ตอนที่เงาดำเข้าใกล้นางทีละก้าว กู้ชูหน่วนเลยพลิกตัว หาที่สบายๆนอนต่อ ปากก็บ่นพึมพำว่า“เสี่ยวหูเตี๋ย ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราปลอดภัยแล้ว”
ลูกน้องของเหวินเส่าอี๋รวบรวมพลังฝ่ามือ อยากจะตบกู้ชูหน่วนให้ตายดิ้น
ทันใดนั้นเหวินเส่าอี๋ได้กล่าวขึ้นว่า“ช่างเถิด ชีวิตของนางฝากเก็บไว้ก่อน พวกเราไปกัน”
“ขอรับ”
“ฟิ้วๆ….”
ลมอันมืดมนพัดโชยผ่าน เหวินเส่าอี๋กับลูกน้องหายไปในทันใด แม้แต่แยกจากไปอย่างไรยังไม่รู้เลย
กู้ชูหน่วนลืมตาขึ้นช้าๆ อ้อยอิ่งอยู่สักครู่แล้วนั่ง
ชู่ว์….
ยังดีที่นางฉลาด ไม่อย่างนั้นไม่มีหัวที่ตั้งบนคอนี้แล้ว
เสี่ยวหูเตี๋ยไปแล้ว นางอยู่ที่นี่ ต่อให้โดดลงแม่น้ำหวงเหอ ก็ไม่สามารถอธิบายอย่างชัดเจนกับชนพื้นเมืองกลุ่มนั้นได้
งั้นกู้ชูหน่วนเลยคลำความมืดออกไปเสียเลย
ชนพื้นเมืองมีคนดูแลเวรยามช่วงกลางคืน โชคดีที่ในมือของกู้ชูหน่วนยังมีผงชวนพิศวาสอยู่บ้าง จึงทำให้ชนพื้นเมืองสลบไป และตนเองถึงหนีออกมาได้
แต่น่าเสียดาย
นางหนีมาจากเผ่าชนพื้นเมืองได้ แต่ทว่ากลับหนีออกจากหุบเขาใหญ่ไม่ได้
หุบเขาที่นี่เชื่อมต่อกัน นางเดินมาสองวันแล้ว ยังออกไปไม่ได้ นางเหนื่อยเกือบจะทำตนเองเป็นอัมพาตละ โชคดี เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยมาถึงทันเวลาและพานางออกไปได้
“นายท่าน สำนักศึกษาอี้เหอเปิดเรียนแล้ว ท่านต้องการไปสำนักศึกษาอี้เหอหรือไม่?”
“เปิดเรียนวันแรกหรือ?เช่นนั้นข้าพลาดเวลาสมัครสอบหรือไม่?”
“คนอื่นจะเข้าสำนักศึกษาอี้เหอต้องสอบทีละด่าน ส่วนท่านนะ เข้าโดยเล่นเส้นสาย ข้าดูรายชื่อแล้ว มีชื่อท่าน”
“แหะ ท่านผู้เฒ่าของตระกูลหนิงมีความสามารถอยู่เหมือนกันนะ ไปกัน พวกเราไปที่สำนักศึกษาอี้เหอกัน”
“นายท่าน ต่อไปเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สามารถอยู่ข้างกายของท่านได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่ได้ ตระกูลไป๋หลี่ยังไม่สูญเสียเงินทองจนหมดตัวเลย”
“อะไรนะ?”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มึนงง
พวกเขาหลอกเงินตระกูลไป๋หลี่มากมาย ไม่ใช่ยังคงต้องหลอกอีกนะ?
หลอกต่อไป หนังงูของพวกมันต้องถูกถลกแล้ว
“นายท่าน วงแหวนอวกาศครั้งก่อนหลอกเงินพวกเขาตั้งมากมาย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่กล้ากลับไปหรอก”
“เจ้าฉลาดขนาดนี้ จะต้องมีวิธีทำให้พวกเขาเชื่อใจเจ้าอีกเป็นแน่แท้ เด็กดี แอบแฝงอยู่ในตระกูลไป๋หลี่ดีๆนะ”
หลังจากเข้ามาสู่นครหลวง กู้ชูหน่วนก็ได้ถีบเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกห่าง จากนั้นได้หิ้วเอาเจ้าเสือน้อยมุ่งตรงไปที่สำนักศึกษาอี้เหอ
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สีหน้าเศร้าสร้อย
การมาของเจ้าเสือน้อยทำให้มันหมดสิ้นความโปรดปราน
หรือว่าหลังจากที่นายท่านสูญเสียความทรงจำ ความรู้สึกนิสัยก็เปลี่ยนไปมาก เพราะฉะนั้นมันเลยสิ้นความโปรดปรานหรือ?
ตอนที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อารมณ์จมดิ่ง เสียงของกู้ชูหน่วนได้ดังลอยล่องมาอีกครั้ง
“เมื่อข้าตั้งหลักที่สำนักศึกษาอี้เหอได้ ข้าจะไปรับเจ้ากลับมา”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดีใจ ยิ้มแก้มปริออกมา จากนั้นจึงงุ่มง่ามกลับไปที่ตระกูลไป๋หลี่
สำนักศึกษาอี้เหอเปิดเรียนวันแรก ที่นี่มีผู้คนมากมาย และล้วนมีคนทุกรูปแบบ
ในนั้นแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ หนึ่งคือลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์
และอีกหนึ่งคือลูกหลานคนธรรมดา
ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์สง่าผ่าเผย ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มองบัณฑิตที่เป็นคนธรรมดาด้วยสายตาเหยียดหยาม จนกระทั่งยังมีคนสูงศักดิ์อีกหลายคนที่ดูถูกเหยียดหยามและล้อเลียนบัณฑิตธรรมดาเพราะทรัพย์สมบัติ
พอกู้ชูหน่วนเข้าไป สายตาดูถูกเหยียดหยามต่างพากันมองมา โดยเฉพาะบัณฑิตที่เป็นเหล่าลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์
“คนไร้ประโยชน์ผู้นี้เข้ามาที่สำนักศึกษาอี้เหอได้อย่างไร ไม่ใช่บอกว่าวันนี้ไม่ให้นางเข้ามาแล้วหรือ?”
“ท่านยังไม่รู้หรือ?เล่ากันว่าพวกเขาไปขอร้องอ้อนวอน สุดท้ายเข้ามาด้วยเส้นสาย”
“มีเส้นสายเข้ามาแบบไม่ถูกต้อง ข้าว่าแล้วเชียว ความสามารถอย่างคนไร้ประโยชน์เช่นนี้จะเข้ามาที่สำนักศึกษาอี้เหอได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนขี้เกียจจะสนใจว่าคนอื่นนั้นพูดถึงนางอย่างไร
นางเห็นคนผู้หนึ่งไกลๆ เซี่ยวอวี่เซวียน
กู้ชูหน่วนสาวเท้าไปข้างหน้าและจับไหล่ของเซี่ยวอวี่เซวียน จากนั้นกล่าวขึ้นว่า“เสี่ยวเซวียนเซวียน พวกเราเจอกันอีกแล้ว เจ้ามาสมัครสำนักศึกษาอี้เหอหรือ?”
เซี่ยวอวี่เซวียนหันกลับมา เห็นว่าเป็นกู้ชูหน่วน ริมฝีปากแย้มขึ้นเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าหุบเขาเจียงเจ๋อซานไม่สามารถปิดล้อมนางได้
“ข้าแวะมาดู”
มาดูว่านางปลอดภัยหรือไม่
ส่วนสมัครสำนักศึกษาอี้เหอ เขาไม่ได้มีความสนใจหรอก
“สำนักศึกษาเก่าแห่งหนึ่งมีอะไรน่าดู อีกสามวันก็การชุมนุมควบคุมสัตว์ร้ายแล้ว พวกเราสองคนเข้าสำนักศึกษา แล้วยืมสำนักศึกษาเข้าร่วมการชุมนุมควบคุมสัตว์ร้ายกันเถิด”
แม้ว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้อยากจะเข้าร่วมการชุมนุมควบคุมสัตว์ร้าย แต่ทว่าไม่มีผู้ใดที่กล้ากล่าววาจาแสดงออกมาอย่างเปิดเผยเลย
นางกล้าหาญมาก
อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ยังกล้าที่จะพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้
เซี่ยวอวี่เซวียนมองกู้ชูหน่วน ยิ่งรู้สึกว่านิสัยคล้ายกับแม่สาวอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก
“ปึก….”
ทันใดนั้นได้มีร่างหนึ่งถูกเตะอย่างแรงมาอยู่ตรงเท้าของกู้ชูหน่วน พละกำลังนั่นมหาศาล ทำให้คนที่อยู่ตรงเท้าของกู้ชูหน่วนไอกระอักอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“หลินหย่วน เป็นเจ้าได้อย่างไร”กู้ชูหน่วนกล่าวถามด้วยความแปลกใจ
หลินหย่วนดิ้นรนอยู่สักพักหนึ่ง ก็ไม่สามารถปีนป่ายขึ้นมาได้
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ร่างกายมีรอยบาดแผล มีรอยเขียวช้ำขนาดใหญ่จำนวนมาก พอมองดูแล้วก็คือถูกทำร้ายมา
ไม่รอให้หลินหย่วนกล่าวอะไรออกมา เสียงหยิ่งทะนงตัวได้ดังมาแต่ไกล
“มันเป็นแค่คนเลวทรามต่ำต้อยเท่านั้นเอง คิดว่าสอบเข้าสำนักศึกษาอี้เหอได้แล้วจะบินไปที่กิ่งไม้และกลายเป็นหงส์ได้หรือ? เหอะ ตลกสิ้นดี สำนักศึกษาอี้เหอจะให้คนธรรมดาต่ำช้าอย่างพวกเจ้าเข้ามาตามอำเภอใจได้อย่างไร”
ประโยคที่บอกว่าคนธรรมดาต่ำช้า ด่าอาณาประชาราษฎร์บุคคลธรรมดาที่สอบเข้ามาอย่างยากลำบาก
อย่างไรก็ตามพวกเขาโมโหก็ไม่กล้าพูดออกมาหรอก
กู้ชูหน่วนหลุบตาขึ้นมอง แต่เห็นคนที่มาคือไป๋หลี่หมิงคนของตระกูลไป๋หลี่
ด้านหลังของไป๋หลี่หมิงมีเหล่าคุณชายจำนวนหนึ่ง สายตาแต่ละคนยโสโอหัง ลำพองใจกันอย่างมาก
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ กล่าวว่า“ข้านึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณชายพิการผู้หนึ่งนี่เอง”
เดิมไป๋หลี่หมิงไม่ได้แขนขาด แต่เป็นเพราะกู้ชูหน่วนเขาเลยแขนขาด เดิมเขาก็เกลียดกู้ชูหน่วนจนแทบอยากจะถลกหนังถลกเส้นเอ็นของนาง แต่น่าเสียดายเขาได้ส่งคนไปสังหารนางกี่ครั้งล้วนล้มเหลว ต่อมาจนหาคนไม่เจอแล้ว
คิดไม่ถึงว่าวันนี้นางจะกล้ามาที่สำนักศึกษาอี้เหอด้วย
ไป๋หลี่หมิงกัดฟันกรอด กล่าวขึ้นว่า“ผู้หญิงสารเลว ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย คิดไม่ถึงว่าข้าจะมาหาเจ้าเจอที่นี่ ทหาร สังหารนางให้ข้าเสีย ข้าอยากจะดูนัก วันนี้ยังจะมีผู้ใดปกป้องเจ้าได้”
หลินหย่วนหดตัว กล่าวขึ้นว่า“ที่นี่เป็นสำนักศึกษาอี้เหอ ท่าน….เหตุใดท่านถึงกล้าสังหารคน ณ ที่แห่งนี้”
“เหอะ….สำนักศึกษาอี้เหอแล้วอย่างไร ข้าคือคุณชายสายตรงของตระกูลไป๋หลี่ แค่ข้าอยากจะสังหาร ก็ไม่มีอะไรที่ข้าสังหารไม่ได้”
ความบาดหมางเรื่องแขนขาด จนไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกันแล้ว
เขาไม่สนใจหรอกว่านางมีคนคอยอยู่เบื้องหลังสนับสนุนอะไร
ไป๋หลี่หมิงออกคำสั่งไป ทหารอารักขาที่เขาพามาด้วยต่างทยอยล้อมรอบกู้ชูหน่วน
เหล่าบัณฑิตที่มาสมัครพากันถอยหลังด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะทำให้ไป๋หลี่หมิงไม่พอใจ
มีลูกหลานบางตระกูลเอามือกอดอกมอง
ในนั้นมีพวกราชวงศ์ชั้นสูงด้วย
เซี่ยวอวี่เซวียนโบกสะบัดพัดขึ้น รอยยิ้มจางๆที่มุมปากแสยะขึ้น โดยไม่กังวลใจแทนกู้ชูหน่วนเลยสักนิดหนึ่ง
“แม่นาง ข้าจะรั้งพวกเขา ท่านรีบหนีไป” หลินหย่วนขวางอยู่ด้านหน้ากู้ชูหน่วน เตรียมพร้อมที่จะตายได้ทุกเมื่อ
“หนี พวกเจ้าหนีไปได้หรือ? สังหาร สังหารมันทั้งสองคน”
คำว่าสังหารกล่าวมา ทหารอารักขาเหล่านั้นเลยไร้ความกังวล กระโจนเข้าไป การสังหารที่เหี้ยมโหด แทบอยากจะทำให้กู้ชูหน่วนกับหลินหยวนแน่นิ่ง
นัยน์ตาของกู้ชูหน่วนเย็นชา นางพลิกตัว จากนั้นยกฝ่ามือขึ้นทะลวงไปทางทหารอารักขากันจนทยอยคุกเข่าลง
ทหารอารักขาที่เหลือถูกกู้ชูหน่วนถีบจนลอย
นางกล่าวกับทหารอารักขาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านางว่า“เด็กดี รู้ว่าผิดก็แก้ไขถือเป็นเรื่องดี ข้าเป็นคนใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเจ้าหรอกนะ”
ซือ…..
คนจำนวนมากต่างตื่นตะลึง
เร็ว….เป็นความเร็วที่รวดเร็วเหลือเกิน
นางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเดียวจะสามารถตีทหารอารักขาเจ็ดแปดคนได้ ….นี่…..มีพละกำลังมากไปแล้ว
บัณฑิตของสำนักศึกษาอี้เหอก็ตื่นตะลึงเช่นกัน
ในภาพแห่งความทรงจำของพวกเขา กู้ชูหน่วนเป็นคนขี้ขลาดอ่อนแอ อีกทั้งมีจุดเส้นวรยุทธ์ระดับหนึ่ง อย่างนั้นทหารอารักขาก็ได้ถึงระดับชั้นที่หกขึ้น นางสู้ได้อย่างไร?