กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 782
หมู่บ้านตระกูลหลิน
หมู่บ้านตระกูลหลินตั้งอยู่ที่หุบเขาสลับซับซ้อน ที่นี่ห่างไกลออกไปและถือเป็นบริเวณของชนเผ่าตระกูลไป๋หลี่ ทุกเดือนคนในหมู่บ้านจะต้องจัดหาหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงมาให้เผ่าตระกูลไป๋หลี่ เพื่อทำการปรุงกลั่นยา
หมู่บ้านไม่ใหญ่และมีประชากรเพียงสิบกว่าหลังคาเรือน ประชาชนในหมู่บ้านแต่ละหลังคาเรือนล้วนซูบผอม เสื้อผ้ามีแต่รอยเย็บปะไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น คนในหมู่บ้านจำนวนมากที่ไม่มีแม้แต่รองเท้าฟางที่สวมใส่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความเป็นอยู่เป็นไปอย่างยากลำบาก
ในกระท่อมมุงจากหลังหนึ่ง กู้ชูหน่วนกำลังนอนอยู่บนเตียง นางมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและดวงตาทั้งคู่ของนางก็ถูกปิดลง คิ้วขมวดย่นเล็กน้อย แม้ในขณะที่หลับก็ดูเหมือนว่าจะหลับไม่ดีและมักยื่นมือออกมาเหมือนจะจับคว้าอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร
ความทรงจำที่ท่วมท้นยังคงหลั่งไหลเข้ามาจนทำให้นางแทบจมไม่เหลืออะไร
ความทรงจำเหล่านั้นขาดตกไม่สมบูรณ์และดูเลอะเลือน นางพยายามจะคิดและเห็นให้ชัดเจน แต่ทำยังไงก็มองไม่ชัดเจน
และเห็นเพียงใบหน้าที่เลอะเลือนไม่ชัดเจน
หนึ่งในนั้นคือภาพผู้หญิงและผู้ชายนับร้อยกำลังกระโดดเข้าไปในเตาหม้อต้มปรุงกลั่นยา และอีกหนึ่งคือภาพศพที่ถูกฆ่าตายเกลื่อนกลาดทุกหนทุกแห่ง มีเลือดยังคงไหลหยดย้อยนองออกมา ท่ามกลางมรสุมนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งถือดาบสีเงินยืนอยู่และได้แตกหักกับนาง
และยังมีชายชราผมหงอกกำลังกอดศพของนางและคร่ำครวญอย่างโศกเศร้า
อาจเป็นเพราะภาพที่ปรากฏเหล่านั้นช่างน่าเศร้าเกินไป กู้ชูหน่วนจึงลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นตระหนก
เมื่อได้ขยับ บาดแผลบนร่างกายของนางก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบร้องออกมา
ในหูของนางมีเสียงที่รื่นรมย์และไพเราะเสนาะหูดังขึ้นช้าๆ
“แม่นาง ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าหมดสติไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว เราได้เชิญหมอมารักษาให้เจ้าอยู่หลายคนและเกือบคิดว่าเจ้าจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามอง
ที่นี่คือกระท่อมมุงจากที่เก่าและทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ภายในนั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงเตียงเล็กๆ เตียงหนึ่งและโต๊ะสามขาอีกหนึ่งตัวและมีเก้าอี้สามขาอีกสองตัวเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ภายในห้องก็ได้รับการดูแลอย่างดีและสะอาดสะอ้านไม่มีแม้แต่ฝุ่น เห็นได้ชัดว่าเจ้าของกระท่อมก็เป็นคนที่รักความสะอาดมากเช่นกัน
เมื่อมองลงไป ร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผลขนาดเล็กใหญ่เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นเป็นรอยแส้และแผลพุพองจากความร้อน และมีของมีคมแทงทะลุหน้าอกของนาง ซึ่งอยู่ห่างจากหัวใจของนางไม่ถึงครึ่งเซนติเมตร
หากอาวุธมีคมเอียงมากกว่านี้เล็กน้อย นางคงตายแน่ๆ
“เจ้าคือใคร?” กู้ชูหน่วนถามออกมาจากสัญชาตญาณ
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าคือหลินซือหย่วนแห่งหมู่บ้านตระกูลหลิน ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นลมหมดสติไปที่หลังเขาของหมู่บ้านตระกูลหลิน ข้าและท่านปู่จึงได้ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ แม่นาง เจ้ายังอายุน้อยอยู่เลย เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ หรือเจ้าไปทำให้ใครโกรธเคืองหรือ?”
ชายหนุ่มคนนี้สวมใส่ด้วยชุดผ้าเนื้อหยาบ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขายิ้มก็เผยให้เห็นเขี้ยวเสือทั้งสองข้างที่โผล่ออกมา
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย
หมู่บ้านตระกูลหลิน?
หลินซือหย่วน?
นางได้ทำให้ใครโกรธเคือง?
นางทำให้ใครโกรธเคืองอย่างนั้นหรือ?
เหตุใดในหัวของนางจึงไม่มีอะไรเลย?
บาดแผลของนางมาได้อย่างไรกัน?
“แม่นาง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? หรือเป็นเพราะข้าพูดอะไรผิดไป ข้าเป็นคนหยาบคายไม่สุภาพ หากข้าพูดอะไรผิดไป เจ้าอย่าได้ถือสาเลยนะ”
“ข้าคือใคร?” กู้ชูหน่วนถาม
คำถามนี้ทำให้หลินซือหย่วนถึงกับไปไม่ถูกเหมือนกัน
“เจ้า……ไม่รู้หรือว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
“ไม่รู้”
กู้ชูหน่วนพยายามจะฟื้นความทรงจำ แต่นอกจากความเจ็บปวดที่รู้สึกขึ้นเป็นครั้งคราวแล้วนั้น กลับไม่มีแม้แต่ความทรงจำใดๆ เลย ราวกับนางเป็นเพียงกระดาษขาว และชีวิตของนางก็เริ่มต้นขึ้นจากหมู่บ้านตระกูลหลิน
“เอ่อ……พวกข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เพียงแต่เห็นเจ้าน่าสงสารจึงหามเจ้ากลับมารักษา”
กู้ชูหน่วนพยายามตบศีรษะของตัวเองอย่างแรงเพื่ออยากจะทำให้ภาพที่ปรากฏในหัวนั้นชัดเจนขึ้นมาบ้าง แต่ยิ่งตบก็ยิ่งพร่ามัวไม่ชัดเจนและยิ่งปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าหยุดตบศีรษะของตัวเองได้แล้ว หากนึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกแล้ว ไม่แน่อาจจำขึ้นมาได้ในระยะอันสั้นนี้”
และในขณะเดียว ภายนอกประตูก็มีชายชราอายุเกินเจ็ดสิบปีถือถ้วยยาต้มมาเข้ามาและตะโกนออกไป
“ยาต้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซือหย่วน รีบป้อนให้แม่นางคนนี้สิ”
ใบหน้าของชายชรามีรอยเหี่ยวย่นเต็มไปหมดและมือทั้งสองข้างก็หยาบกร้าน เมื่อเห็นเข้าก็รู้ได้ว่าเป็นชาวไร่ชาวนาที่ทำงานอย่างหนักมาอย่างยาวนาน
“ท่านปู่ ดูสิ นางฟื้นแล้ว”
ชายชราเงยหน้าขึ้นและมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรเผยขึ้นมาบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น
“ในที่สุดแม่นางก็ฟื้นขึ้นแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าเพียงแค่เชิญหมอมาทำการรักษา เช่นนั้นก็สามารถรักษาให้หายได้ มานี่สิ รีบกินยาอุ่นๆ ถ้วยนี้สิ หมอบอกว่ากินยานี่หมดถ้วยก็จะหายดีนะ”
แววตาของปู่และหลานทั้งสองดูเป็นมิตรและใจดี กู้ชูหน่วนแทบไม่รู้สึกถึงความพยาบาทเลยสักนิดและมีเพียงความเป็นห่วงทำให้ความกังวลที่นี่นั้นคลี่คลายลง
เมื่อยกถ้วยยามาให้ นางดมเพียงเล็กน้อยก็รู้ได้ทันทีว่าถ้วยนี้ไม่มีประโยชน์ต่อการรักษาอาการบาดเจ็บของนางเลยสักนิด
แต่สองปู่หลานกลับเห็นยาถ้วยนี้เป็นราวกับสมบัติล้ำค่าและแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริง กู้ชูหน่วนจึงไม่อยากทำให้พวกเขาเสียน้ำใจ จากนั้นจึงยกถ้วยยานั้นกินเข้าไป
“ยังมียาอีกหนึ่งหม้อ คืนนี้ข้าจะต้มให้เจ้ากินอีกครั้ง หากยังรู้สึกว่ามีตรงไหนเจ็บอีกละก็ เช่นนั้นเราจะหาวิธีเข้าไปในเมืองเพื่อหาตัวยามาให้อีก”
“ไม่ต้องหรอก ข้าสามารถรักษาตัวเองได้”
กู้ชูหน่วนฉีกแขนเสื้อของตัวเองลง บาดแผลของนางถูกพันด้วยผ้าขี้ริ้วเอาไว้หลายชั้น กู้ชูหน่วนเปิดออกทีละชั้นและกล่าวว่า
“ตอนนี้อากาศร้อนแผดเผา การพันแผลหนาหลายชั้นไม่สามารถรักษาบาดแผลให้หายได้ อีกทั้งยังทำให้แผลพุพองเป็นหนองติดเชื้อได้”
และในขณะที่นางคลายผ้าพันแผลออกมา ก็มีรอยแผลที่ถูกความร้อนต่างก็เป็นหนองและมีกลิ่นเหม็นออกมา
ปู่และหลานต่างพากันตกตะลึงและดวงตาเบิกกว้าง พวกเขารู้สึกผิดและสงสารอย่างมาก
พวกเขาไม่รู้เรื่องการรักษา แต่หมอบอกให้พันแผลเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ จากนั้นพวกเขาจึงพันแผลให้กับนาง ใครจะไปรู้ว่าเป็นแผลหนองเช่นนี้
“มีน้ำสะอาดหรือไม่? รบกวนนำใส่ถังมาให้ข้าหน่อย ข้าจะทำความสะอาดบริเวณที่เป็นหนองให้สะอาด”
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนทำความสะอาดจัดการกับบาดแผลของตัวเองอย่างเชี่ยวชาญ เห็นได้ชัดว่ารอยแผลมีหนอง แต่นางกลับไม่รู้สึกเจ็บและกลัวเลยสักนิด ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้นางประสบพบเจอกับความยากลำบากมามากมายเพียงใด จึงทำให้……แข็งแกร่งเช่นนี้
“แม่นาง เจ้าเป็นหมอหรือ?” ท่านปู่หลินถามอย่างระมัดระวัง
ทุกวันนี้มีน้อยคนนักที่เข้าใจและรู้เกี่ยวกับการรักษา
กู้ชูหน่วนหยุดชะงักและขมวดคิ้ว “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะใช่กระมัง”
“พวกข้าสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”
“มีสมุนไพรก้วนจ้งหรือไม่?”
ปู่และหลานต่างพากันส่ายหน้า
สมุนไพรก้วนจ้งนั้นมีราคาแพงมาก เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนาง พวกเขาได้ใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมดไปหมดแล้วและยังหยิบยืมจากคนในหมู่บ้านอีกจำนวนมาก ถึงตอนนี้แล้วพวกเขาไม่เหลือเงินแม้แต่อีแปะเดียว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสมุนไพรก้วนจ้งที่มีราคาแพงเช่นนั้นหรอก
กู้ชูหน่วนเห็นที่เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ก็พอจะคาดเดาได้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา นางยิ้มออกมาอย่างสง่างาม ซึ่งน่าทึ่งมาก
“ไม่มีก็ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวข้าจะไปหาสมุนไพรยาบนเขาสักหน่อยก็ได้ แผลเหล่านี้เป็นเพียงแผลภายนอก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนรอยแผลที่บริเวณหน้าอกนั้นก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตของข้าหรอก”
นางพูดจบก็ยกมือขึ้นปลดเสื้อผ้าของนาง หลินซือหย่วนหน้าแดงก่ำและรีบถอยออกไป
ปู่หลินก็ทำตัวไม่ถูกและถอยออกไปด้วยเช่นกัน
“แม่นาง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกพวกข้านะ พวกข้า……สามารถเรียกให้หญิงสาวข้างบ้านมาช่วยเจ้าได้”
“อ้อ……ได้……”
นางเพียงต้องการปลดเสื้อคลุมภายนอกออก ไม่ได้ต้องการปลดชุดออกเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องอายอย่างนั้นหรือ?
หรือเป็นเพราะวัฒนธรรมในกระดูกของนางแตกต่างจากพวกเขาอย่างนั้นหรือ?