กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 802
พวกเขาต่างไม่มีใครเห็นสิ่งที่อยู่ในกระจก
และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้ที่ทำให้นายท่านของพวกเขาหวั่นไหวได้ นอกจากพระชายาแล้วก็ไม่มีใครอีก
กระจกบานนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดต่อกันมาของเผ่าหยก ผู้อาวุโสสูงหรือหัวหน้าเผ่าหยกในตอนนี้ได้มอบกระจกส่องวิญญาณให้นายท่าน โดยหวังว่ากระจกส่องวิญญาณจะเผยให้เห็นเส้นสายวิญญาณสุดท้ายของพระชายา และสามารถดึงวิญญาณทั้งหมดกลับมาได้
ไม่เพียงเท่านั้น เผ่าหยกยังถ่ายทอดพลังวิญญาณต้องห้ามบางอย่างให้กับนายท่านด้วย
วิชาต้องห้ามเช่นนี้ สามารถสัมผัสถึงจิตวิญญาณของพระชายาได้
“นายท่าน……” เจี้ยงเสวี่ยส่งสายตาว่ายังต้องการจะฆ่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหรือไม่
เยี่ยจิ่งหานโบกมือ
เจี้ยงเสวี่ยเข้าใจและถอยห่างออกไปในทันที
ชิงเฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถอยออกไปเช่นกัน
ไป๋หลี่เจิ้นกล่าวว่า “ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดเชือดวัว ข้าจะฆ่านางแทนท่านเอง”
“หากท่านฆ่าข้า เกรงว่าผู้ที่เขาจะฆ่าเป็นคนแรกคือท่าน”
กู้ชูหน่วนลูบผมที่หน้าผากของตัวเองและยิ้มอย่างมั่นใจ
หากเมื่อครู่นางกังวลเกี่ยวกับเส้นทางชีวิตของตัวเอง
เช่นนั้นตอนนี้นางก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
“ข้าตามหาวิญญาณทั้งหมดกลับมาให้ท่านแล้ว ท่านปล่อยตระกูลมู่ไป และไม่ต้องถามหาความรับผิดชอบจากข้าอีก ว่าอย่างไร?” กู้ชูหน่วนมองไปที่เยี่ยจิ่งหาน และรอคำตอบจากเขา
เยี่ยจิ่งหานเงียบไม่พูดไม่จา นัยน์ตาที่มืดมนของเขาจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วน
จ้องมองไปที่ผู้คน
คนในตระกูลมู่ไม่รู้ว่าเขาจะฆ่าหรือไม่
ไป๋หลี่เจิ้นกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจกะทันหัน และปล่อยผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไป
กู้ชูหน่วนก็กำลังเดิมพันเช่นกัน
เดิมพันว่าผู้หญิงที่เข้าไปอยู่ที่ระหว่างคิ้วของนาง มีความสำคัญมากสำหรับเขา
หลังจากผ่านไปนาน เยี่ยจิ่งหานก็เปล่งเสียงออกมาจากระหว่างฟัน “หนึ่งเดือน อย่างน้อยหนึ่งเดือน หากเจ้าไม่สามารถตามหาวิญญาณทั้งหมดของนางกลับมาได้ ไม่เพียงแต่เจ้าเท่านั้น แต่ทั้งเก้าชั่วโคตรของตระกูลมู่ก็จะต้องถูกฝังไปด้วยกันกับเจ้า”
หากไม่มีของเหลววิญญาณไท่ยี ต่อให้มีกาขังวิญญาณ วิญญาณของอาหน่วนก็สามารถอยู่ได้สามเดือนเท่านั้น
แต่หากไม่มีกาขังวิญญาณ วิญญาณของอาหน่วนจะสามารถอยู่ในโลกนี้ได้ไม่เกินหนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้น
เขายังต้องเผื่อเวลาไว้ตามหาเส้นสายวิญญาณสุดท้ายและของเหลววิญญาณไท่ยี
“ตกลง หนึ่งเดือนก็หนึ่งเดือน แต่ภายในหนึ่งเดือนนี้ท่านต้องคุ้มกันความปลอดภัยให้ข้า เพราะ……หากข้าตาย ข้าก็ไม่สามารถรับรองได้ว่านางจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
ในขณะที่กู้ชูหน่วนกล่าว นางก็มองไปที่ไป๋หลี่เจิ้น และความหมายในคำพูดของนางก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ไป๋หลี่เจิ้นโกรธ
หากไม่ใช่เพราะเยี่ยจิ่งหานอยู่ที่นี่ จวนมู่ก็คงจะถูกเขาทำลายลงในเวลาเพียงไม่กี่นาที
เยี่ยจิ่งหานส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ในเมื่อไม่ได้ตกลงหรือปฏิเสธ เขาจึงทำได้เพียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้าตาย ทั้งตระกูลมู่ก็อย่าคิดว่าจะได้มีชีวิตอยู่”
“จุ๊ ๆ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็เป็นคนโหดเหี้ยม อะไร ๆ ก็จะฆ่าล้างตระกูล”
“ไป”
ในทันทีที่เขากล่าวว่าไป ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยก็เข็นเยี่ยจิ่งหานจากไป
ผู้คนต่างมองหน้ากัน
ไปเช่นนี้เลยหรือ?
พวกเขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่?
เยี่ยจิ่งหานปล่อยมู่หน่วนไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ไป๋หลี่เจิ้นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในที่สว่างเขาไม่สามารถทำลายตระกูลมู่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงจากไปอย่างโกรธเคือง และเตรียมที่จะลงมืออย่างลับ ๆ
ผู้นำรองและผู้นำสามปาดเหงื่อ
ช่างน่าหวาดเสียวจริง ๆ
ตระกูลมู่ของพวกเขาเกือบจะต้องสูญสิ้น
มู่ซินหน้านิ่วคิ้วขมวด และเป็นกังวลแทนบุตรสาวของตนเอง
ผู้นำตระกูลมู่กล่าวว่า “เจ้าช่างทำให้คนเป็นกังวลเสียจริง เจ้ากล้ายั่วยุผู้ที่เก่งกาจเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ผู้นำรองกล่าวว่า “ผู้นำตระกูล มู่หน่วนเป็นคนสร้างปัญหา พวกเราควรจะตัดสัมพันธ์กับนางเสียแต่เนิ่น ๆ มิเช่นนั้นสักวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็วจวนมู่จะต้องถูกนางลากลงไปล่มจมด้วย”
“ต่อให้จะตัดสัมพันธ์กับข้า หากพวกเขาต้องการจะจัดการกับพวกท่าน พวกเขาก็ยังจะจัดการกับพวกท่านอยู่ดี”
กู้ชูหน่วนหันหลังออกไปจากจวนมู่
“เจ้าจะไปไหน?”
“ในเมื่อที่นี่ไม่ต้อนรับข้า ข้าก็จะออกไปเอง”
ผู้นำสามหยุดนางไว้ “เจ้าทำของเหลวจิตวิญญาณไท่ยี่หายจริง ๆ หรือ?”
“มิเช่นนั้นเล่า?”
“กากเดน เจ้าเห็นจวนมู่เป็นสถานที่อะไรกัน อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนเชื่อฟังเขาที่ไหนกัน นางเดินสะบัดจากไปอย่างอวดดี
ผู้นำสามข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้นำสามของจวนมู่ นางเป็นเพียงคนรุ่นหลัง กล้าทำเช่นนี้กับเขาได้อย่างไร
ผู้นำสามยกฝ่ามือขึ้นและตบกู้ชูหน่วนอย่างแรงในทันที
เขาอยู่ในระดับที่หนึ่ง
แต่กู้ชูหน่วนมีเพียงแค่วรยุทธขั้นเริ่มต้น หากนางดันทุรัง เกรงว่ายากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้
หากนางไม่รับ นั่นจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ
กระบวนท่าของผู้นำสามช่างโหดร้ายจริง ๆ
เมื่อผู้นำตระกูลมู่และมู่ซินต้องการจะยับยั้งก็สายเกินไปแล้ว ฝ่ามือของผู้นำสามรุนแรงมาก
แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นคือไม่เพียงแต่กู้ชูหน่วนจะไม่หลบ แต่ยังตอบโต้ด้วยหนึ่งฝ่ามือ
“ตูม……”
สองฝ่ามือปะทะกัน
กู้ชูหน่วนกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวก่อนที่จะหยุดลงอย่างช้า ๆ
นางยังไม่ตาย เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อีกทั้งฝ่ามือของนางก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้นำสามเลย
ในทางกลับกัน ใบหน้าของผู้นำสามซีดขาว และมองฝ่ามือของตนเองอย่างงุนงง ในนั้นมีเข็มเงินแทรกอยู่
แม้ว่าจะไม่มีพิษ แต่ก็ทำให้เขาเจ็บปวดทรมาน
ผู้คนต่างตกตะลึง
สิ่งที่พวกเขาตะลึงไม่ใช่เข็มเงินในฝ่ามือของกู้ชูหน่วน แต่เป็นความจริงที่ว่าวรยุทธขั้นเริ่มต้นของกู้ชูหน่วน … กลายเป็นวรยุทธระดับห้า
ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสองวัน วรยุทธของนางเพิ่มขึ้นจากระดับที่หนึ่งเป็นระดับที่ห้าได้อย่างไร?
แม้ว่าจะเป็นพรสวรรค์ก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ของเหลววิญญาณไท่ยี……
ใช่ ของเหลววิญญาณไท่ยีจะต้องถูกนางกลืนกินไปอย่างแน่นอน
นอกจากจะเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่ากู้ชูหน่วนจะสามารถเพิ่มวรยุทธอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไร?
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่ซิน
อาหน่วนไม่ได้โกหกเขา นางกินของเหลววิญญาณไท่ยีไปหนึ่งขวดจริง ๆ
“วรยุทธระดับห้า เจ้า……เจ้าทะยานขึ้นไปถึงวรยุทธระดับห้าแล้ว……” ผู้นำสามกล่าวด้วยความประหลาดใจ
หากนางมีวรยุทธระดับห้า เช่นนั้นนางก็ไม่ใช่คนที่ไร้ประโยชน์ ไม่เพียงแต่จะไม่ใช่ แค่ยังเป็นยอดฝีมือในสายตาของพวกเขาตระกูลมู่ด้วย
กู้ชูหน่วนโบกมือและเดินสะบัดออกไปจากจวนมู่ “ท่านลอบโจมตีข้า ข้าจึงมอบเข็มเงินให้ท่านเป็นการตอบแทน มันก็ยุติธรรมแล้ว”
“กากเดน ผู้นำตระกูล ท่านดูกู้ชูหน่วนสิ นางคิดว่าตนเองมีวรยุทธระดับห้าแล้ว จะไม่เห็นหัวใครก็ได้?”
ผู้นำตระกูลมู่กล่าวอย่างไม่เกรงใจ “นางหยิ่งผยองจริง ๆ แต่หากวรยุทธของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกสองระดับ เจ้าก็สามารถไม่เห็นหัวใครก็ได้เช่นกัน”
“ผู้นำตระกูล……”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตระกูลมู่อ่อนแอ พวกเราควรจะสามัคคีกัน เพื่อไม่ให้คนภายนอกมารังแก มู่ซิน เจ้าเป็นคนหามู่หน่วนพบ ลองถามนางว่านางต้องการให้พวกเราช่วยเหลืออะไร หากคุณชายเยี่ยผู้นั้นต้องการตามหาพวกเราจวนมู่ เขาจะต้องหาเจออย่างแน่นอน
“ใช่”
ด้านนอกจวนมู่
ไม่นานหลังจากที่กู้ชูหน่วนออกไป นางก็ถูกลอบสังหาร
และผู้ที่ลอบสังหารนางก็สวมผ้าคลุมหน้า จึงมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตา แต่พวกเขาลงมืออย่างโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี กู้ชูหน่วนไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นคนที่ไป๋หลี่เจิ้นส่งมาจัดการกับนาง
เป็นอย่างที่นางคิดไว้ ชายที่สวมหน้ากากไม่ได้มาช่วยนาง
อย่างไรก็ตาม หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยยังจัดการไม่ได้ แล้วจะพูดถึงเรื่องที่จะช่วยเขารวบรวมวิญญาณได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะกำจัดมือสังหารเหล่านั้น
โชคดีที่ตอนนี้นางมีวรยุทธระดับที่ห้าและมีอาวุธลับอยู่ที่ตัว มิเช่นนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองจากการลอบสังหารในครั้งนี้ได้อย่างไร
รอดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ ไม่รู้เลยว่าครั้งต่อไปจะรอดไปได้หรือไม่
สถานที่ที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
กู้ชูหน่วนปลอมตัวเป็นคนรับใช้ของตระกูลไป๋หลี่ นางปะปนเข้าไปในหมู่คนรับใช้ และติดตามคนของไป๋หลี่เจิ้นกลับไปที่ตระกูลไป๋หลี่