพวกนั้นก็ไม่ได้ลดลง
ลั่วอิ่งที่สะลึมสะลืออยู่บนพื้นเหลือบมองกู้ชูหน่วน
ในเวลานี้แววตาที่เยือกเย็นคู่นั้นดูสับสน
ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูด
และไม่เข้าใจว่าทำไมกู้ชูหน่วนถึงต้องแตกหักกับพี่น้องที่ดีที่สุด เพื่อเขาที่เป็นเพียงมือสังหารที่เลือดเย็นและโหดเหี้ยมคนหนึ่ง
เซี่ยวอวี่เซวียนหมุนทวน และหันปลายแหลมไปที่ลั่วอิ่งอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
มือสังหารที่ต้องเผชิญชีวิตอย่างโชกโชนมากว่าสิบปี ทำให้ลั่วอิ่งเคยชินกับความทุกข์ทรมาน และพยายามที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในเวลานี้เขาถึงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ร่างกายที่ตึงเครียดของลั่วอิ่งคลายลงในทันที เขาหลับตาลงเพื่อรอความตายที่จะมาถึง
“ปัง……”
เสียงดาบกระแทกดังขึ้น
ทวนยาวไม่ได้แทงทะลุร่างของเขา
ลั่วอิ่งลืมตาขึ้น แต่ก็เห็นกู้ชูหน่วนขวางอยู่ตรงหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่ปล่อยให้เซี่ยวอวี่เซวียนทำร้ายเขา
เซี่ยวอวี่เซวียนโกรธมาก และลงมือกับกู้ชูหน่วน
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างน่าหวาดเสียว
แต่ทั้งคู่ก็ยั้งมือไว้ไมตรี ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงดูน่าตื่นกลัวมาก แต่ความจริงก็ไม่อันตราย
“ปัง……”
เซี่ยวอวี่เซวียนมุ่งเป้าไปที่ลั่วอิ่งไม่ใช่กู้ชูหน่วน แต่กู้ชูหน่วนขวางไว้ และไม่ยอมให้เขาฆ่าลั่วอิ่ง
เขาเพียงแค่เหวี้ยงอาวุธของกู้ชูหน่วนขึ้นไปในอากาศ
“อย่าบีบบังคับข้า”
“เขาเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับเยี่ยเฟิง เจ้าลืมไปแล้วหรือ เจ้ากับเยี่ยเฟิงก็เป็นดั่งพี่น้อง เป็นพี่น้องที่จริงใจต่อกัน”
ฉ่า……
นัยน์ตาที่มืดมนของลั่วอิ่งสว่างขึ้นในทันที และจ้องไปที่กู้ชูหน่วนอย่างงุนงง
ประโยคนั้นดังก้องอยู่ในหูของเซี่ยวอวี่เซวียน เขาเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับเยี่ยเฟิง
เขา……กับเยี่ยเฟิงเป็นพี่น้องกันจริง ๆ หรือ?
เช่นนั้นทำไมเขาถึงถูกทอดทิ้งตั้งแต่ยังเด็ก และถูกเอาไปฝึกให้เป็นมือสังหาร?
พ่อแม่ของเขาเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่งั้นหรือ?
เมื่อนึกถึงความเมตตากรุณาของจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งรัฐที่มีต่อเขา หัวใจที่เยือกเย็นของลั่วอิ่วก็รู้สึกอบอุ่น
เซี่ยวอวี่เซวียนตะโกนอย่างโกรธเคือง “เขาไม่ใช่เยี่ยเฟิง เยี่ยเฟิงเป็นคนจิตใจดี ไม่ว่าเขาจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอย่างไร เขาก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายผู้อื่น เขาจะยอมรับความเจ็บปวดและความทุกข์ยากนั้นไว้เพียงลำพัง แล้วเขาล่ะ เขาเป็นเพียงมือสังหารที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่ง เขาฆ่าทั้งคนชรา ผู้หญิง เด็ก หรือแม้แต่สตรีมีครรภ์ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือน เขาก็ลงมือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันเลย ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วอย่างไร?”
กู้ชูหน่วนหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด และลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาของนางเปล่งประกายอย่างแน่วแน่
“เสี่ยวเซวียนเซวียน ข้ารู้ว่าเขาทำเรื่องที่ไม่อาจยกโทษให้ได้ แต่ข้าขอโทษ ข้าไม่สามารถทนดูเจ้าฆ่าเขาได้”
“เสี่ยวเซวียนเซวียน……เหอะ……ช่างน่าขัน เจ้าไม่คู่ควรที่จะเรียกข้าเช่นนี้ หญิงอัปลักษณ์ของข้าหายไปนานแล้ว หากนางยังอยู่ นางคงไม่ปล่อยให้ผู้อื่นรังแกข่าเช่นนี้”
“เสี่ยวเซวียนเซวียน”
“หลีกไป…”
“หากอยากฆ่าเขา ก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
คำพูดของกู้ชูหน่วนทำร้ายเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างสิ้นเชิง
เขาถอยหลังไปสองสามก้าว และมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาที่ไม่คุ้นเคย
เขาคร่าชีวิตผู้คนไปกว่าสามร้อยชีวิต รวมถึงตำแหน่งของเขาในใจของนางด้วย แต่ก็ไม่คุ้มกับผู้ที่บ้าคลั่งเพียงคนเดียว……
อ้า……
เซี่ยวอวี่เซวียนพยายามฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เขาจ้องมองกู้ชูหน่วน
ดูเหมือนเขากำลังดูว่ากู้ชูหน่วนกำลังล้อเล่นกับเขาหรือไม่
แต่กู้ชูหน่วนยังคงยืนขวางอยู่ข้างหน้าลั่วอิ่ง และแววตาของนางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะปกป้องลั่วอิ่ง
เขาเคยเห็นความแน่วแน่เช่นนี้มาก่อน และนั่นเป็นตอนที่กู้ชูหน่วนทำทุกอย่างเพื่อที่จะปกป้องเขา
น่าเสียดาย……
ในตอนนี้คนที่นางต้องการปกป้องไม่ใช่เขาอีกแล้ว
เซี่ยวอวี่เซวียนส่งเสียงร้องตะโกน เขาฉีกชายเสื้อออกแล้วโยนขึ้นไปบนฟ้า ทวนในมือของเขาขยับ
เขาส่งเสียงร้องตะโกนอีกครั้ง ฉีกผ้าออกเป็นสองส่วน แล้วปล่อยให้ปลิวไปตามลม
“นับจากนี้ไป ข้าเซี่ยวอวี่เซวียนกับเจ้ากู้ชูหน่วนขาดกัน ไม่ขอเกี่ยวข้องกันอีก วันหน้าหากเจอกัน เจ้ากับข้าคือศัตรูกัน ไม่ใช่เพื่อนกันอีก”