กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 707
เมื่อคิดถึงเด็กหญิงที่ใสซื่อบริสุทธิ์และยังอ่อนเยาว์คนนั้นแล้ว หัวใจของเหวินเส่าอี้ก็เจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมาทันที
“มัวมองอะไรอยู่ ยังไม่รีบไปอีก หากมิใช่เพราะเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเจ้า เผ่าหยกของเราคงไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเพียงนี้หรอก ข้าอยากจะแทงเจ้าให้ตายด้วยดาบจริงๆ”
เหวินเส่าอี้ถูกผลักออกไปอย่างเหี้ยมโหด เกือบจะล้มลงไปกับพื้น
กู้ชูหน่วนที่อยู่ตรงหน้าไร้ความรู้สึกราวกับซากศพเดินได้ นางไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขาเลย
จอมมารกวาดมองไปยังเหวินเส่าอี้ที่บาดเจ็บและตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและกระอักกระอ่วนใจ จึงทอดถอนใจออกมา
“จะโทษก็โทษที่เจ้าเกิดผิดที่เอง หากเจ้าเกิดเป็นคนของเผ่าอสูร เจ้าจะถูกปฏิบัติตนเช่นนี้หรือ?”
เหวินเส่าอี้ยิ้มอย่างขมขื่น
จะเกิดที่ไหน เขามีสิทธิ์เลือกด้วยอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเดินห่างออกไปข้างหน้าได้พักหนึ่ง ก็มีเสียงสบถอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านหน้า เมื่อเงยหน้ามองไปก็พบว่ามีผู้คนจำนวนมากรายล้อมอยู่ที่ตรงนั้น
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน…”
“หากไม่ฆ่ามัน แม้แต่สวรรค์ก็มิอาจทนมันได้”
“นั่นสิ เมื่อคืนมันได้สังหารพี่น้องเราไปมากมาย ทั้งยังสังหารผู้อาวุโสเก้าด้วย แค้นนี้ต้องชำระ จะไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกับมันหรอก”
“พวกผู้ใหญ่ในเผ่าหยกมิได้สนใจอดีตของมันก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่มันกลับทำเรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ได้ ช่างทำให้โกรธจนเลือดขึ้นหน้าเสียจริง
เมื่อกู้ชูหน่วนเดินเข้าไปใกล้ กลุ่มคนในเผ่าก็แยกออกเป็นสองข้างทันที บ้างก็ตื่นเต้นบ้างก็เสียใจ
“หัวหน้าเผ่า เมื่อคืนคนของเราตายไปมากมายและบาดเจ็บสาหัสมากขอรับ…”
“หัวหน้าเผ่า ไข่มุกมังกรจะหลอมรวมกันได้เมื่อใด คำสาปโลหิตจะถูกปลดออกเมื่อใดกัน พวกข้ามิอาจทนไหวแล้วขอรับ”
“ใช่ขอรับ เมื่อคืน…เมื่อคืนทั้งท่านแม่และภรรยาของข้าต่างก็ตายแล้ว คนหนึ่งถูกฆ่า อีกคน…ตายทั้งเป็น หากมิใช่ว่าข้ามีลูกสาวอายุห้าขวบต้องดูแล ข้าเองก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
พวกเขาไม่เคยเร่งกู้ชูหน่วนให้รีบหลอมรวมไข่มุกมังกรหรือปลดคำสาปโลหิตเลย
นี่เป็นครั้งแรก
พวกเขาก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
ดวงตาของกู้ชูหน่วนดูหม่นหมอง สายตาที่มองเยี่ยจิ่งหานที่ถูกรายล้อม ดวงตาสีดำขาวแยกกันชัดเจนคู่นั้นสูญเสียความสดใสในอดีตไปอย่างสิ้นเชิง มีเพียงความเศร้าโศกเท่านั้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของนาง เยี่ยจิ่งหานก็อดมิได้ที่จะอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง และเดินไปข้างหน้าอย่างมิอาจควบคุมได้
“เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาทำอะไรเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานอยากจะเข้าไปสวมกอดนางทันที แต่ไม่รู้ว่าเพราะนึกถึงเรื่องที่ทั้งสองเป็นพี่น้องแท้ๆ กันหรืออย่างไร มือที่ยื่นออกไปกลับแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ
ผู้อาวุโสรองที่มิรู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด ก็ขวางไว้ตรงหน้าเยี่ยจิ่งหาน แล้วก่นด่าอย่างรวดเร็วและดุดัน
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? เจ้าลองดูสิ่งที่เจ้าทำไปเมื่อคืนนี้สิ เจ้าไม่เพียงแต่ฆ่าคนในเผ่าไปมากเพียงนี้เท่านั้น แต่เจ้ายังฆ่าผู้อาวุโสเก้าด้วย พวกเขาเป็นคนที่โตมาพร้อมกับหัวหน้าเผ่านะ”
เยี่ยจิ่งหานส่ายศีรษะ ดวงตาคมปรายมองไปยังจอมมารและเหวินเส่าอี้
“ไม่…ไม่มีทางเป็นเพราะแค่ข้าสังหารผู้อาวุโสเก้าและคนอื่นๆ เป็นแน่ ต้องเกิดเรื่องอย่างอื่นขึ้นด้วยแน่ๆ ซือม่อเฟย อาหน่วนเป็นอะไรไปกันแน่?”
“อาหน่วนอะไรของเจ้า เรียกซะแนบชิดสนิทจริง เจ้าอย่าลืมล่ะ เจ้ากับนางยังมีแค้นที่ต้องชำระนะ” จอมมารเยาะเย้ย
ผู้อาวุโสรองกล่าว “หัวหน้าเผ่า ท่านผู้อาวุโสสูง เมื่อสิบปีก่อน เผ่าหยกของเราถูกเขาทำร้ายมากเพียงนั้น สิบปีต่อมา ก็มีพี่น้องเผ่าหยกต้องตายในมือของเขาอีก
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน”
ผู้อาวุโสสูงมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาคนชรา ราวกับกำลังรอให้กู้ชูหน่วนออกคำสั่ง
ผู้คนต่างคุกเข่าลงต่อกู้ชูหน่วน เพื่อร้องขอต่อนาง
เปลือกตาของกู้ชูหน่วนยกสูงขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “เมื่อคืนเขาสูญเสียสติไป เรื่องฆ่าคนนั้นมิใช่สิ่งที่เขาต้องการ ตอนที่พวกเจ้าสูญเสียสติ พวกเจ้าเองก็ฆ่าคนในครอบครัวตนเองไปเช่นกันมิใช่หรือ”
“แต่ทว่าเขาฆ่าผู้อาวุโสเก้านะ”
“ข้าจะถามเพียงคำถามเดียวเท่านั้น ข้ายังเป็นหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าหรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ”
“เช่นนั้นก็ปล่อยเยี่ยจิ่งหานไป”
กู้ชูหน่วนทิ้งไว้เพียงประโยคเดียว และเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ทิ้งเรื่องต่างๆ ไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสจัดการ
หากมิใช่ตอนที่อี้เฉินเฟยและไป๋จิ่นถวายชีพ หากมิใช่ตอนที่คำสาปโลหิตกำเริบ
นางจะต้องบอกกับเยี่ยจิ่งหาน เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กันอย่างมีความสุขแน่นอน
ทว่าบัดนี้…
นางเพียงแค่อยากหลอมรวมไข่มุกมังกร และปลดคำสาปโลหิตเท่านั้น
นี่เป็นหน้าที่ของนาง
ยิ่งไปกว่านั้นคือ…
เมื่อหลายปีก่อน คนที่นางชอบคืออี้เฉินเฟย…
และอี้เฉินเฟยก็ชอบนางด้วย
แต่กลับเพราะโชคชะตา ทั้งสองจึงมิกล้าสารภาพรักต่อกัน ทำได้เพียงรักห่างๆ อย่างห่วงๆ อยู่ภายในใจ และอยู่ด้วยกันในฐานะพี่น้อง
เมื่อคิดถึงอี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนก็กุมหัวใจไว้แน่น มันเจ็บปวดจนแทบจะเป็นลม
นางทำผิดต่ออี้เฉินเฟย…
นางมิเพียงแต่ลืมอี้เฉินไปเท่านั้น แต่ยังรักกับเยี่ยจิ่งหานด้วย
เมื่อตอนที่นางแต่งงานและมีความรู้สึกต่อเยี่ยจิ่งหานนั้น หัวใจของอี้เฉินเฟยจะเจ็บปวดรวดร้าวมากเพียงใดกัน
ทว่าเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด แต่กลับชื่นชมยินดีกับนาง…
เหตุใดนางถึงลืมอี้เฉินเฟยไปได้กัน…
ผู้ตนกำลังมองดูกู้ชูหน่วน
จากไปเช่นนี้…เลยหรือ…
แล้วเยี่ยจิ่งหานล่ะ?
ปล่อยเขาไปเช่นนี้เลย?
“ผู้อาวุโสสูง…” ผู้คนทำได้เพียงมอบความหวังไว้ที่ผู้อาวุโสสูง
ผู้อาวุโสถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เมื่อคืนเกิดเรื่องมากมาย หัวหน้าเผ่าเองก็เสียใจมากพอแล้ว พวกเจ้าอย่าไปบังคับนางเลย ให้เวลานางเสียหน่อย คุมตัวเยี่ยจิ่งหานไปขังไว้ก็เป็นพอ”
“วรยุทธ์เขาสูงเพียงนั้น หากว่าคำสาปโลหิตกำเริบและฆ่าคนอีกครั้งจะทำอย่างไรขอรับ”
“ทำอย่างไรๆ เจ้าคิดเองไม่เป็นหรืออย่างไรกัน? เจ้าคิดว่าเผ่าหยกยังมีปัญหาไม่มากพออีกหรือ?”
เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสสูงกริ้วโกรธ และยังกริ้วผู้อาวุโสรองต่อหน้าผู้คนอีกด้วย
ทำเอาผู้อาวุโสรองขายหน้ามากนัก
และทำเอาผู้คนต่างตกใจกันระนาว
ตั้งแต่จำความได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านผู้อาวุโสสูงกริ้วโกรธ
ในอดีต ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตมากเพียงใด เขาก็ยังสามารถควบคุมได้
ผู้อาวุโสรองถูกสั่งสอนเข้าอย่างจังเช่นนี้ ทำเอามึนงงทีเดียวเชียว
เมื่อมองไปทางเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ไม่มีผู้ใดอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาเลย เหล่าลูกศิษย์ในเผ่าก็มองเขาด้วยสายตาอันแปลกประหลาด ใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งแดงทั้งม่วง สุดท้ายจึงถกแขนเสื้อขึ้น แล้วเดินจากไปอย่างโกรธเคือง
จอมมารตามกู้ชูหน่วนต้อยๆ ได้ผู้ติดตามมาคนหนึ่ง
เหวินเส่าอี้ถูกคุมขังคุกไว้
เยี่ยจิ่งหานกำลังมองแผ่นหลังที่เดินจากไปไกลของกู้ชูหน่วน แผ่นหลังที่ผอมและบอบบาง เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันโดดเดี่ยว ราวกับเถาวัลย์ แม้แต่รอบๆ ก็ดูเศร้าหมองไปด้วย
“โครมๆๆ…”
ฟ้าร้องในวันที่แดดจ้า ปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆ
อากาศที่ยังดีๆ อยู่กลับฟ้าร้องขึ้นมากะทันหัน และฝนตกกระหน่ำ
ราวกับว่าสวรรค์จะทราบเรื่องราวอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับกู้ชูหน่วนและเผ่าหยก จึงได้ร่ำไห้แทนพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
ท่ามกลางฝนกระหน่ำ กู้ชูหน่วนเดินฝ่าฝนอย่างไร้จุดหมายปลายทาง
จอมมารถอดเสื้อคลุมของตนออก บังฝนให้กับกู้ชูหน่วน แต่ทว่าฝนตกลงมารุนแรงมากขึ้น เสื้อคลุมของจอมมารจะบังฝนที่ตกลงมารุนแรงเพียงนี้ได้อย่างไร
มือทั้งสองของเยี่ยจิ่งหานกุมไว้แน่น ในใจเจ็บปวดจนมิอาจหายใจได้
กวาดสายตาไปอีกทาง ก็เป็นภาพที่ผู้คนในเผ่าหยกล้มลงร่ำไห้อยู่หน้าศพของคนรัก
เสียงร่ำไห้และเสียงฝนตกกระหน่ำ รวมทั้งเสียงฟ้าร้องรวมกันราวกับเป็นวันสิ้นโลก
“นายท่าน เราจะไปหาพระชายาหรือไม่ขอรับ” เจี้ยงเสวี่ยถาม
เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาเห็นพระชายาเป็นเช่นนี้
พระชายาในอดีตจะมีเมื่อใดกันที่ไม่มั่นอกมั่นใจและร่าเริง มีเพียงนางไปรังแกคนอื่นก่อนเท่านั้น ไม่มีทางที่คนอื่นจะรังแกนางก่อนได้หรอก
ทว่าบัดนี้…
เขากลับรู้สึกว่าพระชายาคนนี้ช่างแปลกหน้าเหลือเกิน
ตั้งแต่ที่เขาทราบว่านางเป็นหัวหน้าเผ่าหยกแล้ว เขาก็รู้สึกสงสารพระชายาของตนอย่างไม่รู้ตัว
ในฐานะหัวหน้าเผ่า ต้องทนเห็นประชากรของตนทุกทรมานกับการกำเริบของคำสาปโลหิตทุกเดือน หัวใจของนางต้องเจ็บปวดมากเพียงใดกัน…
ความแข้มแข็งของพระชายาในอดีต เกรงว่าคงเป็นเพียงแค่ภายนอกสินะ
เจี้ยงเสวี่ยรู้สึกสงสาร แต่เยี่ยจิ่งหานรู้สึกสงสารยิ่งกว่า
เขามิรู้มาก่อนว่ากู้ชูหน่วนต้องแบกรับความเจ็บปวดมากเพียงนี้ไว้ในใจ และแบกรับหน้าที่อันใหญ่หลวงเพียงนี้ด้วย
หัวหน้าเผ่าหยก ตำแหน่งที่สูงส่งเพียงนั้น
ทั้งยังเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมากเพียงนั้น
นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เหตุใดจึงต้องนำความรับผิดชอบทั้งหมดไว้ที่นางเพียงผู้เดียวด้วย
เยี่ยจิ่งหานกวาดสายตามองไปยังศพของผู้อาวุโสเก้า สีหน้าย่ำแย่จนส่ายศีรษะ
เวลานี้ คนที่นางไม่อยากพบหน้ามากที่สุด คงจะเป็นเขาสินะ
ปล่อยให้นางได้อยู่เงียบๆ สักพักก็ดีเหมือนกัน
ในห้องหลอมยาของเผ่าหยก
หม้อปรุงยาทั้งสองถูกขนย้ายไปที่เดียวกัน วางเรียงกันซ้ายขวา
ผู้อาวุโสสูง ผู้อาวุโสหกและคนอื่นๆ แยกย้ายกันอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วน และรายงานว่า
“หัวหน้าเผ่า กลิ่นอายชั่วร้ายในหม้อหยินหายไปพร้อมกับการถวายชีพของแม่นางไป๋จิ่นแล้วขอรับ บัดนี้หม้อหยินสามารถรวมเป็นหยินหยางได้แล้วขอรับ”
“หัวหน้าเผ่า ท่านต้องการจะพักผ่อน จากนั้นค่อยหลอมรวมไข่มุกมังกรหรือไม่ขอรับ”
“ใช่ ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก” จอมมารพูดแทรก
กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะ สายตามองไปที่หม้อปรุงยาทั้งสองอย่างแน่วแน่
“แม้นว่าข้าจะไม่รีบ ทว่าประชากรนับหมื่นของเผ่าหยกก็ต้องรีบร้อนอย่างแน่นอน ข้าจักต้องหลอมรวมไข่มุกมังกรให้จงได้”
“ก็ได้ เช่นนั้นพวกข้าจะคอยพิทักษ์ท่านเอง”
“เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าเพียงแค่ผู้ที่มีร่างกายเป็นหยินและหยางบริสุทธิ์ถวายชีพแล้ว จะสามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้ จากนั้นก็จะสามารถปลดคำสาปโลหิตออกได้?” กู้ชูหน่วนถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
ผู้อาวุโสสูงพยักหน้า และกล่าวอย่างมั่นใจว่า “แน่ขอรับ สืบทอดจากบรรพบุรุษล้วนกล่าวไว้เช่นนี้ขอรับ
“ดี เช่นนั้นก็เริ่มเลยเถิด”
กู้ชูหน่วนไม่มีแม้แต่คำพูดไร้สาระใดๆ นั่งขัดสมาธิลงทันที
ผู้คนต่างนั่งเผชิญหน้าต่อกัน
นี่มัน…ดูรีบร้อนไปเสียหน่อยนะ…
บทที่ 706
บทที่ 708