กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 846

บทที่ 846

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 846
ภายนอกฝนยังคงตกหนัก กู้ชูหน่วนเสียบดาบคู่ไว้ที่หลังและออกเดินทางไปยังซากปรักหักพังโบราณเพียงลำพัง

เสื้อผ้าบนร่างกายของนางได้แปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด แม้จะมีน้ำฝนคอยตกลงมาใส่ แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสภาพเดิมได้

อีกอย่าง เสื้อผ้าของนางก็ถูกใบมีดลมและรวมไปถึงอาวุธมีคมมากมาย เมื่อมองออกไปเพียงแวบเดียวก็เหมือนกับเป็นขอทานที่น่าอดสู

นางได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สายตาของนางแน่วแน่และเงาของนางก็ยิ่งมุ่งมั่น ซึ่งกระทบหัวใจของหยางโม่อย่างไม่ต้องสงสัย

เขามองไปยังเซี่ยวอวี่เซวียนด้วยความอิจฉา

“ช่างโชคดีเหลือเกินที่มีเพื่อนสนิทร่วมเป็นร่วมตายกับตัวเองเช่นนี้ เจ้าช่างโชคดีเหลือเกิน”

ระหว่างทางไปซากปรักหักพังโบราณ

กู้ชูหน่วนเห็นอสูรร้ายจำนวนมากทั้งแตกตัวและเกาะกันเป็นกลุ่มก้อนมุ่งหน้าไปข้างหน้า

มีทั้งมุ่งหน้าไปเพียงลำพังและส่งเสียงร้องคำรามดังกึกก้อง เป็นที่น่าตกใจ

นอกจากเหล่าอสูรร้ายแล้ว ยังมีลมหายใจที่แข็งแกร่งอย่างมากอีกด้วย

นางแอบซ่อนอยู่ในที่มืดเพื่อสังเกตการณ์ ลมหายใจที่แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนเป็นของผู้อาวุโสและผู้นำตระกูลใหญ่ๆ แม้แต่เสด็จอาราชวงศ์จักรพรรดิก็เข้ามาด้วยเช่นกัน

อสูรร้ายและยอดฝีมือต่างพากันเข้าไปยังทางเข้าส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังโบราณ และทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานะเผชิญหน้ากัน ต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนภูเขาสั่นสะท้าน

คลื่นการสังหารอันทรงพลังแผ่กระจายออกไป อสูรร้ายและมนุษย์ที่อ่อนแอและความสามารถต่ำต่างถูกผ่าออกเป็นสองท่อนและตายลงทันที

แม้แต่ต้นไม้ก็ล้มลงเรียงรายกันเป็นแถว

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าที่พวกเขาเข้ามานั้นเพื่อจะค้นหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีหรือไม่

นางรู้เพียงว่า ท่ามกลางเหล่าอสูรร้ายและยอดฝีมือจำนวนมากนี้ ไม่เป็นผลดีกับนางเลยแม้แต่น้อย

“ครื่นๆๆ……”

นอกจากฝั่งนี้แล้ว ยังมีเสียงต่อสู้จากภูเขาทางด้านซ้ายอีกด้วย

การต่อสู้ที่นี่ก็น่าสะพรึงกลัวมากพอสมควรแล้ว

แต่การต่อสู้บนภูเขาทางด้านซ้ายนั้นเกินคำบรรยาย

เทือกเขาทั้งหมดถูกทำลายทีละลูก และทั้งภูเขาก็พังทลายลงในทันที

โลกก็ดับวูบลงทันที

กู้ชูหน่วนจ้องมองไปที่เทือกเขา

ฝนเทกระหน่ำลงมา

แต่ฝนที่ตกลงมากระหน่ำนั้นดูเหมือนจะกลายเป็นน้ำแข็งและกลายเป็นแท่งน้ำแข็ง แท่งน้ำแข็งมีพลังมหาศาลและโจมตีไปในทิศทางเดียวในลักษณะพร้อมเพรียงกันและสม่ำเสมอ

นางตกตะลึงมาก

นี่ต่างหากที่เป็นยอดฝีมือ?

ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นที่ตกตะลึง

ผู้นำของเหล่าตระกูลใหญ่และอสูรร้ายที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดก็หยุดชะงักลง จากนั้นจ้องมองไปที่เทือกเขาที่อยู่ไกลออกไป แต่ละคนล้วนอุทานออกมา

“พระเจ้า พลังการสังหารที่รุนแรงอย่างมาก? ความสามารถเช่นนี้จะต้องไปถึงระดับสูงสุดขั้นที่หกแน่ๆ? รัฐปิงของเรามีใครมีความสามารถไปถึงขั้นนั้นด้วยหรือ?”

“ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินว่ามีใครมีฝีมือไปถึงระดับสูงสุดขั้นที่หกเลยนะ”

“สามารถควบคุมฝนเพื่อใช้เอง เพื่อเป็นอาวุธในการสังหารศัตรู นี่……นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก”

“ใช่น่ะสิ อีกอย่างเขาไม่ได้ควบคุมหยาดฝนเพียงไม่กี่หยดเท่านั้น แต่ควบคุมฝนที่ตกลงมาทั้งฟ้าเลย”

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็เห็นหยาดฝนราวกับต่างมีปีกและพากันบินไปยังเทือกเขาที่ไกลออกไป

และสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากที่สุด

หยาดฝนที่เปลี่ยนไป กลับรวมตัวเป็นมังกรวารีที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและยังส่งเสียงร้องกึกก้องดังออกมา

นอกจากมังการวารีแล้ว ยังมีหงส์อัคคีอีกหนึ่งตัว

หงส์อัคคีสยายปีกและบินขึ้นสูง และเสียงร้องของมันก็ดังกึกก้องไม่รู้จบ

หงส์และมังกรวารียังคงต่อสู้กัน จากการต่อสู้ของพวกมัน ทำให้ยอดภูเขาพังถล่มลงอย่างเรียงรายและแม้แต่ที่ของพวกมันก็สั่นสะเทือน

กู้ชูหน่วนไม่ลังเลอีกต่อไปและพุ่งไปยังเทือกเขาแห่งนั้นทันที

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกไว้ว่า ผู้ที่มีความสามารถระดับสูงสุดขั้นที่หก เมื่อกินดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีเข้าไป จะสามารถเพิ่มระดับความสามารถไปถึงระดับเจ็ดได้

และการต่อสู้กันอย่างดุเดือดของทั้งสอง ระดับความสามารถของพวกมันก็ถึงระดับสูงสุดขั้นที่หกแล้ว และสิ่งที่สามารถทำให้พวกมันต้องแย่งชิงกันได้นั้น ก็มีเพียงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีเท่านั้น

ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีที่แท้จริงนั้น อยู่ทางฝั่งซ้ายมือของเทือกเขา

ยิ่งเข้าใกล้ทางฝั่งซ้ายของเทือกเขา พลังการสังหารยิ่งรุนแรง กู้ชูหน่วนฝืนเดินเข้าไปอย่างยากลำบาก

เมื่อเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง อวัยวะภายในของนางแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

อุณหภูมิในอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

ประเดี๋ยวหนาวเหน็บไปถึงกระดูก จนนางรู้สึกสั่นสะท้าน

ประเดี๋ยวร้อนราวกับเตาเผา แผดเผาจนนางเหงื่อไหลหยดย้อย

เมื่อมองออกไปยังเทือกเขาใกล้เคียง กลายเป็นผนึกน้ำแข็งชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่สัตว์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็กลายเป็นน้ำแข็ง

และอีกชั่วขณะหนึ่งต้นไม้ต่างๆ ก็ถูกเผาไหม้โดยไม่มีเหตุผล นกและสัตว์เหล่านั้นที่พากันหนีออกไปยิ่งแย่ไปกันใหญ่ พวกมันถูกเผาจนไหม้เกรียม

กู้ชูหน่วนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า ความแข็งแกร่งของผู้ที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้นไปถึงขั้นไหนแล้ว

ทั้งหงส์และมังกรต่างได้รับบาดเจ็บ และต่างอ่อนล้าลง แต่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป

กู้ชูหน่วนไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้

ทำได้เพียงรอโอกาส

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงของการต่อสู้เริ่มแผ่วเบาลงและกลับคืนสู่ความว่างเปล่า แทนที่ด้วยกลุ่มหมอกสีขาว

หมอกนี้มีพิษ

กู้ชูหน่วนเชี่ยวชาญด้านการรักษาและเชี่ยวชาญด้านพิษ นางปิดจมูกทันทีและหยิบยาออกมาให้ตัวเองกิน

ในที่สุดการต่อสู้สิ้นสุดลง

พลังการสังหารก็ไม่อยู่รอบตัวนางอีกต่อไป

กู้ชูหน่วนรีบมุ่งไปข้างหน้า

ตลอดทางที่เดินผ่าน มีหลุมลึก ซึ่งอยู่บนพื้นลึกมากกว่าหนึ่งเมตร ร่องรอยของไฟที่ลุกไหม้ยังคงมีอยู่ และดินจำนวนมากถูกเผาจนเป็นสีแดงเพลิง

หลังจากเดินทางอยู่นาน ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็ได้เจอคนสองคน

ช่างบังเอิญเหลือเกินที่นางต่างก็รู้จักสองคนนี้

“เสี่ยวหูเตี๋ยและชายสวมหน้ากาก……”

เมื่อพูดจบ กู้ชูหน่วนก็รีบเอามือปิดปากเอาไว้และอดไม่ได้ที่จะเอามืออุดปากตัวเองไว้

สมควรตายนัก ก่อนหน้านี้ปิดบังใบหน้าต่อหน้าเสี่ยวหูเตี๋ย ครั้งนี้ไม่ปกปิดใบหน้า นางจะเผชิญหน้าต่อเขาอย่างไร เขาจะฆ่านางหรือไม่นะ

และเมื่อเหวินเส่าอ๊่เห็นกู้ชูหน่วนเข้า แววตาของความอาฆาตก็ฉายแวบเข้ามา

กู้ชูหน่วนคิดอยากจะหนี แต่เมื่อวิ่งไปเพียงนิดเดียวนางก็ล้มลง

เสี่ยวหูเตี๋ยและชายสวมหน้ากากได้รับบาดเจ็บและดูเหมือนจะถูกพิษเข้า ขณะนี้ทั้งสองต่างล้ลงกับพื้นโดยไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เช่นนั้นนางจะวิ่งเพื่ออะไร?

กู้ชูหน่วนวิ่งกลับไปสังเกตอาการของพวกเขา

กลับเห็นว่าถึงแม้พวกเขาจะสวมหน้ากาก แต่ก็เห็นได้ว่าลมหายใจอ่อนแรงและภายในได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก

ที่นี่โกลาหลมาก ไม่ไกลออกไปมีหางของสุนัขจิ้งจอกถูกตัดขาดอยู่สองอัน

หางของสุนัขจิ้งจอกทั้งใหญ่และยาว ไม่รู้ว่ากี่ปีมาแล้ว

หรือว่าอสูรร้ายความสามารถระดับเจ็ดที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกก็คือเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้?

บริเวณใกล้เคียงกับหางของสุนัขจิ้งจอก ยังมีดอกบัวบานสะพรั่งด้วยแสงหลากสีสัน

กู้ชูหน่วนดีใจ

“นี่คือดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีอย่างนั้นหรือ?”

นางยื่นมือเพื่ออยากจะเด็ด แต่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีนั้นมีพิษร้ายแรง

กู้ชูหน่วนควานหาขวดยาในจำนวนขวดยามากมาย จากนั้นเทน้ำจากในขวดยาขวดหนึ่งลงบนดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นพิษร้ายที่อยู่บนดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกถอนออกไป

นางไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะสามารถได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์มาครอบครองได้เร็วเช่นนี้

เดิมทีคิดว่า หากคิดแย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีละก็คงต้องแลกมาด้วยชีวิต

“เจ้ากล้าเด็ดดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีไปละก็ ข้าสาบานได้ว่าจะทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดอย่างตายทั้งเป็นเลย” เยี่ยจิ่งหานกัดฟันกล่าวเตือนออกมา

เขาและเหวินเส่าอี๋เพียรพยายามต่อสู้กันแทบเป็นแทบตาย อีกทั้งยังต้องสูญเสียกำลังภายในไปมหาศาลเพื่อจัดการกับสุนัขจิ้งจอกเก้าหาง ก็เพื่อดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีดอกนี้ แต่ตอนนี้กลับถูกคนอื่นฉวยโอกาส เขาจะยอมได้อย่างไร

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขายังคงติดอยู่ที่ระดับสูงสุดขั้นที่หก ทำอย่างไรก็ไปไม่ถึงระดับเจ็ด

นี่คือโอกาสเดียวของเขา

สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ก็แย่ไม่ต่างไปจากเยี่ยจิ่งหานนัก

สุนัขจิ้งจอกเก้าหางความสามารถระดับเจ็ดยังไม่ตาย เพียงแค่ถูกพวกเขาวางแผนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและหนีออกไป หากมันกลับมาก็สามารถโจมตีพวกเขาได้ทุกขณะ และถึงเวลานั้นทุกคนต้องตาย

สามปีมานี้ เขาพยายามจะพัฒนาไปยังระดับเจ็ด แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งไป

บทที่ 845

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท