เซี่ยหลานอายุสิบเจ็ดปีแต่ยังไม่ได้ออกเรือน นี่เป็นเพราะนางใฝ่สูงเกินไป คิดจะออกเรือนให้กับตระกูลใหญ่ที่ตั้งหลักปักฐานในเมือง
ไม่เพียงแต่ต้องการออกเรือนในตระกูลมั่งมี เจ้าบ่าวยังต้องมีหน้าตาหล่อเหลา ถึงไม่ได้ออกเรือนมาถึงตอนนี้
ตอนนี้พอออกจากปากของลู่เจียว กลายเป็นว่านางเป็นคนจิตใจไม่ดี ไม่มีบุรุษหน้าไหนต้องการนาง
เซี่ยหลานเครียดจนร้องไห้ฟูมฟาย หร่วนซื่อก็ขุ่นเคืองใจจนใบหน้าบูดบึ้ง กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ลู่เจียว เหตุใดเจ้าถึงต้องใส่ร้ายป้ายสีบุตรีคนเล็กของข้าด้วย เจ้าที่ไม่ได้เรื่องขนาดนี้ ตระกูลเซี่ยของข้ายัง ยัง…”
หร่วนซื่อยังไม่ทันพูดจบ ก็มีคนฝ่าเข้ามาจากนอกสวน ทันทีที่เข้ามาก็โมโหใส่คนอื่นทันที
“เยี่ยมมาก นางตัวดี เจ้ามารังแกลูกสาวข้าอีกแล้วใช่ไหม คิดว่าตระกูลลู่ของพวกเรารังแกง่ายหรือ นางแก่หนังเหนียว วันๆ ไม่มีอะไรทำก็เที่ยวรังแกคนอื่นไปเรื่อย ลูกสาวของข้าแค่แต่งเข้าตระกูลเซี่ยก็ซวยจะแย่แล้ว วันนี้เจ้าต้องเจอดี หน็อยแน่”
คนคนนี้พุ่งทะยานไปทับร่างหร่วนซื่อไว้ทันที นางมีร่างผอมสูง สูงกว่าหร่วนซื่ออยู่หนึ่งคืบ หร่วนซื่อจึงไม่มีแรงเอาคืน แต่นางก็ไม่ได้ตบตีหร่วนซื่อ เพียงจับคอเสื้อหร่วนซื่อลากตัวนางไปมากับพื้นเท่านั้น
ทุกคนในเรือนเห็นภาพนี้ต่างก็ตกตะลึง แต่ละคนยังคงตกอยู่ในภวังค์
ลู่เจียวแค่เห็นก็มองออกทันทีว่าสตรีที่สั่งสอนหร่วนซื่อคือใคร นางคือเถียนซื่อ มารดาของร่างเดิม เถียนซื่อแตกต่างจากลู่เจียว นางเป็นคนร่างผอมสูง แขนขาเรียวยาว มองปราดเดียวก็ว่ารู้ว่าเป็นสตรีสง่าผ่าเผย
ในความทรงจำของลู่เจียว มารดาของร่างเดิมรักใคร่และตามใจนางอย่างมาก
ร่างเดิมป่วยแต่เด็ก ต้องกินยามาตลอด ขืนนางเกิดในตระกูลอื่นก็คงโดนทิ้งไปนานแล้ว ทว่าเถียนซื่อยังคงยอมเสียเงินเลี้ยงดูบุตรีจนเติบโต ร่างเดิมอ้วนท้วนเช่นนี้ ก็เพราะยาที่กินมาแต่เด็ก
ส่วนลู่เจียวที่อยู่อีกภพ พ่อแม่แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ทางครอบครัว ตอนคลอดพ่อแม่ก็ไม่ได้มีผูกพันกับนางมากนัก ภายหลังพ่อและแม่ต่างฝ่ายต่างพบรักแท้ของตัวเอง เลยส่งนางไปอยู่โรงเรียนประจำ ฉะนั้นบางครั้งนางก็รู้สึกอิจฉาเด็กผู้หญิงที่ได้รับความรักจากพ่อแม่
นึกไม่ถึงว่าพอได้โอกาสมีชีวิตอีกครั้ง นางกลับมีมารดาที่รักใคร่ตนเองเช่นนี้ ทันใดนั้นนางก็ตัดสินใจว่าวันข้างหน้าจะรักและกตัญญูต่อเถียนซื่อ
หร่วนซื่อที่โดนลากถูกับพื้นในลานไปหนึ่งรอบ สุดท้ายก็ได้สติกลับมา จึงตะโกนเสียงแหลม “ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เซี่ยหลานได้สติกลับมา ก็ตวาดเสียงดังด้วยความกระวนกระวายใจ “ใครก็ได้ไปช่วยท่านแม่ที นางแก่นั่นกล้ามารังแกคนของตระกูลเซี่ย ช่างกล้าดีจริงๆ”
คำพูดนี้ดึงสติคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยกลับมาได้ทันที
ลู่เจียวเห็นคนในหมู่บ้านเซี่ยจะลงไม้ลงมือ จึงรีบไปขัดขวางเถียนซื่อไม่ให้ลากตัวหร่วนซื่ออีก
“ท่านแม่ ปล่อยแม่สามีของข้าเถอะ”
นางไม่ได้สงสารหร่วนซื่อ ที่จริงก็สมน้ำหน้า แต่นางกลัวว่าคนในตระกูลเซี่ยจะทำร้ายเถียนซื่อ
เถียนซื่อได้ยินบุตรีพูดเช่นนี้ สุดท้ายก็ปล่อยหร่วนซื่อที่ตอนนี้มอมแมมราวกับขอทาน เดิมทีหน้าตาหร่วนซื่อก็อัปลักษณ์อยู่แล้ว พอโดนลากถูกับพื้น ก็ดูไม่เป็นผู้เป็นคน
เซี่ยหลานรีบเข้าไปพยุงนาง “ท่านแม่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
หร่วนซื่อนั่งร้องไห้ฟูมฟายบนพื้น “ตระกูลเซี่ยไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้กันแน่ กลับสู่ขอสะใภ้ที่อับโชคเช่นนี้เข้าจวน ก่อนหน้านี้บุตรชายของข้ายังดีๆ อยู่ กลับพลอยลำบากเพราะนาง ตอนนี้แม้แต่ข้าก็ยังโดนตีเพราะนาง สวรรค์ไร้เหตุผลเกินไปหรือเปล่า”
หร่วนซื่อร้องไห้ เถียนซื่อก็โมโหเดือดดาล อยากเข้าไปตบตีนางมารร้ายคนนี้ ก่อนหน้านี้นางเห็นแก่ชื่อเสียงตระกูล แค่ลากตัวหร่วนซื่อไปกับพื้นเพื่อสั่งสอนให้หลาบจำ แต่ตอนนี้หร่วนซื่อกลับกล้าต่อว่าบุตรี แล้วไยต้องมัวเกรงใจอีก
เถียนซื่อกำลังเดินหน้าไป ลู่เจียวกลับยกมือรั้งมารดาไว้แล้วหันไปมองหร่วนซื่อ พูดอย่างใจเย็น
“ท่านแม่ ไม่เช่นนั้นพวกเราไปให้นายอำเภอในที่ว่าการอำเภอตัดสินเถอะ ตอนที่บุตรชายได้รับบาดเจ็บ ผู้ปกครองขับไล่ออกจากบ้านนั้นเป็นเรื่องผิดหรือไม่ อีกอย่าง บุตรที่เป็นถึงซิ่วไฉ แล้วยังสอบได้อันดับหนึ่งของซิ่วไฉ ข้าคิดว่านายอำเภอคงจำสามีของข้าได้ พวกเราไปที่ว่าการอำเภอกันเถอะ”
ลู่เจียวเพิ่งจะพูดจบ กลางลานก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนต่างมองไปที่ลู่เจียว ราวกับไม่เคยรู้จักนางมาก่อน
แม่นางคนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ก่อนหน้านี้ถ้าเจออะไรไม่ได้ดั่งใจก็กลิ้งโวยวายบนพื้น ทั้งยังสบถหยาบคายใส่คนอื่นไปทั่ว
ตอนนี้นางไม่สบถหยาบคายใส่ใครไปเรื่อยเปื่อยแล้ว ทว่ากลับพูดจามีเหตุมีผล
คำพูดของนางทำให้ทุกคนต่างพูดไม่ออก และไม่กล้าดูหมิ่นนางอีก
โดยเฉพาะตอนที่นางบอกว่าจะให้นายอำเภอตัดสินว่าฝ่ายใดผิด สีหน้านางไม่ได้ดูหวาดกลัวแม้แต่น้อย ชาวบ้านไม่ต่อสู้กับขุนนาง แม่นางผู้นี้ไม่กลัวหรือไร
หร่วนซื่อนิ่งงันไปทันที นางจำได้ว่าตอนที่บุตรชายสอบติดอันดับหนึ่งของซิ่วไฉ ใต้เท้านายอำเภอมาเยือนถึงบ้าน ตอนนั้นยังส่งเงินหนึ่งร้อยตำลึงมา ขืนใต้เท้านายอำเภอรู้ว่าตอนนี้บุตรชายได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วโดนพวกเขาไล่ออกไป พวกเขาจะเจอเคราะห์ร้ายอะไรเป็นแน่
หร่วนซื่อวิตกกังวลขึ้นมา ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เวลานี้ เซี่ยฟู่กุ้ยที่เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านตระกูลเซี่ยและเซี่ยเหล่าเกิน บิดาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบตามกันมา
พวกเขามาถึงก็ได้ยินเสียงพูดของลู่เจียวทันที สีหน้าต่างก็หม่นหมองลง
เซี่ยฟู่กุ้ยไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงที่ว่าการอำเภอ หากเรื่องถึงที่นั่น ชื่อเสียงของหมู่บ้านพวกเขาต้องได้รับผลกระทบด้วยแน่นอน
เซี่ยเหล่าเกินยิ่งไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เรื่องแบ่งแยกทรัพย์สินและแยกบ้านกันเป็นเรื่องที่พวกเขาทำไม่ถูก
ทั้งสองเข้ามาจากนอกประตู ก็ตวาดใส่หร่วนซื่ออย่างโมโหทันที
“เจ้าโวยวายอะไรของเจ้า ไม่จบไม่สิ้นเสียที”
เซี่ยเหล่าเกินจับตัวภรรยาตัวเอง “กลับไป โวยวายอะไรของเจ้า”
ครั้งนี้หร่วนซื่อไม่กล้าพูดอะไร ผุดลุกขึ้นทันที
ก่อนเซี่ยเหล่าเกินจะไป ก็มองลู่เจียวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “สะใภ้สาม ข้าเองก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่สถานการณ์ในบ้านเป็นเช่นนี้ ข้าก็จนปัญญาจริงๆ”
ลู่เจียวมองเซี่ยเหล่าเกินด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แค่หวังว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจภายหลัง”
เซี่ยฟู่กุ้ยมองคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยพริบตาเดียวก็พูดอย่างโมโห “พวกเจ้าเอะอะเสียงดังไปไย น่ารำคาญจริงๆ ไสหัวออกไปให้หมด”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของลู่เจียว กลับไม่กล้าพูดว่าจะไล่นางออกจากหมู่บ้าน ต่างก็ออกไปด้านนอกอย่างเงียบๆ
ทว่าเซี่ยเอ้อร์จู้ไม่ได้ไป เขาถือโอกาสตอนที่คนไม่สังเกตรีบเข้าไปดูเซี่ยอวิ๋นจิ่น
มารดาพาคนมาก่อเรื่องเช่นนี้ กลับไม่ไปเจอหน้าน้องสาม เขาต้องรู้สึกไม่สบายใจมากแน่นอน ต้องไปปลอบประโลมเขาเสียหน่อย
ชาวบ้านต่างก็ออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เหลือเพียงเสิ่นซิ่วที่กัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ เดิมทีนางยังคิดยืมมือคนในตระกูลเซี่ยขับไล่ลู่เจียวออกจากหมู่บ้าน เช่นนี้นางจะได้แต่งงานกับพี่สาม
ถึงแม้คุณชายสามเซี่ยจะเป็นเดินไม่ได้ นางก็ไม่รังเกียจ นางยินดีดูแลเขาตลอดชีวิต นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายกลับไม่สำเร็จ เสิ่นซิ่วจึงจากไปอย่างขุ่นเคืองใจ
ลู่เจียวที่ยังคงอยู่กลางลานบ้านก็เงยหน้าชำเลืองมองเสิ่นซิ่วที่กัดฟันกรอดนอกรั้วปราดหนึ่ง
ลู่เจียวหรี่ตาลงครุ่นคิดอย่างละเอียด ถึงจะมั่นใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เสิ่นซิ่วลอบบงการเซี่ยหลานผู้โง่เขลากระทำการดั่งที่นางคาดไว้ไม่มีผิด
ลู่เจียวอดยิ้มเย้ยหยันไม่ได้ แม่นางผู้นี้รักเซี่ยอวิ๋นจิ่นจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นอัมพาตก็ยังอยากแต่งงานกับเขา ทว่าตอนนี้นางเล่นงานตน ตนไม่มีทางปล่อยให้นางลอยนวลแน่นอน
คอยดูเถอะ!