ทุกคนทยอยเงยหน้าขึ้นมองไป
แต่ทว่าเห็นคนที่มาคือผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน
ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนมีสีหน้าเกรี้ยวโกรธ ท่าทางการมามีความเดือดดาล ราวกับบรรยากาศอึมครึมอย่าได้มีผู้ใดมาใกล้เชียว
ด้านหลังของเขา มีผู้อาวุโสเฉิน และเหล่าซ่งอวี้มาด้วย
พอเห็นผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนมา ทุกคนต่างทยอยคอหด และถอยหลังไปไม่กี่ก้าว
ทุกคนรู้ ลักษณะนิสัยและอารมณ์ของผู้อาวุโสซ่งหยวนนั้นร้อนดั่งไฟ เวลาเขาทำสิ่งใดล้วนอิงอารมณ์ ไม่ได้สนใจหรอกว่าถูกหรือผิด
แต่เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ตำแหน่งสูงศักดิ์ วรยุทธ์ความสามารถอยู่ที่ชั้นสูงสุดระดับหก คนในเผ่ามีไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ ศัตรูและคนอื่นเวลาเห็นเขาต่างหลบหลีก
“ไร้สาระ เมื่อครู่ผู้ใดเป็นคนที่กล่าวว่านายน้อยไม่ใช่ลูกแท้ๆของหัวหน้าเผ่า รีบโผล่หัวออกมา”
เงียบอึมครึม
ทั้งหมดเงียบจนผิดปกติ
เมื่อครู่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของคนในเผ่าอย่างคึกคัก ตอนนี้ชะงักงันคนเดียวก็ไม่กล้าที่จะกล่าวพูดอะไรออกมา
เหวินเส่าอี๋เห็นผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน ดวงตาอดไม่ได้เลยที่จะแดงก่ำขึ้นมา
ตั้งแต่เล็กเขาเป็นคนที่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งห้าประคบประหงมเลี้ยงจนโต
วันนี้สูญเสียผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ไปแล้ว เหลือเพียงเขาผู้เดียว
เมื่อตอนที่เขาท้อแท้และหมดหนทางที่สุด จะเป็นพวกเขาที่ยืนเคียงข้างเขาเสมอ
พอเห็นดวงตาแดงก่ำของเหวินเส่าอี๋
ความโกรธของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนเหมือนจะหายไปทันที มันมีความอบอุ่นทะนุถนอมแทนที่เข้ามา
“ไอ๋หยา เสี่ยวเส่าอี๋ของข้า อย่าร้องๆ วันนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด หากกล้าทำให้เจ้าลำบากใจ ท่านปู่ซ่งจะสู้กับพวกเขา”
“ขอบคุณท่านปู่”
เหวินเส่าอี๋ยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มมีความเจ็บปวดกลัดกลุ้มใจแฝงอยู่เล็กน้อย
ซ่งอวี้กับผู้อาวุโสเฉินก็ยิ้มแย้ม แสดงให้รู้ว่าวางใจเถิด ทุกอย่างมีพวกเขาอยู่
“เสี่ยวเส่าอี๋ที่น่าสงสารของข้า พวกเผ่าหยกที่ควรจะได้รับคมกริชเป็นพันเล่มเหล่านั้น แม้แต่คนเดียวข้าก็จะไม่ปล่อยมันไป พวกมันทำลายกระดูกสะบักของเจ้า ปู่ซ่งเห็นเผ่าหยกนะ เห็นคนหนึ่งก็จะจัดการกับกระดูกสะบักคนหนึ่งเลย เจอสองคนก็จะจัดการ ข้าจะจัดการกระดูกสะบักของพวกมันทั้งเผ่า”
“แคกๆ…..”
ซ่งอวี้แบกดาบเคลือบไว้ เม้มปากกระแอมไอเบาๆ เพื่อให้ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนรู้ว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องกระดูกสะบักแล้ว
เพราะเกรงว่านี่จะเป็นบาดแผลของเหวินเส่าอี๋ไปชั่วชีวิต
แต่ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนไม่เข้าใจที่เขาจะสื่อ แถมย้อนถามว่า“เหตุใดเจ้าถึงได้กระแอมไออยู่ตลอด โตขนาดนี้แล้วยังโดนสัมผัสความเย็น เจ้าไม่อายคนหรือ”
ซ่งอวี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ส่วนเหวินเส่าอี๋ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
กู้ชูหน่วนมีความรู้สึกที่อิจฉาเหวินเส่าอี๋
ไม่ว่าเขาจะเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าหรือไม่ อย่างน้อยผู้อาวุโสเหล่านี้ก็ปฏิบัติกับเขาอย่างใจจริง
ผู้อาวุโสเฉินพยายามทำให้เรื่องจบลงด้วยดี จึงกล่าวขึ้นว่า“นายน้อยได้รับบาดเจ็บ ต้องการพักผ่อน พวกเราออกไปกันก่อนให้นายน้อยได้พักผ่อนเถิด มีเรื่องมีราวอันใด พวกเราค่อยคุยทีหลังก็ได้ไหม?”
ผู้อาวุโสหยูลูกน้องคนสนิทของรองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวค้านขึ้นว่า”เขาเป็นนายน้อยจริงหรือไม่นั้นยังไม่รู้แน่ชัดเลย พักผ่อนอะไรกัน บางทีบาดแผลของเขาอาจเป็นของปลอมก็เป็นได้”
คำพูดนี้ อย่าพูดว่าผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนจะโมโหเลย
แม้แต่ผู้อาวุโสเฉินยังโมโมเดือดดาลจนแทบจะไม่ไหว
เหวินเส่าอี๋บาดเจ็บมากแค่ไหน เขาไม่มีตาหรือ?
หากไม่ใช่ความพยายามทั้งหมดของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน ใช้กำลังภายในมากมายเพื่อช่วยเขา เกรงว่าเขาต้องตายไปนานแล้ว
ถึงกระนั้น อาการบาดเจ็บของนายน้อยยังคงรุนแรงอยู่ อีกทั้งกระดูกสะบักยังสูญสิ้น
ไม่รอให้ผู้อาวุโสเฉินกล่าว ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนปล่อยพลังฝ่ามือไป ตบจนผู้อาวุโสหยูลอยเคว้ง หากออกไปราวสิบเมตรได้
พลังนั้นหนักหน่วง จนทำให้สิงโตหินในตำหนักเฉินหยูสะเทือนเลื่อนลั่นถล่มลงมา
ผู้อาวุโสหยูกะอักเลือดออกมา คนสลบอยู่กับที่ แบบตายไปเลยเสียจะดีกว่า
พลังภายในที่แกร่งกล้า
ฝ่ามือที่เหี้ยมโหด
ระดับที่ว่องไว
ผู้อาวุโสสูงสุดที่ถือหาง…..
“ผู้ใดกล้าพูดว่าเส่าอี๋ไม่ใช่นายน้อย ข้าไม่กล้ารับรองหรอกนะว่าฝ่ามือถัดไป เขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่”
ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น โดยเฉพาะรองหัวหน้าเผ่าซือคง
คนอื่นเกรงกลัวรองหัวหน้าเผ่าซือคง แต่เขาไม่กลัว
ผู้ใดก็ต่างรู้กันดีว่าผู้อาวุโสหยูเป็นลูกน้องคนสนิทของรองหัวหน้าเผ่าซือคง เมื่อตีทำร้ายเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันคือการหักหน้ารองหัวหน้าเผ่าซือคง
ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน ไม่ไว้หน้าเลยสักนิดหนึ่ง แถมยังกล่าวเตือนรองหัวหน้าเผ่าต่อหน้าทุกคนที่อยู่ตรงสถานที่เกิดเหตุ
บางคนที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้วุ่นวาย ก็พากันก้มหน้าลง ทั้งไม่กล้ามองซ่งหยวนกับซือคง
มีผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างกายรองหัวหน้าเผ่าซือคงอยากจะเอ่ยปากกล่าวพูดออกไป ไม่รู้ว่าเกรงฝีมือของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนหรือไม่ เลยกล้ำกลืนไม่พูดออกมา
แต่ได้มีผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงกล่าวขึ้นว่า“ท่านซ่ง ทำไมต้องอารมณ์รุนแรงเช่นนี้ ชีวิตของนายน้อยเป็นสิ่งที่สำคัญ ทุกคนเพียงอยากจะทำให้มันชัดเจนเท่านั้นเอง”
“เขาเป็นบุตรชายแท้ๆของหัวหน้าเผ่าอยู่แล้ว ต้องมีอะไรที่ทำให้ชัดเจน?”
“เช่นนั้นท่านบอกข้าที เหตุใดก่อนที่หัวหน้าเผ่าจะเข้าฌานได้บอกพวกเราไม่กี่คนว่า หากนายน้อยมีใจออกห่างไม่จงรักภักดี สามารถกำจัดเขาได้เลย”
ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะ แต่ก็ถูกเหวินเส่าอี๋ที่ไวต่อความรู้สึกจับสัมผัสได้
สมองของเขาวิ้งอื้ออึงชั่วขณะ
เหมือนไม่กล้าเชื่อคำพูดนั้นที่ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงกล่าว ว่าออกมาจากปากของท่านพ่อเขาจริงๆ
“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร”ผู้อาวุโสกล่าวตอบกลับปฏิเสธ
“ท่านรู้ นอกจากท่าน แล้วยังมีอั้นเฮย เสวี่ยเย่และผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งอยู่ตรงนั้น แม้ว่าพวกเขาตายแล้ว แต่ข้าจำได้ว่าตอนนั้นอวิ๋นเฟิงกับอวิ๋นเย่วและรองหัวหน้าเผ่าก็อยู่”
ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงกล่าวจล จึงได้หันไปมองผู้อาวุโสอวิ๋นเฟิงกับผู้อาวุโสอวิ๋นเย่วทั้งสองท่าน
พวกเขาสายตาคลุมเครือ เหมือนไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงกดดันเป็นอย่างมาก พวกเขาเลยจำใจต้องยอมรับ
“หัวหน้าเผ่าเคยกล่าวพูดเรื่องนี้จริงๆ แต่นี้ไม่ได้หมายความว่านายน้อยไม่ใช่ลูกชายของท่านหัวหน้าเผ่านะ”
“ใช่ เพียงแค่นายน้อยเหมือนท่านแม่ของเขา ไม่เหมือนหัวหน้าเผ่าเลยสักนิดหนึ่ง”
“ถุย ท่านก็ไม่ได้เหมือนท่านพ่อของท่าน หรือว่าท่านไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ?”ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนกล่าวตอบกลับด้วยความเดือดดาล
ผู้อาวุโสตงหลิงเดือดดาล กล่าวอย่างต่อเนื่องว่า“วันที่ฮูหยินชิวตาย หัวหน้าเผ่าพูดคุยกับเถ้ากระดูกของฮูหยินชิวอย่างบ้าคลั่ง บอกว่า เขาไม่ใช่พ่อแท้ๆของเขา เขาไม่มีทางยอมรับ ชาตินี้ทั้งชาติล้วนไม่สามารถยอมรับเขาได้ เผ่าเพลิงฟ้ายิ่งไม่มีทางส่งมอบแก่มือของเขา เรื่องนี้ พวกท่านล้วนจำได้ใช่หรือไม่?”
เหล่าคนในเผ่าต่างทยอยตกตะลึง
ที่พวกเขาตกตะลึงไม่เพียงแค่คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิง
มันยังมีการหลบเลี่ยงของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนที่ไม่เป็นธรรมชาติ
เหวินเส่าอี๋ชะงักงันเล็กน้อย กล่าวถามไปทางผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนว่า“เป็นอย่างนี้หรือ?”
“เส่าอี๋ การตายของฮูหยินชิวกระทบกระเทือนต่อหัวหน้าเผ่าอย่างรุนแรง ตอนนั้นสติสัมปชัญญะของหัวหน้าเผ่าไม่ชัดเจน เขาพูดเพียงคำว่าเขา ไม่ได้กล่าวชื่อของเจ้า การกล่าวคำว่าเขาของหัวหน้าเผ่าไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเจ้าเลย”
คำพูดนี้ฝืนใจอย่างมาก
อย่าพูดถึงเรื่องเหวินเส่าอี๋ไม่เชื่อ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนไม่เชื่อ
นอกเหนือจากนายน้อยเผ่าบุตรชายของหัวหน้าเผ่าแล้ว หัวหน้าเผ่าก็ไม่ได้มีลูกชายคนที่สอง อีกทั้งไม่ได้มีลูกนอกสมรสอะไร
นอกจากกล่าวพูดถึงนายน้อยแล้ว ยังจะสามารถพูดถึงใครได้เล่า
มิน่าเล่าหัวหน้าเผ่าไม่ชอบนายน้อยขนาดนั้น มันจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน
เหวินเส่าอี๋ยิ้มเจื่อน
เมื่อก่อนเขาไม่คาดหวังว่าตนเองต้องเป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า
หากไม่ใช่คนของเผ่าเพลิงฟ้า บางทีอาจจะไม่ได้มีบุญคุณความแค้นชิงชังอะไรกับกู้ชูหน่วนขนาดนั้น
แต่วันนี้เมื่อเขาอาจจะไม่ใช่คนของเผ่าเพลิงฟ้า เหตุใดถึงได้เจ็บปวดใจขนาดนี้ล่ะ