ในเรือนตะวันออก แฝดสี่และเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ลู่เจียวกินข้าวในโรงครัว ทว่าน้ำแกงค่อนข้างมัน นางจึงตักน้ำมันที่ลอยด้านบนออก แล้วดื่มแค่น้ำไปหนึ่งถ้วย
เพราะนางมัวเป็นห่วงว่าแฝดสี่เก็บถ้วยแล้วจะทำถ้วยชามแตกอีก
ลู่เจียวเลยจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของคนในเรือนตลอดเวลา พอได้ยินเสียงเหมือนใกล้จะกินกันเสร็จ นางก็ลุกขึ้นเข้าไปเก็บถ้วยเก็บตะเกียบ
ครั้งนี้แม้แฝดสี่จะรักษาระยะห่างกับนางเหมือนเดิม ทว่ากลับไม่ได้ดูแตกตื่นและหวาดผวาเหมือนในตอนแรก
ลู่เจียวก็ไม่ได้สนใจพวกเขา ยิ่งไม่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นแม้แต่ปราดเดียว ยกตะเกียบและถ้วยชามออกไป
เซี่ยเอ้อร์จู้ที่อยู่ด้านหลังก็พึมพำด้วยความประหลาดใจ “น้องสะใภ้สามไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไม่จุ้นจ้านเจ้าเหมือนเช่นเคย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต้องอวดความดีความชอบที่ตัวเองทำแน่นอน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกว่านางในฉบับนี้ ยิ่งตรงกับแบบที่เขาคิดในก่อนหน้านี้ นางต้องวางแผนอะไรบางอย่างไว้แน่นอน
ตอนเที่ยง เซี่ยเอ้อร์จู้อยู่ด้วยไม่นาน หลังจากป้อนอาหารเซี่ยอวิ๋นจิ่นและพาเขาไปสุขาแล้วก็กลับไป
ช่วงบ่าย ลู่เจียวไปงีบหลับในเรือนตะวันตก นางยุ่งมาตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนนี้เหนื่อยจนหมดแรง
แม้นางจะอ้วนท้วน ทว่าก็ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมหรืออดข้าวมากเกินไป ต้องห้ามใจร้อนโดยเด็ดขาด
หลังจากตื่นจากการงีบหลับ นางก็เริ่มฝึกโยคะลดความอ้วน หลังจากเผาผลาญไขมันจนเหงื่อท่วมตัว ก็ค่อยไปต้มน้ำอุ่นในโรงครัวเพื่ออาบน้ำ
ตกเย็น นางต้มข้าวต้มไก่ฉีกผักกาด เป็นเนื้อไก่ที่เหลือตอนเที่ยง เพิ่มผักกาดเข้าไป รสชาติก็ไม่เลว
ทว่าลู่เจียวแอบใส่น้ำจากน้ำพุจิตวิญญาณเข้าไปในข้าวต้ม น้ำพุจิตวิญญาณจะปรับสมดุลของร่างกายได้ แค่นางไม่กล้าใส่มากเกินไป กลัวว่าจะโดนจับได้ เพราะหากเติมน้ำจากน้ำพุจิตวิญญาณในห้วงอากาศนี้ลงไป รสอาหารจะค่อนข้างหวาน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงมองข้าวต้มด้วยความระแวงว่ามีพิษหรือไม่ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีพิษ ถึงจะให้แฝดสี่กิน
อาหารทั้งวันนี้ ทำให้แฝดสี่รู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน แม้กระทั่งยังสงสัยว่าลู่เจียวเป็นบ้าไปแล้ว
เด็กชายทั้งสี่ต่างเปรยว่า ถ้านางบ้าเช่นนี้ไปตลอดก็ดี วันข้างหน้าพวกเราจะได้กินของอร่อยๆ
ลู่เจียวได้ยินคำพูดของพวกเขา ก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นี่มันอะไรกันเนี่ย
หลังจากผ่านมื้อค่ำไป ตอนนางไปเก็บถ้วยชามในเรือนตะวันออก จู่ๆ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยว่า “ลู่เจียว คืนนี้เจ้าอยู่ดูแลพวกเราในนี้เถอะ”
ลู่เจียวและเซี่ยเอ้อร์จู้เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน
สามวันก่อน เซี่ยเอ้อร์จู้อยู่นอนเฝ้าในเรือนตะวันออก เผื่อซูอวิ๋นจิ่นต้องการอะไรตอนกลางดึก
หลังจากนิ่งอึ้งไปสักพัก เซี่ยเอ้อร์จู้ก็พูด “น้องสาม ให้ข้าอยู่ดูแลเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขา “พี่รองเฝ้ามาหลายวันแล้ว อย่างไรก็ต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้รองหน่อย พรุ่งนี้ค่อยมาเฝ้าข้าเถอะ”
เซี่ยเอ้อร์จู้ยังคงไม่ไว้วางใจจึงมองลู่เจียวด้วยความหวาดระแวง
ลู่เจียวทำหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย หรี่ตามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าหมอนี่จะให้นางเฝ้าตอนกลางคืนหรือ นางไม่เชื่อว่าเขาจะยอมให้นางนอนในเรือนของเขา
หรือว่าเขาอยากฆ่านาง ทว่าเขาขยับไม่ได้เสียหน่อย
หรือว่าเขาแค่อยากจะให้เซี่ยเอ้อร์จู้กลับไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาจริงๆ อย่างไรเสียเซี่ยเอ้อร์จู้ก็เฝ้าเขามาสามคืนแล้ว
แบบนี้ก็สมเหตุสมผลอยู่
แม้ลู่เจียวจะคิดเช่นนี้ แต่ในใจกลับระแวดระแวง ทว่านางกลับไม่ได้ปฏิเสธ
นี่คือตัวร้ายที่ร้ายที่สุดในนิยายเรื่องที่นางอ่าน ฉะนั้นนางต้องสานความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาให้ได้
“ได้”
ลู่เจียวตอบกลับ เซี่ยเอ้อร์จู้ก็ไม่อยากพูดอะไรอีก จึงจัดข้าวของของเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้เรียบร้อย แล้วค่อยลุกขึ้นจากไป
ลู่เจียวเอาถ้วยชามออกไปล้าง แฝดสี่คนนั้นเดินไปใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่น แล้วประท้วงด้วยความไม่พอใจ
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงให้นางมานอนในเรือนของพวกเราเล่า”
“ข้าไม่อยากให้นางมานอนที่นี่”
“ท่านให้นางออกไปเถอะ”
นัยน์ตาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นฉายแววน่าหวาดผวา ทำให้คนถึงกับหายใจไม่ออก
“เอาเถอะ วันนี้ให้ท่านลุงกลับไปพักผ่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้พ่อจะให้นางออกไปเอง”
แฝดสี่คนไม่พูด รีบปีนขึ้นมานอนบนเตียงของเซี่ยอวิ๋นจิ่น สามวันนี้พวกเขามานอนเช่นนี้ มีเพียงได้อยู่เคียงข้างเซี่ยอวิ๋นจิ่น ถึงจะทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย
ในห้องครัว ลู่เจียวล้างจานเสร็จก็ไปเอาเสื่อในเรือนตะวันตกเดินไปที่เรือนตะวันออก คืนนี้นางต้องระมัดระวังตัวให้มาก ห้ามหลงกลเซี่ยอวิ๋นจิ่นโดยเด็ดขาด นางไม่อยากกลายเป็นภรรยาที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว
แม้ในใจลู่เจียวจะคิดเช่นนี้ ทว่าตอนที่นางนอนลงจริงๆ ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าง่วงนอนมาก อีกอย่างนางมีร่างอ้วนท้วนเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้หลับได้ดี เพิ่งนอนลงก็เริ่มทะเลาะกับเปลือกตาตัวเองแล้ว
เริ่มแรกลู่เจียวแกล้งหลับก่อน เพื่อสังเกตดูความเคลื่อนไหวของเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
ด้วยความฉลาดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมรู้หลักเหตุผลที่ฆ่าคนแล้วต้องชดใช้ด้วยชีวิต ฉะนั้นถ้าเขาฆ่าภรรยา ไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของตน เขายังจะได้รับโทษหนักอีกด้วย นางตายไป เขาโดนประหารชีวิต เจ้าแฝดสี่จะทำอย่างไร
ฉะนั้นเขาอาจฆ่านางทิ้ง แต่ต้องสร้างสถานการณ์ว่านางจบชีวิตตัวเอง
ลู่เจียวยิ่งคิดยิ่งกังวลใจ พยายามไม่ปล่อยให้ตัวเองหลับ แต่น่าเสียดายที่คนบนเตียงไม่ขยับแม้แต่น้อย
ลู่เจียวเงี่ยหูฟังเสียงลมหายใจของเขา สังเกตได้ว่าเขาไม่ได้แกล้งหลับ แต่หลับไปแล้วจริงๆ ฉะนั้นนางคิดไปเองทุกอย่างหรือ
เขาไม่ได้คิดจะทำร้ายนางจริงหรือ
ลู่เจียวฝืนตัวเองไปถึงตอนกลางดึกก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ค่อยๆ หลับใหลไป
นางเพิ่งหลับไป คนบนเตียงก็ลืมตาขึ้น แววตาเยือกเย็นฉายแววคมเฉียบดั่งดาบ ทอประกายแสงระยิบระยับ
ลู่เจียวหลับลึกมากจึงไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย แม้กระทั่งยังนอนยังฝันถึงเรื่องหลังจากที่ตนตายไปในภพที่แล้ว เห็นภาพแห่งความโศกเศร้า เพื่อนในค่ายทหารไว้อาลัยนาง ฝันเห็นกระทั่งพ่อแม่ที่ต่างแยกทางไปตามหารักแท้ของตัวเอง ยังต้องกลับมาร่วมงานศพของนางด้วยความเสียใจ
ลู่เจียวกำลังเหม่อลอยกับภาพตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเหมือนโดนใครบีบคอ หลังจากหายใจไปหลายเฮือกก็สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความยากลำบาก
ตอนที่นางตื่นขึ้นมาก็ยกมือขึ้นคว้ามือที่บีบคอตัวเองออก
เกิดเสียงดังขึ้น คนคนนี้ไปชนเข้ากับฝาผนัง ลู่เจียวหอบหายใจสะลืมสะลือ เงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงมุมกำแพง
บุรุษผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา ทว่าแววตากลับเลือดเย็นอย่างบอกไม่ถูก กำลังจ้องนางด้วยความอาฆาต
เวลานี้ตอนนี้ เขาเหมือนภูตผีปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากนรกที่ต้องการจะกินเลือดกินเนื้อลู่เจียว
ลู่เจียวเห็นหน้าคนที่บีบคอนางอย่างชัดเจนแล้ว กลับเป็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นอนป่วยหนักอยู่บนเตียง
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ไม่หลับไม่นอนตอนกลางดึก แล้วมาบีบคอข้าเช่นนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินคำพูดของลู่เจียว แววตาพลันแดงฉานไปด้วยความอาฆาต
“ใช่ ข้าบ้าไปแล้ว โดนเจ้าบีบบังคับจนเป็นบ้า ชีวิตดีๆ ของข้าต้องถูกเจ้าทำลายไป ฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”
เพิ่งจะพูดจบ เขาก็รู้สึกเวียนศีรษะจนคลื่นไส้ ทว่ากลับกัดฟันสู้ พยายามคลานไปหาลู่เจียว ท่าทางนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ยอมแพ้ถ้าไม่บรรลุเป้าหมาย
ลู่เจียวลุกขึ้นไปตบหน้าเขา ตบจนเขาสลบไปทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งสงบลงทันที เขานอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อน
ลู่เจียวมองเขา ภายในใจเกิดความรู้สึกอาฆาตแค้น ฆ่าเขาไปเสียดีกว่า ฆ่าไปแล้วจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะมาแก้แค้นตนในภายภาคหน้าอีก