กู้ชูหน่วนวางถ้วยน้ำชาในมือลงและยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าอยากเป็นเศรษฐีอย่างนั้นหรือ?”
“ทำไมหรือ เจ้ามีวิธีทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอย่างนั้นหรือ?”
หนิงเทียนโย่วพูดขึ้นอย่างดูถูกเหยียดหยาม “หากนางมีวิธีทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีจริง ตระกูลมู่จะยากจนถึงขั้นนั้นหรือ?”
รอยยิ้มของท่านผู้เฒ่าหนิงหยุดชะงักลง
ใช่ ตระกูลมู่แย่กว่าพวกเขาหลายสิบเท่า ได้ยินมาว่ารายจ่ายในจวนแต่ละวันก็ค่อนข้างลำบาก
รอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปากของกู้ชูหน่วน นางหยิบวงแหวนอวกาศขึ้นมาและใช้จิตเพื่อกระตุ้น ทันใดนั้นยาจื่อหยางก็แตกออกมาและปรากฏขึ้นตรงหน้าของท่านผู้เฒ่าหนิง
“วงแหวนอวกาศ เจ้ามีวงแหวนอวกาศอย่างนั้นหรือ? เป็นเพียงตระกูลมู่ที่ต่ำต้อยแต่กลับมีของล้ำค่าเช่นนี้? เจ้าคงไม่ได้แอบขโมยมาจากที่ไหนหรอกนะ” หนิงเทียนโย่วกล่าว
กู้ชูหน่วนวางมือเท้าคางโดยไม่สนใจคำพูดของเขา เพียงแค่ทำหน้าบูดบึ้ง “ข้าเอาวงแหวนอวกาศมาจากไหนไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ พวกเจ้าคิดว่าของสิ่งนี้มีค่าหรือไม่”
ท่านผู้เฒ่าหนิงหยิบขวดยาออกมาหนึ่งขวดด้วยความสงสัยและเปิดออก กลิ่นหอมของยาสมุนไพรหอมอบอวลไปทั่วทั้งห้องรับรอง
“ยาจื่อหยาง ยาจื่อหยางที่ไม่มีสิ่งอื่นเจือปน ยาอายุวัฒนะนี้บริสุทธิ์กว่ายาอายุวัฒนะที่ตระกูลซั่งกวนปรุงกลั่นออกมาเสียอีก”
“นี่คือยาบรรลุเป้า เป็นยาครอบจักรวาลชั้นหนึ่ง ยานี้สามารถเพิ่มพละกำลังขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่มีเส้นชีพจรการต่อสู้ขั้นเก้า เพียงแค่กินเข้าไปก็จะบรรลุไปยังระดับหนึ่งได้”
ท่านผู้เฒ่าหนิงคำนวณคร่าวๆ ยาจื่อหยางรวมกับยาบรรลุเป้าอย่างน้อยจะได้ประมาณหนึ่งร้อยกว่าเม็ด
ตระกูลหนิงก็ถือเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงและน้อยครั้งนักที่พวกเขาจะได้เห็นยาอายุวัฒนะมากเช่นนี้
หนิงเทียนโย่วกลืนน้ำลาย “มู่หน่วน เจ้าไม่ได้แอบขโมยมาจากตระกูลซั่งกวนหรอกนะ?”
“หากแอบขโมยมาจากตระกูลซั่งกวน เจ้าคิดว่าจากนิสัยที่เกรี้ยวกราดของซั่งกวนชิงแล้ว ในเมืองหลวงนี้คงไม่ยุ่งเหยิงอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าได้มาจากที่ใดกัน?”
“เรื่องนี้น่ะหรือ เป็นความลับที่อาจบอกได้ ข้าเพียงถามพวกเจ้าว่าอยากได้ยาอายุวัฒนะนี้หรือไม่”
“อยากได้สิ” แต่อย่างน้อยก็ควรรู้ที่มาที่ไปให้ชัดเจนเสียหน่อย
“พวกเจ้าต้องการ เช่นนั้นก็มอบให้กับพวกเจ้า”
ไม่เพียงแค่หนิงเทียนโย่วที่ตกตะลึง
แม้แต่ท่านผู้เฒ่าหนิงก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
มอบยาอายุวัฒนะมากมายเช่นนี้ให้พวกเขาหรือ?
แม้ว่ายาจื่อหยางจะไม่ได้เป็นยาที่สามารถเพิ่มระดับความสามารถ แต่ก็ถือเป็นยาศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บ
แม้ว่ายาระดับหนึ่งจะเป็นยาชั้นล่างสุด แต่ในตลาดการค้าขายยังคงนับว่าเป็นที่ต้องการอย่างมาก นางมอบให้จำนวนมากเช่นนี้ นับว่าช่างใจกว้างเสียเหลือเกิน
หนิงเทียนโย่วรีบกล่าว “มู่หน่วน เจ้าพูดจริงหรือ?”
“แน่นอนสิ”
หนิงเทียนโย่วมองไปที่ท่านปู่ของเขาอย่างมีความสุข ดวงตาที่ร้อนแผ่วของเขาเห็นได้ชัดในตัวเอง
ท่านผู้เฒ่าหนิงวางยาอายุวัฒนะลงและเขากล่าวอย่างเรียบเฉย “ได้รับค่าตอบแทนโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แม่นางมู่ให้ยาอายุวัฒนะมามากมายเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรต้องการให้พวกข้าช่วยเหลือหรือไม่?”
“ก็แค่ถูกชะตากับเจ้า อยากจะเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง”
แค่นี้เองหรือ?
เหตุใดท่านผู้เฒ่าหนิงกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
ต่อให้อยากเป็นมิตรกัน มอบให้เพียงสี่ห้าเม็ดก็ได้แล้ว จำเป็นต้องมอบให้มากมายเช่นนี้เลยหรือ?
กู้ชูหน่วนยิ้ม “แน่นอน อีกไม่นานข้าจะไปที่สำนักศึกษาอี้เหอแล้ว หากข้าโชคร้ายและถูกคนที่นั่นรังแกเข้า เช่นนั้นท่านผู้เฒ่าหนิงได้โปรดดูแลและคุ้มครองข้าด้วย”
สิ่งที่กู้ชูหน่วนอยากจะพูดก็คือ หากนางไม่สามารถรวบรวมวิญญาณทั้งหมดได้และชายสวมหน้ากากมาแก้แค้นนาง เช่นนั้นเขาสามารถช่วยเหลือและออกหน้าแทนนางได้
ท่านผู้เฒ่าหนิงถามขึ้นอีกครั้ง “เพียงเท่านี้เองหรือ?”
กู้ชูหน่วนจงใจแสดงความไม่พอใจ “ทำไมหรือ หรือว่าท่านคิดว่าข้าสนใจในตัวท่านอย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงแค่เห็นว่าท่านมีเมตตาและกรุณา เหมือนกับท่านปู่ของข้าก็เท่านั้น”
“ปู่ของเจ้า? มู่จั่น?”
“แอ่ม……แล้วแต่จะคิด หากท่านไม่อยากได้ เช่นนั้นข้าจะนำยาอายุวัฒนะกลับคืนมา เพื่อท่านจะได้ไม่คิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี”
“อย่า มิตรอย่างเจ้าข้าต้องผูกสัมพันธ์อย่างแน่นอน เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะไม่ให้เจ้าเสียเปรียบมากเกินไป ข้าจะให้หลานชายของข้าหนิงเทียนโย่วแต่งงานกับเจ้า ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าก็คือหลานสะใภ้ของข้า”
“อะแอ่ม……”
กู้ชูหน่วนเกือบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง
หนิงเทียนโย่วก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน
“ท่านปู่……ยาเพียงไม่กี่เม็ดท่านก็ขายหลานชายของตัวเองอย่างนั้นหรือ”
“ไม่กี่เม็ดอย่างนั้นหรือ? นี่มีร้อยกว่าเม็ดเกือบจะสองร้อยเม็ดเชียวนะ อีกอย่าง แม่นางมู่ก็หน้าตาสละสลวย อ่อนโยนและเชื่อฟังอย่างดี ไม่เหมาะสมกับเจ้ายังไง”
ความงดงามของนางก็พอจะรับได้
แต่อ่อนโยนและเชื่อฟัง?
ท่านปู่ตาบอดหรืออย่างไร?
นางอ่อนโยนตรงไหนกัน?
เชื่อฟังตรงไหนกัน?
หนิงเทียนโย่วกำลังจะปฏิเสธ จากนั้นกู้ชูหน่วนก็กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “เอ่อ ท่านผู้เฒ่าหนิง เรื่องการแต่งงานคงไม่ต้องหรอก”
“อ้อใช่ เจ้าและซั่งกวนหมิงหลางยังมีการหมั้นหมายต่อกัน เช่นนี้แล้วกัน วันหลังข้าจะไปที่บ้านของตระกูลซั่งกวนแทนเจ้าและยกเลิกการหมั้นหมายแทนเจ้าเอง”
กู้ชูหน่วนกลอกตา ตาแก่นี่ คิดจริงจังไปแล้วหรืออย่างไร?
“ตระกูลซั่งกวนเป็นตระกูลใหญ่โตและมีชื่อเสียง หากปฏิเสธยกเลิกการหมั้นหมายกะทันหันจะต้องทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาถูกทำลายแน่ๆ”
“วางใจได้ ข้าจะคิดหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อทุกฝ่าย โดยไม่ให้พวกเขาเสียเกียรติและไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“ตามใจท่านเถอะ ถึงอย่างไรเสียตอนนี้ข้าก็ไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น”
ช่วยนางจัดการยกเลิกการหมั้นหมายก็ดี นางไม่ได้สนใจพิศวาสเจ้าซั่งกวนหมิงหลางคนนั้นเลยสักนิด
วงแหวนอวกาศยังคงเพิ่มราคากันอย่างดุเดือด
เยี่ยจิ่งหานโกรธเล็กน้อย “ไปบอกตระกูลไป๋หลี่ว่าหากยังกล้าประมูลอีก ให้พวกเขาพิจารณาเองแล้วกัน”
“ขอรับ” ชิงเฟิงรับคำสั่งและออกไป
เจี้ยงเสวี่ยเป็นกังวลเล็กน้อย “นายท่าน อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่รัฐเยี่ย หาก……หากยังประมูลต่อไปอีก เราจะไม่มีเงินแล้วนะขอรับ”
“ไปยืมเงินมาจากผู้นำตระกูลไป๋หลี่”
“แต่ตระกูลไป๋หลี่ก็อยากได้วงแหวนอวกาศไม่ใช่หรือขอรับ? เขาจะให้เรายืมเงินหรือ?”
“วางใจได้ เขาให้ยืมแน่” เยี่ยจิ่งหานมีความมั่นใจมาก
ภายในห้องรับรองตระกูลไป๋หลี่
ไม่นานนักไป๋หลี่เจิ้นก็ได้รับข่าวว่าไม่อนุญาตให้พวกเขาทำการประมูลอีกต่อไป อีกทั้งยังนำเงินไปส่งให้กับเยี่ยจิ่งหาน
ทำให้ไป๋หลี่เจิ้นโกรธจนถีบโต๊ะกระเด็นออกไป
ไป๋หลี่อวิิ๋นเย่ว์กล่าวว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อผู้นำตระกูลออกคำสั่งเช่นนี้ งั้นเราก็ปฏิบัติตามเถอะ ประมูลไปจนถึงแปดสิบล้านตำลึงแล้ว ต่อให้เจ้าได้ครอบครอง เจ้าจะมีเงินจำนวนมากเช่นนั้นมาจ่ายอย่างนั้นหรือ?”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เบือนหน้าหนีไป
ทันใดนั้น มันก็หนีไปจากข้อมือของไป๋หลี่เจิ้นและเลื้อยไปยังห้องรับรองหมายเลขสาม
ไป๋หลี่เจิ้นโมโห “ราชางูเหลือม……มันไปได้อย่างไร? คงไม่ได้โกรธหรอกกระมัง? ปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้าย เร็วเข้า รีบช่วยข้าจับมันเอาไว้”
ปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายกล่าว “ราชางูเหลือมกล่าวว่า มันจะไปเดินเล่นที่ห้องรับรองหมายเลขสามประเดี๋ยวและจะกลับมา มันบอกว่าอย่าตามมันไป ไม่เช่นนั้นมันจะโกรธมาก”
ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กล่าวอย่างลังเล “นับว่าเป็นอสุรกายดุร้ายระดับห้าจริงๆ ช่างมีวิญญาณรับรู้ได้”
“แน่นอน ไม่ดูหน่อยหรือว่านี่คืองูอะไร” ไป๋หลี่เจิ้นตอบด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้ยอมจำนนและติดตามเขาเสียแล้ว
ภายในห้องรับรองหมายเลขสาม
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แอบเข้าไปได้แล้วและเตรียมจะกัดเขาอย่างโหดเหี้ยมสักครั้ง เพื่อให้เขาจะได้ไม่กล้าประมูลราคากับตัวเองอีก
แต่เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นเป็นเยี่ยจิ่งหาน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เกือบจะเป็นลมล้มลงไป
ใช่ ใช่ ใช่……เขา
เป็นเขาไปได้อย่างไร……
การได้ยินของเยี่ยจิ่งหานดีมาก การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของเขาไปได้
ในขณะที่เงยหน้าขึ้นและเห็นเข้ากับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ทำให้เขาก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ได้พบกับเพื่อนเก่าในต่างรัฐ
หัวใจของเยี่ยจิ่งหานและเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต่างเต้นแรงขึ้น
โดยเฉพาะเยี่ยจิ่งหาน
ปีนั้นหลังจากที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไล่ตามดวงวิญญาณที่ลอยล่องไปของอาหน่วน จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ อีกเลย หลายปีมานี้ไม่ว่าเขาจะค้นหาอย่างไรก็ไม่สามารถหาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจอ
มีบางครั้งที่เขาแอบคิดสงสัยว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอกันที่นี่
มันเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของกู้ชูหน่วนและจับเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ของอาหน่วน