กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 805
กู้ชูหน่วนรู้สึกไร้ความหมายไร้ประโยชน์ ตอนที่กำลังคิดจะออกไป ฝ่าเท้าไม่ระวังเลยเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ลื่นๆ
นางตกใจ แล้วก้มศีรษะลงมอง
พอมองดู นางแทบจะเป็นลม
ใหญ่…..
งูใหญ่มาก….
งูตัวนี้ใหญ่ยาวราวสิบเมตร ขนตัวทุกส่วนขนาดใหญ่อยู่ที่ห้องหิน
เพราะแสงมืดสลัว อีกทั้งงูเป็นสีเขียวเข้มทำให้ไม่เห็น
สิ่งที่ทำให้กู้ชูหน่วนหวาดผวาคือ คิดไม่ถึงว่างูตัวนี้จะมีเก้าหัว ทุกหัวจะมีขนาดความใหญ่ประมาณหมู แทบไม่อยากจะคิดเลย หากว่าอ้าปากขนาดใหญ่ขึ้น ปากนี้จะสามารถกลืนกินคนคนหนึ่งได้เลยไหม
ราชางูเหลือมหยกเก้าเศียร….
หรือว่านี่คือราชางูเหลือมระดับห้าในปากของไป๋หลี่เจิ้น?
จากพละกำลังความสามารถของนางตอนนี้ ปะทะกับระดับห้า จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ท้องของงูเก้าเศียรกลมป่อง ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วกินหมูย่างไปตั้งเท่าไหร่ มันนอนอย่างสบายใจ หลังจากที่มันถูกเหยียบแล้ว มันพลิกตัวแล้วนอนอย่างต่อเนื่อง ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมองเลย
กู้ชูหน่วนทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จิตใจไม่สงบ เขย่งเท้าย่องเบาออกจากห้องหิน เพราะกลัวจะทำให้งูเก้าเศียรตัวนี้ตื่น
ขาข้างสุดท้ายออกมาจากห้องหินแล้ว กู้ชูหน่วนแทบอยากจะปิดประตูลับของห้องหิน
ทันใดนั้น ได้มีเสียงซือๆดังขึ้นจากห้องลับ
กู้ชูหน่วนชะงักงัน หันกลับไปมอง แต่ทว่ากลับได้มองเห็นงูเก้าหัวที่ไม่รู้ว่าตื่นตอนไหน มันยืดเก้าหัวของมันขึ้นกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงหน้านาง
งูเก้าหัวกำลังพินิจพิจารณานาง มันยืดหัวชะโงกขึ้นดมกลิ่นนางเป็นบางเวลา
กู้ชูหน่วนกระสับกระส่าย
จากนั้นพลิกฝ่ามือ แล้วพุ่งอาวุธลับออกไป
“ปังๆๆๆๆ….”
ไม่รู้ว่าตัวของงูเก้าหัวนี้มีลักษณะแบบไหน อาวุธลับของนางไม่เพียงแต่ทำร้ายไม่ได้ กลับสั่นสะเทือนกระจายลอยทั้งหมดด้วย
กู้ชูหน่วนยึดยกไม้ตะบองทองขึ้นมาอีกด้าน แล้วทำท่าทำทางไปที่หัวของงูเก้าหัวอย่างเหี้ยมโหด
“อย่าเข้ามานะ เข้ามาอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
“ซือๆ….”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้เข้าไป เพียงแต่ดวงตาของงูเก้าหัวมีอาการสะลึมสะลือสับสน
ราวกับว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
มันโค้งงอหัว ด้วยท่าทางน่ารัก
แต่เมื่อบวกกับร่างกายใหญ่โต มันทำให้คนชื่นชอบไม่ได้หรอก กลับทำให้คนรู้สึกกลัวมากกว่า
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่างูเก้าหัวนี้แท้จริงแล้วกำลังคิดอะไร
มันไม่ได้จู่โจม แต่นางเดินเก้าหนึ่ง งูเก้าหัวก็ตามด้วย ระยะห่างทุกครั้งจะห่างกับนางอยู่ที่ประมาณครึ่งเมตร
ตอนที่นางเผลอ งูเก้าหัวจึงโผเข้ามา ดมกลิ่นร่างกายของนางไม่หยุดหย่อน
ราวกับว่าจะดมอะไรออกมาจากร่างกายได้
กู้ชูหน่วนโมโหเล็กน้อย
“เจ้าคงไม่ใช่งูตัวผู้หรอกนะ อีกทั้งเป็นงูกามตัณหา ?ข้าจะบอกเจ้านะ ข้าไม่มีความหลงระเริงแบบนั้น เจ้าออกไปห่างๆจากข้าเลย ไม่อย่างนั้นอย่าโทษข้าที่ตัดเก้าหัวของเจ้าลงมา แล้วต้มซุปหัวงูกิน”
“ซือๆๆๆ….”
คำนี้เป็นคำข่มขู่
และไม่น่าฟังเป็นอย่างมาก
และทันทีที่งูเก้าหัวได้ฟังคำนี้จึงได้ตื่นตระหนกวู่วามขึ้นมา ลำตัวขนาดใหญ่ไม่หยุดที่จะเข้าใกล้ จนกระทั่งใช้ร่างของงูพันรัดกู้ชูหน่วนไว้ ดมกลิ่นตัวของกู้ชูหน่วนอย่างกำเริบเสิบสาน
งูน้อยเก้าหัวยิ้ม
ห่างกันสามปี ได้เจอนายท่านอีกครั้ง มันเลยไม่สามารถกลั้นความปิติยินดีได้
งูบิดตัว มันอยากจะเข้าไปออดอ้อนในอ้อมกอดของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนรักษาระยะห่างกับมัน จึงกล่าวขึ้นว่า“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าสูญเสียความทรงจำ?แล้วก็ เมื่อก่อนข้าก็เคยสูญเสียความทรงจำหรือ?”
“แน่นอนสิ ครั้งก่อนนายท่านสูญเสียความทรงจำครั้งหนึ่ง ครั้งนี้สูญเสียความทรงจำมากกว่าครั้งก่อนอีกนะ”
อย่างน้อยครั้งก่อนก็ไม่ได้เปลี่ยนร่างกาย
ครั้งนี้แม้แต่ร่างกายยังเปลี่ยน
“เช่นนั้นเมื่อก่อนข้าเป็นคนอย่างไร?เป็นอย่างที่พวกเขาบอกว่าขี้ขลาด ไม่เก่งบู๊บุ๋น เป็นผู้ที่ไร้ประโยชน์โดยกำเนิดหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนไม่เชื่อว่านางเป็นคนเยี่ยงนั้น
หากเป็นเช่นนั้น แล้วความทรงจำเกี่ยวกับวิชาหลอมยากับลักษณะพิเศษของเครื่องปรุงยาสมุนไพรมาได้อย่างไร?
นางรู้ซึ้งวิชาหลอมยาดี เกรงว่าจะประณีตละเอียดมากกว่าตระกูลไป๋หลี่ด้วยนะ
“นายท่านละเอียดใจกล้า เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋นเป็นบุคคลที่อัจฉริยะบนโลก นายท่านเป็นนายท่านที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้”
“เอ่อ….เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงพูดเช่นนั้นล่ะ?”
“นั่นเป็นเพราะดวงตาของพวกเขาถูกขี้ตาทำเลอะเลือนแล้ว”
“……”
งูเก้าหัวตัวนี้ดูแล้วน่ารักอ่อนโยน แต่เวลาพูดคุยกลับหยาบโลน
“เช่นนั้นเจ้าล่ะ เพราะเหตุใดเจ้าถึงได้กลายเป็นสัตว์ตัวโปรดของข้า?เป็นข้าที่ปราบเจ้า?”
“ไม่ใช่ เป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่ยินยอมตามท่าน ตอนที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เด็ก ท่านเคยช่วยชีวิตข้าไว้”
“เช่นนั้นฐานะชาติตระกูลของข้า เป็นคุณหนูสามของจวนมู่จริงหรือไม่?”
ครั้งนี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ตอบคำถามของนาง อีกทั้งหดตัวอยู่ข้างเท้าของนางอย่างว่าง่าย
มันยิ้ม และกล่าวขึ้นว่า“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รู้เพียงว่า ท่านเป็นนายท่านของข้าตลอดไป”
ความน่ารักออดอ้อนของมันทำให้เกาะป้องกันในใจของกู้ชูหน่วนค่อยๆลดลง จากนั้นจับมันขึ้นมาวางไว้ในมือ
ร่างกายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เปลี่ยน จากเก้าหัวกลายเป็นหนึ่งหัวทันที ตัวก็กลายเป็นเล็กเหมือนตะเกียบ หดอยู่บริเวณข้อมือของกู้ชูหน่วนแล้วหลับไป
การกระทำของมันคุ้นเคย ราวกับเมื่อก่อนนอนหลับด้วยท่านี้อยู่เป็นประจำ
กู้ชูหน่วนยิ้ม นางจิ้มแตะที่ตัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า“อยากให้ข้ารับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องคิดหาวิธี เอาสิ่งของของหอเจินเป่าออกไปให้ข้า”
“เอาเข้าไปในวงแหวนอวกาศก็จบแล้ว”
“ข้าคิดว่าเจ้าคิดไม่ถึง จุดสำคัญคือหาวงแหวนอวกาศไม่เจอ”
“เลี้ยวขวาไปอีกห้าร้อยเมตร ตรงไปสามร้อยเมตร เลี้ยวซ้ายสี่ร้อยเมตร เลี้ยวขวาไปห้าร้อยเมตร มาที่ห้องลับแล้วเปิดออก… อ่า…”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ปวดหัว มันเห็นกู้ชูหน่วนตบที่หัวอย่างไม่เกรงใจ พร้อมกับทำสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าคือนายท่านเจ้า ไม่ใช่ทาสรับใช้ของเจ้า นำทางเอง”
“สามปีไม่เจอกัน นายท่านเหตุใดท่านถึงได้ใจอำมหิตกว่าเมื่อก่อน”
“จะนำทางหรือไม่”
“นำก็นำ แต่มอบรางวัลแก่ข้าสักหน่อยได้หรือไม่”
“เจ้าอยากได้รางวัลอะไร?”
“หมูย่างหนึ่งร้อยตัว”
“หนึ่งร้อยตัว?ร่างน้อยๆของเจ้านี่ ไม่กลัวที่จะอิ่มตายเลย”
“ไม่อิ่มตายหรอก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินได้ แม้หมูย่างที่ตระกูลไป๋หลี่ทำจะอร่อยนะ แต่ไม่สู้หนึ่งในร้อยของนายท่านหรอก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากกินที่นายท่านย่าง”
มันพูดแล้ว เลียลิ้นอย่างตะกละตะกลาม ไม่รู้ว่าอยากหมูย่างมานานแค่ไหนแล้ว
“หนึ่งร้อยตัวมันเยอะเกินไป หากเจ้าช่วยข้าหาวงแหวนอวกาศได้ และย้ายขนเอาของที่นี่ไปทั้งหมด ข้าสามารถย่างให้เจ้าได้หนึ่งตัว”
“ห๊ะ….หนึ่งตัวเอง น้อยเกินไปไหม”
“รังเกียจที่มันน้อยเจ้าไม่เอาก็ได้นะ”
สีหน้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พังทลายลง ด้านหนึ่งบิดตัวอันยั่วยวน อีกด้านทำเสียงบ่น
สามปีก่อนหน้า หลังจากที่จิตวิญญาณของนายท่านบินไปจากเผ่าหยก ก็ล่องลอยอยู่ระหว่างฟ้าและดินอย่างไร้จุดหมาย
ต่อมาถูกคนมีใจเจตนาจับได้ ต้องการหลอมละลาย
โชคดีที่จิตวิญญาณของนายท่านแข็งแกร่ง จิตใจแน่วแน่ยืนหยัด ถึงไม่ได้ถูกหลอมละลายโดยสมบูรณ์ แต่ดวงวิญญาณของนางไม่เหมือนเมื่อก่อน ถูกคนหลอมจนแทบจะจำไม่ได้แล้ว