กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 852
กู้ชูหน่วนมาถึงแท่นดอกบัวและจ้องไปที่กระจกหงส์เป็นเวลานาน แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้กระจกหงส์ยอมรับนางเป็นนาย
เมื่อมองไปที่เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋อีกครั้ง ทั้งสองคนก็กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด และไม่มีใครกล้าคิดฟุ้งซ่าน
นางรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่นางจะได้กระจกหงส์ไป
หากพลาดโอกาสนี้ไป ต่อให้นางจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่สามารถเอากระจกหงส์ไปได้
และเซี่ยวอวี่เซวียน ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการกระจกหงส์มาก
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เซี่ยวอวี่เซวียนทำเพื่อนาง กู้ชูหน่วนก็กัดฟัน นางเอื้อมมือไปจับที่ด้ามกระจก และพยายามที่จะดึงกระจกหงส์ออกมา
เยี่ยจิ่งหานไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
เขาเหวี่ยงขลุ่ยหยกขาว ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ พลังอันแข็งแกร่งพุ่งไปทางเหวินเส่าอี๋
เหวินเส่าอี๋กระโดดหลบการโจมตีที่รุนแรง แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากระอักเลือดและใบหน้าก็ซีดเซียวในทันที
เขาจดจ่ออยู่กับการโจมตีเยี่ยจิ่งหานอย่างหนัก แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไม่สามารถรวบรวมพลังได้ชั่วขณะหนึ่ง จึงทำได้เพียงนั่งสมาธิและฟื้นฟูพลังและรักษาอาการบาดเจ็บ
เยี่ยจิ่งหานบาดเจ็บสาหัสหนักกว่าเขา
และเกือบจะต้องจบชีวิตลง
เขาคำรามอย่างบ้าคลั่ง “มู่หน่วน หากเจ้ากล้าแตะต้องกระจกหงส์ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด ข้าจะทำให้เจ้าตายไปเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่”
“เพล้ง……”
เสียงของเขาดังมาก ราวกับว่าเป็นความโกรธเกือบตลอดชีวิตของเขา
กู้ชูหน่นเพิ่งจะหยิบกระจกหงส์ออกมาเมื่อครู่ เสียงของเขาทำให้นางตกใจมากจนมือสั่น และกระจกหงส์ก็ตกลงไปที่พื้น เสียงดังเพล้ง กระจกแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“ฮ้า……”
ในถ้ำมีเพียงสามคน ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงหายใจหอบเช่นนี้
ทุกคนต่างมองดูกระจกหงส์ที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ และแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากระจกหงส์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถดูดวิญญาณทั้งหมดในโลกได้ จะถูกทำลายลงเช่นนี้?
พวกเขาคิดว่ากระจกหงส์น่าจะทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่หลังจากรออยู่นาน กระจกที่แตกอยู่บนพื้นก็ยังคงกองอยู่ที่เดิม
เหวินเส่าอี๋รู้สึกสับสนในใจ
เขารู้ว่ากระจกบานนี้เป็นความหวังเดียวที่จะรวบรวมวิญญาณทั้งหมดของกู้ชูหน่วนกลับมาได้ แต่เมื่อมันแตกละเอียด หญิงผู้นั้นก็จะหายไปตลอดกาล
เขาควรจะดีใจ แต่เขา……กลับยิ้มไม่ออก
เยี่ยจิ่งหานหัวใจสลาย หากไม่ใช่เพราะเขาบาดเจ็บสาหัสและไร้เรี่ยวแรง เขาก็คงจะซัดกู้ชูหน่วนให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคลานไปด้วยแววตาที่กระหายเลือด เขาจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างดุร้ายและแทบอยากจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ
“เจ้าทำลายกระจกหงส์ ไม่คิดเลยว่าเจ้าทำลายกระจกหงส์จริง ๆ……มู่หน่วน……เจ้าสมควรตาย”
เขาไม่เคยอยากฆ่าใครมากขนาดนี้มาก่อน
ผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ไม่ง่ายเลยที่เขาจะพบความหวังเพียงเล็กน้อย
แต่ทุกครั้งก็ถูกมู่หน่วนทำลายลง
เยือกเย็น
เยือกเย็นมากเสียจนกู้ชูหน่วนตัวสั่น
นางสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันไร้ขอบเขต
ครั้งนี้ไม่ว่านางจะพูดหรือทำอะไร ชายสวมหน้ากากผู้นี้ก็คงจะไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเศษกระจกบนพื้น นางก็กล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ หากจะโทษก็โทษที่ท่านเสียงดังมากเกินไป”
“หา……”
เยี่ยจิ่งหานคำรามเสียงดัง
เขาไม่สนใจร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส และไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร ผมสีดำของเขาตั้งตรง และคนทั้งคนก็เหมือนกับปีศาจที่เพิ่งคลานออกมาจากขุมนรก
กู้ชูหน่วนก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
เจตนาฆ่าที่รุนแรงเช่นนี้
หรือว่าวันนี้นางจะต้องตายที่นี่จริง ๆ ?
เหวินเส่าอี๋ก็คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจิ่งหานจะหมดหวังและยอมแลกชีวิตของตัวเอง เพื่อที่จะฆ่าหญิงผู้นี้
เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
พวกเขาทั้งสอง ล้วนแต่สมควรตาย…..
เขาจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง
เมื่อเยี่ยจิ่งหานกำลังจะฆ่ากู้ชูหน่วน ทันใดนั้นก็มีลำแสงก็ปรากฏขึ้นด้านนอก
ลำแสงนี้มีรูปร่างเหมือนขวานและขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็ครอบคลุมซากปรักหักพังโบราณไว้ครึ่งหนึ่ง
“ขวานผานกู่” เหวินเส่าอี๋มองไปที่ขวานและตะโกนด้วยความประหลาดใจ
เยี่ยจิ่งหานหยุดชะงัก และมองไปไกล ๆ พร้อมกันกับกู้ชูหน่วน
ทันทีที่ขวานผานกู่ออกมา สัตว์ทุกตัวก็สั่นเทา และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ก็ยอมจำนน
แม้แต่ตระกูลใหญ่ต่างก็ถูกกดขี่ข่มเหงและอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลง
นี่คือขวานผานกู่?
พลังที่แข็งแกร่งมากเช่นนี้ เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นก็ต้องตกตะลึงกับซากปรักหักพังโบราณ
เหวินเส่าอี๋เหลือบมองไปที่เยี่ยจิ่งหาน กู้ชูหน่วน และคนอื่น ๆ แม้ว่าต้องการจะฆ่าพวกเขา แต่ขวานผานกู่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว และมีเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปหอมเท่านั้นที่จะหยิบเอาไปได้ หากเลยเวลาจะต้องรออีกหลายร้อยปี หรืออาจจะพันปี
แต่ชีวิตของมนุษย์สามารถอยู่ได้เพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น จะรอนานขนาดนั้นได้อย่างไร
หากไม่มีขวานผานกู่ เขาคงไม่สามารถกลับไปที่รัฐเยี่ยได้ ไม่อาจชำระแค้นอันยิ่งใหญ่ และไม่สามารถฟื้นฟูเผ่าเพลิงฟ้าขึ้นมาได้อีก
เยี่ยจิ่งหานบาดเจ็บสาหัส และหญิงผู้นั้นก็มีพลังเพียงน้อยนิด หลังจากพิจารณาดูแล้ว เหวินเส่าอี๋เลือกขวานผานกู่ และปล่อยเยี่ยจิ่งหานกับกู้ชูหน่วนไป
เหวินเส่าอี๋สามารถปล่อยไปได้ แต่เยี่ยจิ่งหานไม่สามารถทำได้
สำหรับเขาแล้ว หญิงผู้นี้ทำลายกระจกหงส์ก็เท่ากับทำลายความหวังในการฟื้นคืนชีพของ อาหน่วน เขาจะละเว้นนางได้อย่างไร
ไอสังหารของเยี่ยจิ่งหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และแทบจะเป็นสายฟ้าฟาดลงที่กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนสีหน้าเปลี่ยน เขาแข็งแกร่งมากเกินไป นางไม่สามารถต้านทานได้ นางแข็งทื่อไปทั้งตัว และทำได้เพียงหลับตาลงเพื่อรอความตาย
“ปึง”
ความเจ็บปวดไม่ได้มาเยือน มีแต่เสียงกระอักเลือด และเสียงล้มลงกับพื้น
กู้ชูหน่วนลืมตาขึ้นมามอง เซี่ยวอวี่เซียนรับฝ่ามือนั้นแทนนาง
เดิมทีเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเจียนตายอยู่แล้ว และในตอนนี้เขายังมารับฝ่ามือที่รุนแรงเช่นนั้นแทนนางอีก ร่างกายของเขาโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่
“เสี่ยวอวี่เซวียน” กู้ชูหน่วนรีบเข้าไปช่วยพยุงเขา นางจับชีพจรของเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
เยี่ยจิ่งหานไม่คิดว่าจู่ ๆ เซี่ยวอวี่เซวียนจะเข้ามารับฝ่ามือแทนหญิงผู้นี้
“อัก” เซี่ยวอวี่เซวียนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ใบหน้าของเขาซีดขาว น้ำเสียงแหบแห้งและอ่อนแรง “เจ้าจะฆ่านางไม่ได้”
“นางทำลายกระจกหงส์”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยวอวี่เซวียนก็มองไปที่กระจกหงส์บนพื้น ใบหน้าของเขาไม่น่ามองมากยิ่งขึ้น มุมปากของเขาขยับ และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เพียงแต่การขมวดคิ้วบ่งบอกได้ว่าเขากำลังสับสน
“หลีกไป” เยี่ยจิ่งหานตะโกนอย่างเย็นชา
เซี่ยวอวี่เซวียนฝืนร่างกาย และขวางอยู่ข้างหน้ากู้ชูหน่วน
“หากต้องการฆ่านาง ก็ฆ่าข้าก่อน”
“นางทำให้กระจกหงส์แตก”
เยี่ยจิ่งหานคิดว่าเขายังได้ยินไม่ชัดเจน จึงพูดซ้ำอีกครั้ง
“ข้ารู้ แต่ข้าบอกแล้วว่าหากจะฆ่านาง ก็ต้องข้ามศพของข้าไปก่อน”
เยี่ยจิ่งหานเป็นคนอย่างไร เขาย่อมรู้ดี ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแม่สาวอัปลักษณ์ เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง
หากวันนี้เขาไม่ปกป้องนาง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
เยี่ยจิ่งหานเดินโซเซ เขาไม่เคยคิดว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะละทิ้งกู้ชูหน่วนเพื่อหญิงผู้นี้
เมื่อมองแววตาที่แน่วแน่ของเขา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขากำลังพูดเล่น
กู้ชูหน่วนรู้สึกผิดต่อเซวียนอวี่เซวียน และปฏิบัติต่อเซี่ยวอวี่เซวียนเหมือนเป็นพี่น้องแท้ ๆ หากเขาฆ่าเซี่ยวอวี่เซวียน อาหน่วนไม่มีทางที่จะให้อภัยเขาอย่างแน่นอน
“เจารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไร?” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาปกป้องนาง
“ข้ารู้”
“เพื่อเห็นแก่หน้าของเจ้า วันนี้ข้าจะไม่ฆ่านาง แต่หากครั้งต่อไปข้าเห็นนางอีก ข้าจะฆ่านางอย่างแน่นอน”
ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง เยี่ยจิ่งหานที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เซี่ยวอวี่เซวียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาล้มลงกับพื้นและมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยสายตาที่ซับซ้อน