ลู่เจียวหยุดความคิดร้ายกาจทันที ถ้านางสังหารเขา แล้วจะไปต่างอะไรกับคนร้ายพวกนั้น ถ้าสังหารเซี่ยอวิ๋นจิ่นจริงๆ เด็กชายสี่คนนี้จะทำอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นคือดาวร้ายที่ร้ายกาจที่สุดในนิยาย หากสังหารเขา เนื้อหานิยายต้องผิดเพี้ยนไปจากเดิมแน่นอน นางคงไม่อยากตายตามเขาไปแน่
ลู่เจียวจึงโน้มตัวลงไปอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปวางบนเตียง
นางอุ้มชายผู้นี้ได้สบายๆ เพราะนางมีห้วงอากาศติดตัวมาด้วย กำลังจึงเยอะกว่าเดิมหลายเท่า
พอเห็นฟ้ายังไม่สว่าง ลู่เจียวรีบไปนอนพัก นางไม่ได้หลับดีๆ มาทั้งคืน เวลานี้นางง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว
ตอนนางตื่นขึ้นมาอีกที ก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว แฝดสี่ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงก็ตื่นนอนแล้ว เขามองนางด้วยสายตานิ่งเฉย ราวกับว่าเรื่องที่เกิดเมื่อคืนเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย
ลู่เจียวเบ้ปากอย่างหมดคำพูด นางกำลังจะลุกขึ้นไปทำอาหาร เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงกลับพูดว่า “ตักน้ำให้ข้าดื่มที”
ลู่เจียวอยากถามว่าเขากระหายน้ำเพราะเมื่อคืนออกกำลังกายหนักเกินไปหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถาม หันหลังเดินออกไปตักน้ำเย็นมาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
“ไม่มีน้ำร้อน จะดื่มน้ำเย็นหรือไม่”
คนบนเตียงไม่ได้ปฏิเสธ “ดื่ม”
ลู่เจียวยกน้ำเย็นไป แต่แล้วก็พลันทำตัวไม่ถูก แล้วเขาจะดื่มอย่างไร
“ให้ข้าป้อนเจ้าไหม”
แม้บุรุษคนนี้จะหล่อเหลา ทว่าสำหรับนาง เขาก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาอยากสังหารนางจนใจจะขาด ฉะนั้นตอนนี้นางเลยไม่อยากใกล้ชิดเขามากเกินกว่านี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหัว “ไม่ต้อง”
เขายื่นมือรับน้ำจากลู่เจียว ยกถ้วยมาดื่มอย่างยากลำบาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้รับบาดเจ็บทั้งศีรษะ หน้าอกและขา ทว่ามือสองข้างไม่เป็นอะไร ยังถือของได้บ้าง แต่ถือไม่ได้ทุกอย่าง เพราะเขาขยับตัวไม่ได้ แค่ขยับก็จะรู้สึกเวียนศีรษะและคลื่นไส้แล้ว
ลู่เจียวเห็นเขาถือน้ำด้วยมือสั่นเทา น้ำทั้งถ้วยหกกระเซ็นไปทั่ว เลยหันหลังเพื่อหาผ้ามาเช็ดให้เขาโดยไม่รู้ตัว
นึกไม่ถึงว่านางเพิ่งหมุนตัวไป จู่ๆ คนบนเตียงกลับปาถ้วยในมือแตก แล้วหยิบเศษกระเบื้องหนึ่งเสี่ยงขึ้น เขาพยายามขยับมากดบ่าลู่เจียวไว้ ส่วนมือที่ถือเศษกระเบื้องก็เล็งเส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอของนาง
ลู่เจียวสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวอย่างว่องไวของคนด้านหลังตั้งแต่แรก นางเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง ยกมือฟาดเซี่ยอวิ๋นจิ่นจนล้มลงบนเตียงทันที
เกิดเป็นหมอทหาร ต้องเคยฝึกวิชาป้องกันตัวในค่ายทหารมาบ้างอยู่แล้ว นางจึงเคลื่อนไหวร่างกายได้ฉับไว เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่มีทางลอบจู่โจมนางได้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ต่อให้ลงมือไวเพียงใดก็ยังช้ากว่านางอยู่ดี
แต่ลู่เจียวยังคงโกรธเคืองมาก หันหลังโดดเข้าไปบีบคอของเขาไว้ แล้วสบถหยาบอย่างโมโห
“เจ้าอยากตายมากเลยหรือ ได้ ข้าจะจบชีวิตเจ้าเอง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขยับไม่ได้ เขาโดนนางบีบคอจนหายใจหอบ จึงจ้องหน้านางอย่างอาฆาตแค้น
“เจ้าฆ่าข้า เจ้าเองก็ต้องตายเหมือนกัน”
ลู่เจียวได้สติกลับมาทันที ไม่ง่ายเลยที่นางจะรอดชีวิต นางจะไม่ยอมตายอีกแน่นอน ทันใดนั้น แรงที่บีบคอเขาก็แผ่วลง ทว่าลู่เจียวกลับยังเอ่ยคำพูดโหดเหี้ยม
“ถ้าเจ้ายังคิดจะฆ่าข้าอีก ก็อย่ามาโทษข้าชิงฆ่าเจ้าก่อนแล้วกัน”
ต่อให้เขาจะเป็นจอมมารร้าย นางก็ไม่มีทางนั่งรอให้เขาฆ่าแน่นอน
ลู่เจียวเพิ่งจะตักเตือนจบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากประตู
ลู่เจียวนึกถึงแฝดสี่คนนั้น รีบดึงมือกลับทันที
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรทะเลาะกันต่อหน้าเด็ก พ่อแม่คือคันฉ่องที่สะท้อนแบบอย่างให้เด็กๆ หากพวกเขามีปากเสียงกัน หรือทะเลาะตบตีกันต่อหน้าเด็ก ก็อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของพวกเด็กๆ ด้วย
ลู่เจียวหันไปมองตรงประตู เห็นต้าเป่ายกน้ำถ้วยหนึ่งมาอย่างระมัดระวัง
อันที่จริงเขาดูหวาดกลัวมาก พยายามประคองถ้วยน้ำไม่ให้น้ำหกแม้แต่หยดเดียว แล้วหยุดลงตรงหน้าลู่เจียว “ท่านแม่ดื่มน้ำหน่อยเถอะ”
ลู่เจียวมองเจ้าเด็กคนนี้ด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ชอบนาง จู่ๆ ยกน้ำมาให้นางดื่ม ดีขนาดนี้เชียวหรือ
ทว่าพอเห็นร่างเด็กน้อยโงนเงนไปมา จึงรับน้ำในมือไว้โดยไม่รู้ตัว ทันทีที่รับไว้ ก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างง ในน้ำมียาพิษ
สีหน้าของลู่เจียวเปลี่ยนไปทันที ถึงกับกล้าวางยานาง ที่ร้ายกาจกว่านั้นคือ พิษในน้ำคือหญ้าไส้ขาดที่กินแล้วถึงขั้นตายได้
มิน่าล่ะ ตอนโตมาถึงได้กลายเป็นตัวร้ายที่ทำความชั่วโดยไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
เดิมทีลู่เจียวไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกเขา ทว่าตอนนี้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับนาง นางไม่สั่งสอนพวกเขาหน่อยไม่ได้
ลู่เจียวคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงยกถ้วยในมือไปตรงข้างเตียง ขณะเดินก็พูดว่า “ท่านพ่อของพวกเจ้ากระหายน้ำ เอาน้ำถ้วยนี้ไปป้อนเขาเถอะ”
ลู่เจียวพูดขึ้น สีหน้าต้าเป่าก็เปลี่ยนไป รีบขัดขึ้น “ไม่ ให้ท่านพ่อดื่มไม่ได้”
“ทำไมล่ะ” ลู่เจียวชะงักฝีเท้าลงแล้วมองต้าเป่า เด็กคนนี้เริ่มกลัวจนตัวสั่น เดิมทีมารดาก็ดุร้ายอยู่แล้ว ตอนนี้เขาวางยานาง นางต้องเฆี่ยนตีเขาจนตายแน่
ต้าเป่าขวัญเสียจนร้องไห้เสียงดัง ลู่เจียวเดินหน้าไปที่ข้างเตียง “ดูท่าแล้ว น้ำถ้วยนี้คงมีปัญหาจริงๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้ท่านพ่อพวกเจ้าพิสูจน์ก่อนเถอะ”
ต้าเป่าตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ มะ…มียาพิษ”
ลู่เจียวแสยะยิ้มใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เยี่ยม ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ คนเป็นพ่ออยากฆ่าข้า แล้วลูกก็อยากฆ่าข้าอีก พวกเจ้าสองพ่อลูกเข้ากันดีจริงๆ”
ลู่เจียวหยุดชะงักไปชั่วขณะแล้วพูดต่อ “ข้าอยากถามเซี่ยซิ่วไฉสักหน่อย เด็กที่อายุน้อยขนาดนี้วางยาฆ่ามารดาเช่นนี้ อนาคตจะจบสิ้นหรือไม่ เจ้าอยากให้บุตรชายของเจ้ากลายเป็นวายร้ายที่ไม่เกรงกลัวการทำชั่วหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขามองต้าเป่าด้วยสีหน้าหม่นหมอง แล้วตวาดขึ้น “ต้าเป่า เจ้าไปเอายาพิษพวกนี้มาจากไหน”
ต้าเป่าพูดด้วยเสียงสะอื้น “คะ คราวที่แล้ว คราวที่แล้วข้าเห็นเสิ่นต้านิวกินยาตัวนี้แล้วเกือบสิ้นใจ”
เพราะเมื่อคืนเขาเห็นบิดาตัวเองฆ่ามารดาไม่สำเร็จ เขาเลยไปเอายาพิษตัวนี้มาตั้งแต่เช้าตรู่
นึกไม่ถึงว่ามารดาสารเลวคนนี้จะรู้ทัน ต้าเป่าร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “พ่อเจ้าเป็นแบบอย่างที่ดีจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนเจ้าทำกับข้าเช่นนั้น แล้วจะเกิดเรื่องที่บุตรวางยาฆ่ามารดาได้อย่างไร ถ้าคนอื่นมารู้เข้า อนาคตของเขาต้องจบแน่นอน”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเปลี่ยนไปมา เขาเงยหน้ามองลู่เจียว “เขายังเป็นเด็ก”
“เป็นเด็กเป็นเล็กก็หัดวางยาพิษมารดาตัวเองแล้ว นี่ถ้าโตกว่านี้คงทำเรื่องชั่วอื่นได้โดยไม่รู้สึกละอายใจ”
ลู่เจียวพูดจบก็ไม่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เพียงมองต้าเป่า “ไปเอาไม้เรียวมา”
สีหน้าของเซี่ยอวิ๋นจิ่นเปลี่ยนไปทันที แล้วตวาดใส่นางเสียงแข็ง “เจ้าคิดจะทำอะไร”
ลู่เจียวชักสีหน้าโมโห “ทำความผิดแล้วไม่ลงโทษ วันข้างหน้าลูกไปฆ่าคนวางเพลิงไปทั่ว แล้วจะทำอย่างไร”
นางมองต้าเป่า ต้าเป่าไม่พูดไม่จา เอ้อร์เป่า ซานเป่าและซื่อเป่าที่อยู่ด้านนอกวิ่งกรูเข้ามา
“พวกเราเป็นคนทำเอง ท่านตีพวกเราเถอะ”
“อย่าตีพี่ชายเลย ตีพวกเราเถอะ”