“หัวหน้าเผ่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อหลายปีก่อนและเสียเลือดมาก จึงจำเป็นต้องใช้เลือดของผู้เป็นญาติโดยตรงในการรักษา ตอนนั้นทุกคนต่างเห็นว่าควรให้นายน้อยมาและแม้แต่ตัวของนายน้อยเองก็อาสาเองว่าจะใช้เลือดของตัวเองเพื่อทำการรักษาให้หัวหน้าเผ่า แต่หัวหน้าเผ่ากลับปฏิเสธ”
“เขายอมตาย แต่จะไม่ยอมใช้เลือดของนายน้อย นี่หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่านายน้อยไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของหัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่ารู้อยู่แก่ใจดีว่าเลือดของเขานั้นไม่มีประโยชน์อะไร ฉะนั้นจึงทำการปฏิเสธออกไป”
“และยังมีอีก มีครั้งหนึ่งในขณะที่หัวหน้าเผ่ากำลังฝึกฝนวิทยายุทธอยู่นั้นเกือบจะถูกครอบงำและได้สูญเสียสติ จากนั้นเขาจึงชี้ไปที่นายน้อยและตะโกนออกมาว่า เจ้าไม่ใช่ลูกชายของข้า เจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของข้า”
ทุกคำที่ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงพูดออกมานั้น ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนและคนอื่นๆ ต่างพากันไม่พอใจนัก
พวกเขาต้องการตอกกลับ แต่เขากลับพูดเรื่องจริงจึงทำให้ไม่สามารถพูดปฏิเสธอะไรได้เลย
“และยังมีอีก ฝีมือศิลปะการต่อสู้ของหัวหน้าเผ่านั้นไร้ผู้ใดเปรียบและได้เป็นถึงยอดฝีมือสูงสุดระดับที่เจ็ดแล้ว นายน้อยก็เป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่า แต่เหตุใดหัวหน้าเผ่าถึงไม่สั่งสอนสืบทอดวิทยายุทธการต่อสู้ต่างๆ ให้กับนายน้อยเลย? ถึงขนาดห้ามให้เขาฝึกซ้อมวิทยายุทธอีกด้วย?”
ชู่วว……
กลุ่มคนต่างพูดคุยกันอย่างครึกโครม
เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นดังราวกับเสียงสายน้ำไหล
“ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล เรื่องเดียวอาจเป็นเพราะความบังเอิญ แต่คงไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะบังเอิญหรอกกระมัง”
“ก็ใช่น่ะสิ ในอนาคตนายน้อยจะต้องเป็นผู้นำของเผ่าเพลิงฟ้า หากไม่มีวิทยายุทธชั้นยอดจะเป็นได้อย่างไร หัวหน้าเผ่าต้องการมอบตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้กับเขา แต่เหตุใดถึงไม่สอนเขาถึงศิลปะการต่อสู้ แถมยังพูดว่า หากนายน้อยคิดคดทรยศแม้แต่นิดเดียว เช่นนั้นก็จะจัดการทำลายเขาเสีย”
“ใช่ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยและผู้อาวุโสคนอื่นยืนหยัดที่จะถ่ายทอดวิทยายุทธและการศิลปะการต่อสู้ให้กับนายน้อยละก็ เช่นนั้นก็เกรงว่านายน้อยคงเป็นได้เพียงคนธรรมดาเท่านั้น มีหรือจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับหกที่น่าภาคภูมิใจดังเช่นนี้”
“ตามที่พวกเจ้าพูดมานั้น จริงหรือที่นายน้อยไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของหัวหน้าเผ่า?”
“ข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป ซ่งอวี้ยิ้มออกมาและกล่าวเสียงดัง “นายน้อยเป็นลูกชายแท้ๆ ของหัวหน้าเผ่าหรือไม่นั้น สามารถรอให้หัวหน้าเผ่าบำเพ็ญเพียรออกมาแล้วค่อยถามก็ได้ ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลและไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ หากนายน้อยเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่าจริง เช่นนั้นจะเป็นการทำร้ายจิตใจของนายน้อยไปเสีย”
“ฮึ หัวหน้าเผ่าบำเพ็ญเพียรเป็นเวลานานแต่กลับไม่ออกมา แม้แต่เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นกับเผ่าเพลิงฟ้าก็ไม่คิดออกมา ข้าสงสัยว่านายน้อยคงจะกระทำมิดีมิร้ายกับหัวหน้าเผ่าแน่ๆ” ตงหลิงกล่าว
ซ่งหยวนพับแขนเสื้อขึ้นและอดไม่ได้ที่จะต่อสู้กับเขา
“ตาเฒ่าตงหลิง เจ้าจงใจที่จะหาเรื่องนายน้อยให้ได้เลยใช่หรือไม่? นายน้อยเป็นคนจิตใจดีและโดยเฉพาะเคารพรักต่อหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นแล้วเขาจะสามารถทำอะไรกับหัวหน้าเผ่าได้”
“เขตหวงห้ามที่หัวหน้าเผ่าบำเพ็ญเพียรอยู่นั้นมีเพียงนายน้อยเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าไปได้ เจ้าบอกว่านายน้อยทำอะไรมิดีมิร้ายต่อหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นเจ้าก็บอกข้าว่าเหตุใดหัวหน้าเผ่าถึงไม่ออกมา”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเหตุใดหัวหน้าเผ่าถึงไม่ออกมา? ข้าไม่ได้เป็นพยาธิในท้องของเขาเสียหน่อย ข้าเพียงแค่เชื่อใจในนายน้อยเส่าอี๋ว่าเขาไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นอย่างแน่นอน”
“เรื่องที่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยและผู้คนอีกจำนวนกว่าสองพันคนต้องตายลงอย่างน่าอนาถที่เผ่าหยก แต่นายน้อยกลับไม่พูดอธิบายใดๆ เลยล่ะ”
เมื่อพูดไปพูดมาและมาจบลงที่นี่
อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสสูงสุดซงหยวน แม้แต่ผู้อาวุเฉินก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน
“อย่าพูดจาเหลวไหลเช่นนี้อีก”ผู้อาวุโสเฉินกล่าวตักเตือน เขาไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดหรือมีสถานะตำแหน่งที่สูงกว่าเขามากเพียงใด
รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะอย่างเย็นชา
“ไม่มีหลักฐาน เช่นนั้นเราก็จะไม่พูดออกไป นอกจากเหวินเส่าอี๋และลูกศิษย์อีกหนึ่งคนที่รอดชีวิตออกมาจากเผ่าหยก”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงผายมือออก จากนั้นลูกศิษย์ในเผ่าคนหนึ่งก็เดินออกมาด้วยอาการตัวสั่นเทา
ทุกคนต่างรู้จักว่านั่นคืออาหู่ ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่เผ่าหยกที่เจ้าได้เห็นออกมาให้หมด มีข้าอยู่ ใครก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้า”
อาหู่ตัวสั่นเทา เขาก้มหน้าและไม่กล้าเงยหน้ามองเหวินเส่าอี๋ คำพูดที่พูดออกมานั้นก็เข้ากับลิ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่รู้ว่าเขากำลังหวาดกลัวอะไร
“ข้า……เพราะข้ารู้วิชาคาถาเวทมนตร์อยู่บ้าง ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่จึงได้สั่งให้ข้าปลอมตัวเป็นลูกศิษย์ของเผ่าหยก และ……ปลอมตัวเข้าไป”
“ข้า……ข้าเห็นเข้าหลายครั้งที่หัวหน้าเผ่าหยกกู้ชูหน่วนได้ช่วยชีวิตของนายน้อยไว้ ข้ายังเห็นด้วยว่าเผ่าหยกมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่ออินเอ๋อร์ ได้ถูกคนในเผ่าของนางฆ่าลงเพียงเพราะ……นางได้ช่วยเหลือนายน้อย”
“กู้ชูหน่วนช่วย……ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้นายน้อย นายน้อยพูดจาสนิทสนมชิดเชื้อกับนาง ราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี……”
“พูดจาเหลวไหล ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เผ่าเพลิงฟ้าของเราและเผ่าหยกเป็นศัตรูกัน นายน้อยเส่าอี๋จะไปเข้าพวกกับเผ่าหยกคนเหล่านั้นได้อย่างไร โดยเฉพาะสนิทชิดเชื้อกับหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนกล่าวอย่างโกรธเคือง
อาหู่ตกใจจนถอยไปแอบอยู่ข้างหลัง
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวว่า “นายน้อย ท่านพูดด้วยตัวเองเถอะว่าสิ่งที่อาหู่พูดออกมานั้นจริงหรือไม่?”
มุมปากของเหวินเส่าอี๋กระตุกโดยที่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนตกใจ
“จริงอย่างที่เขาพูดออกมาหรือไม่?”
“เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อน……ข้าไม่เคยหักหลังเผ่าเพลิงฟ้าและไม่ได้ทำร้ายผู้อาวุโสและลูกศิษย์ที่เข้าไปยังเผ่าหยกให้ต้องจบชีวิตลง”
“ฉะนั้น ท่านยอมรับในสิ่งที่อาหู่พูดไปเมื่อสักครู่อย่างนั้นหรือ?” รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป
เหวินเส่าอี๋เป็นคนจริงใจมาโดยตลอด
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา ทุกคนก็พอคาดเดาได้ว่าสิ่งที่อาหู่พูดออกมานั้นเป็นความจริง
ผู้อาวุโสในเผ่าต่างพากันโมโหจนตัวสั่น “ท่านเป็นถึงนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า หลายปีมานี้เผ่าหยกได้กระทำอันโหดเหี้ยมเพียงใดต่อเผ่าเพลิงฟ้า ท่านไม่รู้เลยอย่างนั้นหรือ เหตุใดท่านถึงสนิทสนมชิดเชื้อพูดจาหยอกล้อกับหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกเช่นนั้น?”
“ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาว่าท่านมีความสัมพันธ์กับหัวหน้าเผ่าหยกกู้ชูหน่วน เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
กู้ชูหน่วนที่แอบอยู่ในฝูงชนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
นางมีความสัมพันธ์กับเหวินเส่าอี๋?
คนเหล่านี้บ้าไปแล้วหรือ?
นางและเหวินเส่าอี๋เป็นศัตรูกันเพราะความบางหมางระหว่างสองเผ่า จะมีความสัมพันธ์ต่อกันได้อย่างไร?
คนเหล่านี้ต้องการกำจัดเหวินเส่าอี๋ แต่กลับอ้อมค้อมเสียยืดยาว
“นายน้อยถูกผู้อาวุโสของเผ่าหยกไล่สกัดเข้าไปยังเหวไร้ที่สิ้นสุด กู้ชูหน่วนกระโดดลงไปยังเหวไร้ที่สิ้นสุดโดยไม่คำนึงถึงอะไรเพื่อช่วยชีวิตนายน้อย หลังจากนั้นไม่นาน กู้ชูหน่วนก็ได้พาผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยไปยังเหวไร้ที่สิ้นสุด ในที่สุดผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย……ได้จบชีวิต……จบชีวิตลงที่เหวไร้ที่สิ้นสุด แต่นายน้อยกลับ……กลับถูกแอบปล่อยตัวออกไปโดยกู้ชูหน่วน”
เขายิ่งพูดเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายเสียงนั้นก็แทบหายไปและร่างกายสั่นสะท้าน
ผู้คนในเผ่าเพลิงฟ้าต่างพากันขุ่นเคืองกับความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้น
กู้ชูหน่วนกลับยังคงเย็นชา
คำพูดก่อนหน้านี้ยังพอทนฟังได้ แต่คำพูดหลังจากนั้นแทบไม่มีเหตุผลและเหลวไหลสิ้นดี
“ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ การตายของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยและคนอื่นๆ เกี่ยวข้องกับนายน้อยอย่างปฏิเสธไม่ได้ ส่งคนมาที่นี่และจับตัวนายน้อยเอาไว้”
“ใครกล้าลงมือ” ซ่งหยวนกล่าว
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวอย่างเยือกเย็น “ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าเคารพนับถือท่าน แต่ภูมิหลังของนายน้อยนั้นมีความผิดปกติ อีกทั้งยังทรยศหักหลังเผ่าเพลิงฟ้าจนทำให้ผู้อาวุโสและศิษย์จำนวนมากต้องจบชีวิตลง เราจึงจำเป็นต้องกำจัดเขาเสีย”
“ภูมิหลังของเขาเป็นเช่นไร รอให้หัวหน้าเผ่ากลับมาก็จะรู้ได้อย่างชัดเจน ส่วนเรื่องการทรยศหักหลังเผ่าเพลิงฟ้านั้นนับว่าเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี”
“ท่าน……ท่านรองหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสทุกท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว หัวหน้าเผ่า……เกิดเรื่องขึ้นแล้ว……”
“เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าเผ่าหรือ?”
“หัวหน้าเผ่าบำเพ็ญเพียรจนถูกครอบงำและพุ่งออกมาจากเขตหวงห้าม เมื่อเห็นใครก็ฆ่าทิ้งทันที มีลูกศิษย์จำนวนมากที่ต้องตายลงด้วยฝีมือของหัวหน้าเผ่า ก่อนที่ผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งจะเข้าไปช่วยไว้ หัวหน้าเผ่าก็ได้ล้มลงกับพื้นเสียแล้ว……”
“อะไรนะ ล้มลงกับพื้น? หัวหน้าเผ่าเป็นอะไรหรือไม่?”