กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 847
เขาจำเป็นต้องได้ครอบครองดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีเพื่อไปถึงระดับเจ็ดและออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
และดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีก็เป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาไปถึงระดับเจ็ดได้
กู้ชูหน่วนสังเกตดูอีกครั้งเพื่อแน่ใจว่าพวกเขาถูกพิษเข้า เมื่อเห็นว่าร่างกายของพวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีอยู่ในมือของข้า หากมีความสามารถ เช่นนั้นเจ้าก็เข้ามาแย่งไป”
เยี่ยจิ่งหานโกรธและกัดฟันกล่าวขึ้นมา “เจ้าอยากจะเพิ่มระดับความสามารถ ข้ามีหลายวิธีที่จะช่วยเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องกินดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสี เพียงแค่เจ้ามอบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีให้กับข้าและช่วยถอนพิษออกจากร่างกายของข้า ข้าสามารถทำตามข้อเรียกร้องของเจ้าได้ทั้งหมด”
“เจ้าคิดว่าข้าโง่อย่างนั้นหรือ? หากข้าช่วยถอนพิษออกจากร่างกายของเจ้าจริง เจ้าจะปล่อยข้าไปอย่างนั้นหรือ? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้เจ้าได้ข่มขู่ข้าไว้อย่างไร?”
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานแย่ลงเป็นระยะ
ผู้หญิงคนนี้ช่างประหลาดมาก
อีกทั้งยังคิดแค้นเสียเหลือเกิน
“หากวันนี้เจ้าช่วยข้า เรื่องทั้งหมดที่ผ่านถือว่าหายกัน”
“เจ้าคิดว่าข้าโง่อย่างนั้นหรือ”
จากคำพูดของพวกเขา เหวินเส่าอี๋ฟังออกว่าพวกเขามีเรื่องบาดหมางระหว่างกัน
เขาเอ่ยปากกล่าวขึ้นอย่างสง่างาม “แม่นาง เยี่ยจิ่งหานถูกพิษเข้าและไม่สามารถขยับตัวได้ หากเจ้าช่วยข้ากำจัดเขาเสีย ไม่ว่าเจ้าอยากได้อะไร เช่นนั้นข้าจะมอบให้เจ้าทุกสิ่งอย่าง”
กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่เขาและกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าเป็นสายลับที่ส่งมาจากสำนักหมูหรืออย่างไร?”
เหวินเส่าอี๋ตกตะลึง
กู้ชูหน่วนกล่าวต่อ “ข้าช่วยเจ้าฆ่าเขา บนโลกนี้จะยังมีใครสามารถสร้างสมดุลให้กับเจ้าได้? เกรงว่าหากชายสวมหน้ากากตายไปแล้ว คนที่จะต้องตายคนต่อไปก็คือข้า”
เหวินเส่าอี๋ “……”
“แต่คำพูดของพวกเจ้าสองคนได้ย้ำเตือนกับข้า ความสามารถของพวกเจ้าทั้งสองไปถึงระดับหกแล้วสินะ? ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีเรื่องบาดหมางระหว่างกันไม่มากก็น้อย และตอนนี้ขาก็ได้แย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีมาได้ หากพิษของพวกเจ้าถูกกำจัดและมาแก้แค้นกับข้า ข้าซึ่งมีความสามารถเพียงระดับสอง คงถูกพวกเจ้าฆ่าตายอย่าง่ายดายแน่”
“ฉะนั้น……”
“ฉะนั้นพวกเจ้าอย่าหาว่าข้าใจคอโหดเหี้ยมที่ลงมือก่อนเพื่อความอยู่รอด”
แววตาของกู้ชูหน่วนโหดเหี้ยมและหยิบดาบยาวออกจากแผ่นหลัง จากนั้นเพ่งเล็งไปยังเหวินเส่าอี๋ก่อน
“หากจะโทษก็โทษที่พวกเจ้านั้นแข็งแกร่งเกินไป”
เหวินเส่าอี๋กล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคิดให้ดี หากข้าตายไป ต่อให้เจ้าจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว คนของข้าก็จะตามไล่ล่าเจ้าเพื่อฆ่าเจ้าถึงที่สุด”
“ป่าเขารกร้างและห่างไกล มีใครเห็นหรือว่าข้าได้ฆ่าเจ้า”
“หากไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องลงมือทำ”
กู้ชูหน่วนกลอกตาไปมา ราวกับกำลังพิจารณาถึงความรุนแรง
เป็นเวลานานนางถึงชี้ดาบไปทางเยี่ยจิ่งหาน
เยี่ยจิ่งหานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่สามารถจัดการกับเหวินเส่าอี๋ได้ คิดว่าจัดการกับข้าได้ง่ายกว่าอย่างนั้นหรือ?”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า “ไม่ง่ายที่จะจัดการ พวกเจ้าทั้งสองคนต่างก็เป็นจอมมารที่มีชื่อเสียงบนโลกใบนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลงมือได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำผิดแล้ว เช่นนั้นข้าจะกำจัดพวกเจ้าทั้งสอง เพื่อจะได้ไม่เดือดร้อนในภายหลัง”
กู้ชูหน่วนคิดอยากจะฆ่าพวกเขาทั้งสองคน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อดาบไปถึงอกก็กลับแทงไม่เข้า
สัญชาตญาณบอกกับนางว่า หากสองคนนี้ไม่ตาย เช่นนั้นในอนาคตนางต้องเดือดร้อนอย่างมาก
แต่ความรู้สึกก็ทำให้นางยากที่จะลงมือ
หลายครั้งที่นางพุ่งดาบออกมาและหยุดชะงัก กู้ชูหน่วนโมโหจนโยนดาบทิ้งลง
“ข้าจะบอกพวกเจ้า เพื่อนของข้าคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป จำเป็นต้องใช้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีในการช่วยชีวิต พวกเจ้าได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างมากก็แค่ได้เพิ่มความสามารถไปถึงระดับเจ็ด แต่หากเพื่อนของข้าไม่ได้ไป นั่นถือเป็นชีวิตหนึ่งที่ต้องเสียไป ฉะนั้นดอกบัวศักดิ์สิทธิ์นี้ข้าจำเป็นต้องได้มา”
“วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่หวังว่าวันข้างหน้าพวกเจ้าจะไม่ทำอะไรเกินเลย”
นางเด็ดดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีจากนั้นก็จากไป
เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง แววตาทั้งคู่จับจ้องไปที่พวกเขา
เห็นแล้วทำให้เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานต่างพากันขนหัวลุก ไม่รู้ว่านางคิดจะทำอะไรอีก
“กำลังความสามารถของพวกเจ้าสูงส่งเช่นนั้น หากถอนพิษได้แล้วไล่ล่าข้าจะทำเช่นไร?”
“บังเอิญว่าเสื้อผ้าของเพื่อข้าก็ขาดหลุดลุ่ย เช่นนั้นจึงต้องยืมเสื้อผ้าของพวกเจ้า”
กู้ชูหน่วนพูดจบก็ลงมือปลดเสื้อผ้าของพวกเขา
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ล้วนต่างก็เป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งและมีชื่อเสียง อีกทั้งสถานะตำแหน่งของพวกเขาก็สูงส่ง มีอย่างที่ไหนถูกปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกไปเช่นนี้
สิ่งสำคัญก็คือ หญิงไร้ยางอายคนนี้ปลดเสื้อผ้าของพวกเขาออกไปก็แย่แล้ว แม้แต่กางเกงชั้นในของพวกเขาก็ถอดออก ทำให้พวกเขาต้องเปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกปิดเลยสักนิด
“หยุดเดี๋ยวนี้ หากเจ้ากล้าถอด ข้าจะจับเจ้าฉีกเป็นชิ้นๆ” เยี่ยจิ่งหานโกรธจัด
“เชื่อ แต่ข้าเชื่อยิ่งกว่าว่าตอนนี้เจ้าไม่สามารถทำอะไรข้าได้”
“หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าเพียงนิดเดียว ข้าจะตามจองล้างจองผลาญเจ้าไม่สิ้นสุด” เส้นเลือดบนใบหน้าของเหวินเส่าอี๋ปะทุ และเก็บอั้นความโกรธเอาไว้
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่นางปลดเสื้อผ้าของเขา
“ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าแตะต้องตัวเจ้าเสียหน่อย แก้มก้นของเจ้ายังคงนุ่มนิ่มน่าสัมผัส โดยเฉพาะไฝที่อยู่ตรงสามเหลี่ยมนี้ สวยงามมาก”
กู้ชูหน่วนพูดและบีบที่แก้มก้นของเหวินเส่าอี๋
ทำให้เหวินเส่าอี๋โกรธจัด
หากสามารถขยับได้ เขาจะต้องทำให้กู้ชูหน่วนต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
แต่เขากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ทำได้เพียงจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้น
เดิมทีเยี่ยจิ่งหานนั้นโกรธมาก
แต่เมื่อเห็นเหวินเส่าอี๋น่าอดสูเช่นนี้ เขาก็คิดอยากจะหัวเราะขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ไม่นาน เยี่ยจิ่งหานก็ถูกปลดเปลื้องเสื้อผ้า
เห็นเพียงกู้ชูหน่วนจ้องมองไปที่ร่างกายของเขา จากนั้นขยับปากและยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“เพื่อนของเจ้าก็มีร่างกายกำยำเช่นกันนี่นา”
“……”
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานมืดดำในทันที
เขาและเหวินเส่าอี๋อยากจะยื่นมือออกไปปิด
แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้และทำได้เพียงปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้มองดูส่วนนั้น ส่วนนี้ของพวกเขา
โมโห
โกรธ
สาบานได้ว่าพวกเขาไม่เคยคิดอยากจะสับใครให้ละเอียดเป็นชิ้นเท่านี้มาก่อน
สิ่งที่เกินไปก็คือ
หลังจากที่กู้ชูหน่วนจ้องมองพวกเขาอยู่นาน จากนั้นนำตัวของเยี่ยจิ่งหานขยับมาอยู่บนตัวของเหวินเส่าอี๋และบ่นพึมพำ
“ดูสิว่าข้าเป็นคนดีมากเพียงใด เช่นนี้คนอื่นก็มองไม่เห็นพวกเจ้าแล้ว”
อาจเป็นเพราะรู้สึกไม่ดี จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงขยับตำแหน่งอีกครั้ง
“ข้าคิดว่าชายสวมหน้ากากควรจะอยู่ข้างล่างน่าจะเหมาะสมกว่า มองดูแล้วสบายตากว่า”
“……”
“……”
ทั้งสองคนที่เป็นศัตรูกันมาตลอดชีวิต
ตอนนี้กลับถูกผู้หญิงปลดเปลื้องเปลือยกาย
ไม่ว่าจะเยี่ยจิ่งหานหรือเหวินเส่าอี๋ก็ถือเป็นเรื่องอัปยศอย่างมาก
“เพื่อนของข้าอยู่ในภาวะวิกฤติ ข้าไม่ขออยู่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว เจอกันใหม่คราวหน้าล่ะ”
เมื่อพูดจบนางก็จากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ว่าจะมีความลำบากยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด
กู้ชูหน่วนวิ่งไปยังถ้ำที่เซี่ยวอวี่เซวียนอาศัยอยู่ ระหว่างนั้นก็ได้เห็นผู้อาวุโสของแต่ละตระกูลใหญ่กำลังต่อสู้กับเหล่าอสูรร้ายเพื่อแย่งชิงอะไรบางสิ่ง นางไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวและไม่นานก็เดินทางมาถึงยังภายในถ้ำ
ลมหายใจของเซี่ยวอวี่เซวียนอ่อนล้าโรยรา
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยตกใจอย่างมาก
ได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีมาง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?
ทำได้อย่างไร?
หรือว่าเพื่อนงูบอกจะมีความผิดพลาด ข้างๆ ของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีไม่ได้มีอสูรร้ายความสามารถระดับเจ็ดคอยคุ้มครองอยู่?
“ได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีมาอยู่ในมือแล้ว ใช้ภายในหรือใช้ภายนอก?” กู้ชูหน่วนถาม
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ไม่เช่นนั้น ลองครึ่งหนึ่งใช้ภายในและอีกครึ่งหนึ่งใช้ภายนอก”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่
แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงลองผิดลองถูกดูสักครั้ง
นางเด็ดกลีบบัวออกมาจำนวนหนึ่งและป้อนให้กับเซี่ยวอวี่เซวียน
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่สามารถกลืนได้อีกแล้ว ร่างกายของเขาเย็นเฉียบ แม้แต่ชีพจรก็แทบหาไม่เจอแล้ว มีเพียงหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่อย่างแผ่วเบา
เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดอยากให้หยางโม่ป้อนยาเข้าไปในปากให้เซี่ยวอวี่เซวียน แต่เมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ ก็ไม่เจอใคร
จากนั้นจึงถามขึ้นมา “หยางโม่ล่ะ?”
“ออกไปหาคนมาช่วยพวกเราแล้ว”
“ช่างเถอะ ข้าลงมือเอง”
กู้ชูหน่วนจัดการเคี้ยวดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีจนละเอียดและป้อนให้เซี่ยวอวี่เซวียนโดยปากต่อปาก จากนั้นบังคับให้เซี่ยวอวี่เซวียนกินน้ำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยไม่กล้ามอง
โดยเฉพาะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ปากของมันบ่นพึมพำๆ “บ้าไปแล้วๆๆ……”
นายท่านและเซี่ยวอวี่เซวียนเป็นเพื่อนกัน
กับเยี่ยจิ่งหานต่างหากที่เป็นสามีภรรยากัน
ทำเช่นนี้……
ก็ยุ่งเหยิงไปหมดเลยน่ะสิ?
หากเซี่ยวอวี่เซวียนเกิดความรักต่อนายท่าน เช่นนั้น……
ความผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมาจะซ้ำรอยหรือไม่?