กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 879
จากระยะไกลก็เห็นไฟโหมขึ้นสู่ท้องฟ้า กลิ่นเลือดได้ตลบอบอวลไปทั่วถนนหนทางของเมืองหลวง
เขาก้าวเดินโซซัดโซเซ
ภาพของตระกูลเซี่ยวที่ถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลในอดีตได้ทะลักขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง
ตอนนั้นตระกูลเซี่ยวถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล กลิ่นเลือดก็รุนแรงเช่นนี้เหมือนกัน
เขาก้าวสามก้าวในสองก้าวโดยรีบวิ่งพุ่งทะยานไปยังจวนมู่
ระหว่างเต็มไปด้วยผู้คนสกัดกั้นซุ่มโจมตี
เซี่ยวอวี่เซวียนเหล่ตาทั้งคู่เล็กน้อย จากนั้นใช้เท้าเกี่ยวก็ได้เกี่ยวทวนด้ามหนึ่งขึ้นแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเทพสังหารตนหนึ่ง พุ่งไปตลอดทางจนผู้คนที่สกัดกั้นและซุ่มโจมตีเขาต่างก็ถูกตัดจนเสียชีวิตราวกับเครื่องตัดเช่นนั้น
ศพร่วงหล่นไปทั่วพื้น กลิ่นของเลือดทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ว่าวรยุทธ์ของเขาสูงส่ง แม้ว่าในที่นั้นจะเป็นผู้นำสำนักก็ไม่สามารถขวางเขาเอาไว้ได้ เพียงแค่เข้าไปก็จะต้องตาย
การต่อสู้ที่บ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้ผู้คนยับยั้งความหนาวเย็นจากหัวใจขึ้นมาไม่ได้
“เจ้าเด็กโสโครกรอข้าด้วย เจ้าจะต้องไม่เกิดเนื่องนะ”
เซี่ยวอวี่เซวียนแทบอยากจะมีปีกสองข้างโบยบินไป
แต่ผู้คนเหล่านั้นก็ดันขัดขวางเขาอยู่ตลอด
เขาเคยสูญเสียกู้ชูหน่วนไป เคยสูญเสียตระกูลเซวี่ยวทั้งตระกูลไป
ไม่ต้องการสูญเสียมู่หน่วนไปอีกครั้ง
“เซี่ยวอวี่เซวียนปีศาจสาวผู้นั้นฆ่าผู้บริสุทธิ์และมีวิชาชั่วร้ายในมือ หากเจ้ากล้าที่จะช่วยนางเจ้าก็เป็นศัตรูของแต่ละนิกายใหญ่ในรัฐปิงของเรา”
“หากว่านางตายไปข้าไม่เพียงแต่จะให้พวกเจ้าทุกคนฝังไปด้วยกัน แต่ข้าจะให้รัฐปิงทั้งรัฐเป็นเครื่องสังเวยให้กับนางด้วย”
“เจ้าช่างพูดจาบ้าคลั่งนัก เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นระดับห้าก็จะสามารถกระทำตามต้องการแล้วสามารถอยู่อย่างไร้ซึ่งศัตรูทั่วทั้งใต้หล้าหรือ?”
ความแข็งแกร่งของเซี่ยวอวี่เซวียนเป็นถึงระดับห้า ซึ่งช่างเกินความคาดหมายของทุกๆคน
แต่ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็มีผู้ที่เป็นถึงระดับห้าทั้งสิ้น เพียงแค่พวกเขาออกมายังจะกลัวว่าจะไม่สามารถเอาชนะเซี่ยวอวี่เซวียนผู้เดียวได้หรือ
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยวอวี่เซวียนได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย แม้แต่ยืนก็ยืนไม่มั่นแล้วพวกเขาจะมีสิ่งใดที่ต้องหวาดกลัวกัน
เห็นเซี่ยวอวี่เซวียนหัวเราะเยาะโดยไม่ได้ใส่ใจต่อพวกเขาเลย
ผู้นำของหลายนิกายต่างร้องตะโกนว่า “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนสังหารเขาพร้อมกันเลย”
“ครึก” เสียงหนึ่งร่างกายของเซี่ยวอวี่เซวียนได้แปรเปลี่ยนเป็นธนูขนนกสายหนึ่งโดยที่ได้มาถึงยังตรงหน้าพวกเขาในทันใดและบีบคอเขาเอาไว้เลย ผู้ที่ห้อมล้อมกันเข้ามาก็ถูกทวนของเขากวาดเป็นแนวนอนไปจนทำให้บาดเจ็บล้มตายไปทั่ว
“น่ารำคาญ”
เซี่ยวอวี่เซวียนเอ่ยออกมาระหว่างซี่ฟันประโยคหนึ่งแล้วก็ยังคงฆ่าฟันเส้นทางนองเลือดเส้นหนึ่งออกและพุ่งไปยังจวนมู่
สิบกว่าวันที่ผ่านมาเขาถูกคนของเหวินเส่าอี๋ตามไล่สังหารจนเกือบจะเสียชีวิตไปแล้ว
เวลาสิบกว่าวันนั้นเขาอาศัยผ่านพ้นอยู่ในภูเขาห่างไกล
ไม่ง่ายเลยที่จะลงจากภูเขาแต่กลับได้รู้ว่ามู่หน่วนถูกแต่ละนิกายใหญ่ๆทั่วใต้หล้าโจมตีร่วมกัน
เขาคาดว่ามู่หน่วนจะต้องกลับยังจวนมู่รอบหนึ่งเป็นแน่ ดังนั้นจึงได้เสี่ยงอันตรายที่จะถูกเปิดเผยตัวตนมายังจวนมู่
คิดไม่ถึงว่าจะได้กลิ่นเลือดรุนแรงมาแต่ไกล
ในที่สุด……
เขาได้ฆ่าสังหารเข้าไปในจวนมู่
เข้าไปแล้วอันดับแรกก็เห็นศพเกลื่อนกลาดไปทั่วพื้น
ศพเหล่านั้นล้วนเป็นคนของจวนมู่
มีผู้นำรอง ผู้นำสาม และพี่ๆน้องๆของมู่หน่วน
และยังมี……ศพของมู่ซินที่ถูกโยนอยู่ด้านหนึ่ง
มู่ซินถูกทรมานอย่างโหดร้ายก่อนจะสิ้นใจโดยที่ เจ็บปวดทรมานทั้งเป็นจนตาย
แล้วก็มองไปยังกู้ชูหน่วนร่างทั้งร่างของนางท่วมไปด้วยเลือดและกำลังต่อสู้ฟาดฟันกันอยู่ รอบกายเป็นสาวกของแต่ละนิกายใหญ่ทั้งสิ้นรวมทั้งศพของทหารหาญ
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนต่อสู้กับพวกเขามานานเพียงใดแล้ว รู้เพียงว่าการโต้กลับดังกลไกทำให้ร่างกายของนางพรุนเป็นรูเลือดนับไม่ถ้วน แต่ว่านางกลับไม่รู้สึกรู้สาเพียงแค่กัดฟันต่อสู้ต่อราวกับว่าหากไม่ฆ่าพวกเขาให้หมดก็จะไม่ยอมหยุด
ภายนอกวงล้อมต่อสู้แต่ละนิกายใหญ่และหลายตระกูลกำลังเฝ้าดูอยู่โดยรอบ
เซี่ยวอวี่เซวียนส่งเสียงคำราม “รังแกกันมากเกินไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนหมดแรงจึงถูกพวกเขาล้อมสังหาร
ทวนของเซี่ยวอวี่เซวียนพลิกกลับควบไปพร้อมกับกำลังภายในของเขา กระบวนท่าสายรุ้งทะลุดวงตะวันกลับทำลายค่ายกลของผู้นำสำนักสองสามคนออกไปเลย
“พรวด……”
“พรวด……”
“พรวด……”
ผู้นำสำนักหลายคนต่างถูกสะเทือนจนบินกลับไปและได้กระอักเลือดออกมา
เพียงแต่สถานการณ์ของเซี่ยวอวี่เซวียนกับกู้ชูหน่วนก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก
การโจมตีครั้งนี้ใช้พละกำลังแทบทั้งหมดของเซี่ยวอวี่เซวียนทำให้เขายืนไม่มั่นอยู่บ้าง แต่ว่าเขายังคงกอดกู้ชูหน่วนที่ล้มลงบนพื้นเอาไว้
“เจ้าเด็กโสโครก”
เซี่ยวอวี่เซวียนตะโกนอย่างประหม่าโดยที่กลัวว่าสตรีที่ร่างกายท่วมเลือดตรงหน้าจะสาปหายไปเลย
กู้ชูหน่วนไม่หยุดก็ยังดี เมื่อหยุดลงพละกำลังทั้งหมดในร่างกายราวกับว่าได้หมดสิ้นลงไปแล้วเช่นนั้น
ท่ามกลางความสะลึมสะลือนางมองเห็นเซี่ยวอวี่เซวียนที่ใบหน้าเป็นกังวล
ร่างกายของเซี่ยวอวี่เซวียนถูกทลายพรุนเป็นรูเลือดจำนวนไม่น้อย ดวงตาทั่งคู่ของเขาแดงก่ำและก็ไม่รู้ว่าไม่ได้หลับสนิทเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและวิตกกังวล
“เป็นเจ้า……เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
“เด็กโง่ เจ้าอยู่ที่นี่ข้าก็ต้องมาหาเจ้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
“เหตุใดทุกครั้งที่เห็นเจ้าเจ้าถึงได้รับบาดเจ็บทั่วร่างเลย”
“เจ้าก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน”
เซี่ยวอวี่เซวียนกอดร่างเรียวของนางเอาไว้ มืออันเรียวยาวลูบเส้นผมบนหน้าผากของนาง ใบหน้าแสดงออกถึงความอ่อนโยนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ขอโทษด้วย ข้ามาช้าไป”
กู้ชูหน่วนกัดฟันฝืนบังคับตนเองให้รู้สึกตัวอยู่ นางพยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายเพื่อพยายามลืมตาขึ้น
แต่กลับเห็นผู้คนที่ต้องการสังหารนางกระจัดกระจายอยู่ทั่ว
กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นอย่างยากลำบากโดยคิดที่จะผลักเซี่ยวอวี่เซวียนออก
“เจ้ารีบไปเถอะ นี่เป็นเรื่องของข้ากับพวกเขา”
“ข้าจะไม่ไป”
“เจ้าจะตายนะ”
เซี่ยวอวี่เซวียนจะเก่งกาจเพียงใดก็เพียงคนผู้เดียว คนผู้หนึ่งที่มีเนื้อและเลือด
คนผู้หนึ่งจะสามารถสู้แต่ละนิกายใหญ่ของรัฐปิงได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเซี่ยวอวี่เซวียนกลับกอดนางเอาไว้แน่นยิ่งขึ้น กระทั่งเอาคางของตนวางไว้บนหน้าของนาง
วามอ่อนโยนนุ่มนวลพร้อมด้วยเสียงราวแม่เหล็กค่อยๆดังขึ้น
“ตายก็ตาย เพียงแค่สามารถอยู่กับเจ้าได้ไปดินแดนแห่งความตายด้วยกันแล้วอย่างไร”
กู้ชูหน่วนตาแดงขึ้น
พ่อถูกฆ่า ทั้งตระกูลถูกสังหาร ความโศกเศร้าทั้งหลายทะลักเข้ามาในใจ
ความไร้ซึ่งหนทางอันเปราะบางที่สุดในหัวใจก็ได้แทรกซึมไปทั่วทั้งร่างกายของนาง
ในขณะที่นางโศกเศร้าที่สุด อ้อมกอดของเซี่ยวอวี่เซวียนเสมือนแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างซึ่งส่องทั้งชีวิตของนางให้สว่างไสว
กู้ชูหน่วนปล่อยหัวใจอันตึงเครียดลงแล้วกอดเซี่ยวอวี่เซวียนกลับ พิงแก้มของตนเองแนบลงบนหน้าอกของเขาฟังเสียงหัวใจเต้นแรงของเขา
“เสี่ยวเซวียนเซวียน ท่านพ่อของข้าถูกสังหาร ท่านลุงกับท่านปู่ของข้าก็ถูกสังหารเช่นเดียวกัน”
คำพูดของนางพร้อมความสะอื้น
กู้ชูหน่วนที่อ่อนแอเช่นนี้เซี่ยวอวี่เซวียนไม่เคยเห็นมาก่อน
แววตาเซี่ยวอวี่เซวียนเจ็บปวด
ทั้งตระกูลถูกฆ่าสังหาร นี่เป็นความเจ็บปวดมากเท่าใด
ตอนนั้นตระกูลเซี่ยวถูกสังหารทั้งตระกูล เขาแทบคลุ้มคลั่งเป็นบ้าไปซะแล้ว
เซี่ยวอวี่เซวียนแทบจะไม่กล้าจินตนาการว่าในใจของกู้ชูหน่วนในขณะนี้จะรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด
“ข้ารู้ เจ้ายังมีข้าอยู่ ข้าเคยบอกแล้วว่าเพียงแค่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ก็จะอยู่กับเจ้าและปกป้องคุ้มครองเจ้าเสมอ”
“อืม……”
“เซี่ยวอวี่เซวียนข้าเห็นแก่ที่เจ้ามีคุณสมบัติอันดี หากเจ้ายอมหลงผิดแล้วกลับใจบางทีพวกเราอาจจะสามารถจัดการสถานเบาได้” ท่านอาจารย์ของสำนักศึกษาอี้เหอท่านหนึ่งกล่าวเสียงดัง
เซี่ยวอวี่เซวียนหัวเราะเยาะพร้อมกับเย้ยหยันอยู่ในสายตา
เขากวาดตาไปทางผู้คนที่พลุกพล่านกระจัดกระจาย ในแววตาไร้ซึ่งความรู้สึกหวาดกลัว “เป็นผู้ใดที่ฆ่าล้างตระกูลมู่ทั้งตระกูล”
ในที่นั้นไม่มีผู้ใดตอบ
กลับมีคนกล่าวว่า “ขณะที่เรามาถึงตระกูลมู่ทั้งตระกูลได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว ส่วนในจวนมู่มีเพียงมูหน่วนผู้เดียว นอกจากนางแล้วยังมีผู้ใดที่จะฆ่าล้างตระกูลมู่ทั้งตระกูลอีก”