กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 794
ไป๋หลี่เจิ้นอดทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วและหัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อเขาหัวเราะ สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เขา
กู้ชูหน่วนก็เช่นกัน
นางเดินเข้าหาไป๋หลี่เจิ้นอย่างช้าๆ
เมื่อมองไปที่ไป๋หลี่เจิ้นและเมื่อมองไปที่ซั่งกวนชิง จากนั้นหยิบดาบสั้นขึ้นมาและกรีดชุดของไป๋หลี่เจิ้นจนขาด เพื่อมาปกปิดไว้บนร่างกายของซั่งกวนชิงให้มิดชิด
ครั้งนี้กลับกลายเป็นไป๋หลี่เจิ้นที่ตกตะลึง
รอยยิ้มของเขาเลือนหายไปทันทีและจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโมโห จากนั้นกล่าวตักเตือนว่า
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”
“รู้สิ ก็สุนัขรับใช้แห่งตระกูลไป๋หลี่ตัวหนึ่ง”
“บังอาจ ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสยอดฝีมือระดับสี่แห่งตระกูลไป๋หลี่ เจ้ามีเพียงเส้นชีพจรขั้นที่สามกลับกล้าทำเช่นนี้……”
“พอได้แล้ว ข้าก็มาดูแลเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ รีบร้อนอะไร ตระกูลซั่งกวนมีการต้อนรับที่ดี เช่นนั้นตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าก็คงไม่น้อยหน้าไปกว่านี้หรอก”
กู้ชูหน่วนตัดบทเขาอย่างเย็นชา จากนั้นเริ่มทำการค้นหาสมบัติบนร่างกายของพวกเขา
อดพูดไม่ได้ว่า สมบัติของตระกูลไป๋หลี่นั้นมีมากกว่าของตระกูลซั่งกวนอยู่มาก
นอกจากยาอายุวัฒนะ เงินตำลึง อาวุธชั้นเยี่ยมแล้ว ยังมีสมบัติจากสวรรค์ที่พวกเขาได้มาจากหุบเขาเจียงเจ๋อซานอีกจำนวนมาก รวมไปถึงขวดเล็กๆ จำนวนหนึ่ง
กู้ชูหน่วนเปิดขวดออก จากนั้นอสุรกายก็ออกมาทีละหนึ่งตัว
“อย่าเปิด……”
ไป๋หลี่เจิ้นและคนอื่นต่างพากันตะโกนห้าม
แต่น่าเสียดายที่ช้าไปเพียงนิดเดียว
อสุรกายนับสิบตัวต่างพากันออกมาหมดแล้วและมองไม่เห็นแม้แต่เงา
เขาโกรธจนอยากจะฆ่ากู้ชูหน่วนให้ตาย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกข้าใช้เวลาและใช้พลังมากเพียงใดในการจับอสุรกายร้ายเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องสละเลือดเนื้อไปเท่าไร”
กู้ชูหน่วนผายมือออก
“เจ้าไม่พูดข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าไม่ได้เป็นพยาธิในท้องของเจ้าเสียหน่อย”
“เจ้า……ดี ดีมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือศัตรูตัวฉกาจของตระกูลไป๋หลี่ของพวกข้า”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้ย
ต่อให้ไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
นางก็เป็นคนที่ตระกูลไป๋หลี่ต้องการกำจัดเช่นกัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ผิด เช่นนั้นก็แตกหักกันไปเลยแล้วกัน
กู้ชูหน่วนเพียงแค่หาขวดเล็กๆ ให้เจอ จากนั้นเปิดออกเพื่อปล่อยให้อสุรกายที่อยู่ข้างในต่างพากันออกมา
คนของตระกูลไป๋หลี่ต่างพากันเหงื่อตก
อสุรกายแต่ละตัวที่นี่นั้น พวกเขาต้องใช้ความพยายามและลำบากอย่างมากในการได้มาครอบครอง และเตรียมไว้เพื่อใช้ในการชุมนุมควบคุมสัตว์ร้าย
ตอนนี้พวกมันได้ถูกปล่อยออกไปหมดแล้ว การเดินทางมายังหุบเขาเจียงเจ๋อซานในครั้งนี้ พวกเขาต้องสูญเสียทั้งฮูหยินและลูกน้องไปจำนวนหนึ่ง
ตอนนี้ตระกูลซั่งกวนจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
วิญญาณทั้งในรัฐปิงนี้ ตระกูลไป๋หลี่มีปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายมากที่สุดและในมือก็มีอสุรกายในครอบครองมากที่สุด
การชุมนุมควบคุมสัตว์ร้ายอะไรกัน หากจะพูดไปก็คือการให้นักเรียนเข้าไปสู่หุบเขาอสุรกาย เพื่อสัมผัสประสบการณ์ หากโชคดีก็สามารถพิชิตอสุรกายได้ หรือแม้แต่อาจได้กลายเป็นปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้าย
อันที่จริง มีตระกูลดังและสำนักศึกษาไม่น้อยต่างก็จับอสุรกายร้ายไปฝึกควบคุมก่อน เมื่อรอให้ถึงงานการชุมนุมควบคุมสัตว์ร้าย พวกเขาค่อยแอบให้ลูกศิษย์ของพวกเขาเอง
หนึ่งในนั้นคือตระกูลไป๋หลี่ที่ไร้ยางอาย
การแข่งขันทุกครั้งล้วนเป็นพวกเขาที่เป็นแกนนำในการคดโกง
“หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกใ้หเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ยินหรือ” ไป๋หลี่เจิ้นคำรามออกไป
กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจและทำให้ขวดทั้งหมดตกลงพื้น
นางกล่าวอย่างลำบากใจ “ปล่อยไปหมดแล้ว เหลือเพียงตัวเดียวเท่านั้น ทำเช่นไรดีล่ะ?”
“เจ้า……นังผู้หญิงบ้า เจ้าเป็นใครกันแน่”
“อาจจะยังมีเหลืออยู่บ้าง ถึงอย่างไรเสีย ข้าก็ยังไม่ค้นตัวของเจ้าเลย”
พูดจบ กู้ชูหน่วนก็เริ่มค้นตัวของไป๋หลี่เจิ้นอย่างไม่เกรงใจ
“ยาสูบสีน้ำเงิน? ยาสมุนไพรนี้ไม่เลวเลย ข้าจะเก็บเอาไว้แทนเจ้าเอง”
“ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ อันนี้ดีกว่า น่าเสียดาย ข้าเก็บเอาไว้แทนเจ้าเอง”
“โอ้ ตรงนี้ยังมีอีกหนึ่งขวดนี่ แต่ไม่รู้ว่าข้างในจะมีอสุรกายร้ายอยู่หรือไม่”
“เจ้าห้ามทำอะไรกับขวดนี้เด็ดขาด ได้ยินหรือไม่? หากเจ้ากล้าทำอะไร เช่นนั้นข้าจะตามไล่ล่าเจ้าให้ได้ ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก”
“จริงจังเช่นนั้นเลยหรือ คาดว่าของที่อยู่ในขวดจะต้องเป็นของดีแน่ๆ”
เขาไม่ให้นางเปิดออก
แต่นางกลับอยากเปิด
หลังจากที่เปิดออกมา ข้างในนั้นมีเสือตัวน้อยกลายพันธุ์ที่มีความสามารถระดับสาม
เมื่อเสือตัวน้อยได้รับอิสระ จู่ๆ มันก็ดูโกรธเคืองขึ้นมาก
กรงเล็บเสืออันแหลมคมพุ่งกระโจนใส่คนของตระกูลไป๋หลี่
ทุกครั้งที่อุ้มเท้าเสือกระโจนใส่ คนของตระกูลไป๋หลี่ก็ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
แม้แต่ไป๋หลี่เจิ้นก็ถูกเจ้าเสือน้อยทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน
ซั่งกวนชิงกล่าวด้วยความตกใจ “เจ้าเสือขาวนี้น่าจะเป็นลูกเสือ แต่เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้?”
เซี่ยวอวี่เซวียนมองไปที่การกระทำของกู้ชูหน่วน จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนี้สร้างความบาดหมาง ทำให้ตระกูลใหญ่ทั้งสองต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อีกทั้งยังใช้พญาเสือมาดึงดูดความสนใจของพวกเขา
ในท้ายที่สุดก็ใช้ธูปพิษเป็นอาวุธลับในการทำให้พวกเขาล้มลง
ธูปพิษ……
พิษชนิดนี้ แม้แต่ชาวหุบเขาตันหุยของพวกเขาก็ทำขึ้นได้ยาก
แต่นางกลับทำธูปพิษขึ้นมาได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้
หากได้สั่งสอนละก็ เช่นนั้นจะต้องได้เป็นปรมาจารย์ยอดนักปรุงกลั่นยาคนหนึ่งอย่างแน่นอน
เมื่อมองไปที่เจ้าเสือขาวตัวน้อย เซี่ยวอวี่เซวียนอดไม่ได้ที่จะยืนตัวตรงโดยไม่รู้ตัว
เจ้าเสือน้อยตัวนี้มีรูปร่างอ้วนกลมและน่ารัก
มันเดินบิดไปมา ไม่รู้ว่าเพราะเพิ่งเกิดออกมาหรือไม่รู้จักเดิน
แต่ความสามารถของมันกลับไต่ระดับไปถึงขั้นที่สาม
เพิ่งเกิดออกมาก็มีความสามารถระดับสาม?
หางเสือมีสีขาวบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งสกปรกเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อมองแวบแรกแทบไม่รู้ว่าเป็นเสือ
เสือตัวนี้คือเสือกลายพันธ์ุ?
ไม่……
นอกจากการกลายพันธุ์แล้ว เกรงว่ามันจะมีสายเลือดที่สูงส่งด้วย ไม่เช่นนั้นมันจะเกิดมาด้วยความสามารถระดับสามได้อย่างไร
เสือตัวน้อยอ้าปากและพ่นลูกไฟออกมา ไป๋หลี่เจิ้นถูกเผาจนไหม้ดำเป็นเถ้าถ่านไปทั้งตัว แม้แต่เสื้อผ้าก็ถูกเผาจนไม่เหลือ ซึ่งน่าอนาถกว่าซั่งกวนชิงเสียอีก
ครั้งนี้กู้ชูหน่วนผายมือออกอย่างไร้เดียงสาจริงๆ
“ครั้งนี้ข้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา หากเจ้าจะหาเรื่องก็หาเรื่องมันสิ หรือว่าหาเรื่องแม่เสือที่เกิดมันออกมา”
“ชู่วๆ……”
หลังจากเจ้าเสือน้อยคลุ้มคลั่งเสร็จมันก็เดินบิดไปมาเข้าไปยังกู้ชูหน่วน หัวของเจ้าเสือน้อยถูไถไปมาที่อ้อมแขนของนาง
แม้แต่ลำตัวของมันก็เบียดเข้าไปในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วนโดยไม่ออกไปไหน
นี่……
นี่เกิดอะไรขึ้น?
เจ้าเสือขาวคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่ของมันอย่างนั้นหรือ?
ไม่มีความดุร้ายอยู่เลย
นั่นถือเป็นเสือขาวความสามารถระดับขั้นที่สามเชียวนะ
แต่ผู้หญิงคนนั้น มีชีพจรการต่อสู้เพียงระดับขั้นที่สามเท่านั้น
อสุรกายร้ายมีจิตวิญญาณ ปกติมักจะหาผู้เป็นเจ้าของที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกมัน แต่เหตุใดถึงไปหานางที่เป็นเพียงเศษฟืน?
แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็งุนงงเช่นกัน
นางจับเจ้าเสือน้อยขึ้นมาและโยนออกไปอีกฝั่งอย่างรังเกียจ
“ข้าไม่มีน้ำนมป้อนเจ้า เจ้ารีบกลับไปหาแม่ของเจ้าเถอะ อย่ามาออดอ้อนข้าเลย”
โง่เขลา
ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นคนโง่เขลาแน่ๆ
อสุรกายร้ายความสามารถระดับขั้นที่สามเชียวนะ นี่ถือเป็นความใฝ่ฝันของปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายจำนวนมาก
และเป็นเรื่องน่าอิจฉาของใครหลายคน
ตอนนี้นางไม่ต้องเสียสละอะไรเลยก็ได้เป็นเจ้าของเจ้าเสือที่มีความสามารถระดับขั้นที่สาม แต่นางกลับรังเกียจ
พวกเขากล้าสาบานได้ว่าต่อไปเสือตัวนี้จะต้องมีระดับความสามารถไม่เพียงแค่ระดับขั้นที่สามเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้พวกเขางงเป็นไก่ตาแตกก็คือ เมื่อเผชิญกับความรังเกียจของกู้ชูหน่วน เจ้าเสือน้อยกลับส่งเสียงคำรามและเดินวนไปมาเป็นวงกลม ราวกับกำลังออดอ้อนกู้ชูหน่วนยังไงยังงั้น
แต่กู้ชูหน่วนกลับโยนมันออกไปไกล
ทุกคนต่างพากันจ้องมองด้วยอาการตาค้าง
เมื่อกู้ชูหน่วนปลดเสื้อผ้าของพวกเขาออกจนหมด พวกเขาจึงมีสติกลับมาอีกครั้ง
“สมบัติของพวกเจ้าน้อยเกินไปและข้าก็ต้องการเงิน ข้าจึงต้องปลดเสื้อผ้าของพวกเจ้าเพื่อนำไปแลกเงิน ลาก่อนล่ะทุกคน”
เมื่อพูดจบนางก็เดินจากไป ข้างหลังของนางมีเสือตัวน้อยตัวหนึ่งที่เดินบิดไปบิดมาและหายลับไปในกลางป่า
เป็นเวลานาน ทุกคนจนไม่ได้ที่จะตะโกนด่าทอออกมา
“ฮึ……อย่าให้ข้าจับเจ้าได้นะ ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู”