ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 2 โกรธเคืองแม่นางหน้าซื่อใจคด

ตอนที่ 2 โกรธเคืองแม่นางหน้าซื่อใจคด

แววตาของลู่เจียวหม่นหมองลง นางหันหลังเดินออกมาทันที ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางควรพูดสิ่งใด สู้นิ่งเงียบไปก่อนดีกว่า 

ยิ่งไปกว่านั้น เช้านี้ทุกคนต่างไม่มีอะไรตกถึงท้อง นางเดินไปดูในห้องครัว ทำอะไรกินหน่อยดีกว่า 

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของลู่เจียว นางก็สาวเท้าก้าวใหญ่ไปที่ห้องครัวทันที 

ในครัวกลับมีของไม่น้อย นอกจากข้าวกล้องหนึ่งร้อยจินและแป้งข้าวโพดห้าสิบจินที่ได้ตอนแยกครอบครัวกัน ยังมีข้าวสารสามจิน ไข่ไก่และน้ำตาลที่บ้านเดิมของลู่เจียวส่งมา สำหรับข้าวเหนียว ถั่วเหลืองและผักกาดขาว ล้วนมาจากคนในหมู่บ้าน 

อ้อ ตรงมุมกำแพงยังมีไก่อีกหนึ่งตัว นี่เป็นไก่ที่ร่างเดิมแย่งมาจากเล้าไก่ของตระกูลเซี่ยตอนแยกเรือนในวันนั้น 

ตอนนั้นสะใภ้ใหญ่นามว่าเฉินหลิ่ววิ่งมาเพื่อแย่งไก่ตัวนี้กลับไป ทว่ากลับถูกเซี่ยเหล่าเกินขัดขวางไว้ 

ลู่เจียวกวาดตามองข้าวของในครัวหนึ่งรอบ กำลังคิดว่าจะทำอาหารอะไรดี สุดท้ายจึงใช้ข้าวสารต้มข้าวต้มครึ่งหม้อ ใช้ไข่ไก่สามฟองผสมแป้งข้าวโพดเพื่อทำขนมไข่ 

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว แทบอยากทรุดตัวลงไปนั่งบนพื้นไม่ขยับไปไหน 

ทว่าก็นึกถึงแฝดสี่และเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นอนบนเตียงไม่มีอะไรตกถึงท้อง นางจึงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าอย่างฝืนทน หันหลังเดินไปที่เรือนตะวันออก 

เพียงแต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปตรงประตู ก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนส่งมาจากในเรือน 

“พี่สาม ท่านหิวหรือยัง ข้าให้คนต้มข้าวต้มให้ท่านโดยเฉพาะ ท่านรีบกินเถอะ ไม่เช่นนั้นร่างกายจะยิ่งแย่ลงอีก” 

เมื่อลู่เจียวได้ยินเสียงอ่อนหวานเช่นนี้ ก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูมองคนในรือน 

เวลานี้ ในเรือนนอกจากจะมีเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยเอ้อร์จู้ และแฝดทั้งสี่แล้ว ยังมีแม่นางร่างบางคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงผูกเอวสีขาว ขับเน้นเอวคอดเพรียวบางดั่งใบหลิวพลิ้วไหว เพียงมองจากด้านหลังก็ทำให้อดเคลิบเคลิ้มไม่ได้ 

ลู่เจียวมองแผ่นหลังแม่นางผู้นี้ ก็รีบย้อนความทรงจำในร่างเดิม แม่นางผู้นี้ก็คือเสิ่นซิ่ว หนึ่งในชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลเซี่ย 

ทุกคนต่างลือกันว่าเสิ่นซิ่วและเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นคู่ครองที่หมายปองกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองต่างมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน หากลู่เจียวไม่เข้ามาแย่งชิงไปก่อน เสิ่นซิ่วเป็นคนที่น่าจะออกเรือนกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมากที่สุด 

ร่างเดิมเคยมีปากเสียงกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างรุนแรงเพราะเรื่องนี้ จนเมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงท่าทีว่าเขาไม่ได้คิดจะสู่ขอเสิ่นซิ่ว นางถึงยอมหยุดโวยวาย 

เสิ่นซิ่วเห็นว่าตนคงไม่มีทางได้ออกเรือนเป็นภรรยาของเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงถูกทางบ้านสั่งให้ออกเรือนกับบุรุษอื่น แต่นางเพิ่งจะออกเรือนไปได้สี่ปี สามีก็ตายจากไปแล้ว นางจึงกลายเป็นแม่หม้ายที่เลี้ยงดูบุตรีหนึ่งคนตั้งแต่ยังสาว 

คนของสกุลซูเห็นว่าพวกนางสองแม่ลูกรังแกง่าย จึงขับไล่พวกนางออกจากสกุลซู ฉะนั้นเสิ่นซิ่วเลยกลับไปอาศัยที่เรือนของสกุลเดิม ซึ่งเรือนของนางอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ 

ลู่เจียวกำลังครุ่นคิดจนตกอยู่ในภวังค์ ในเรือนก็มีเสียงเรียบเฉยอ่อนแรงของเซี่ยอวิ๋นจิ่นดังขึ้น “ข้าไม่ต้องการของพวกนี้ เจ้าเอากลับไปเถอะ” 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งจะพูดจบ เสิ่นซิ่วก็เอ่ยขึ้นอย่างใจร้อนทันที “พี่สาม ท่านจะไม่กินอะไรเลยไม่ได้นะ” 

เซี่ยเอ้อร์จู้ที่กำลังทายาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงขมวดคิ้วมองเสิ่นซิ่วแวบหนึ่งแล้วพูดว่า 

“ประเดี๋ยวข้ากลับไปเอาอาหารมาให้น้องสามกิน เจ้าเอาของพวกนี้กลับไปก่อนเถอะ” 

เสิ่นซิ่วเป็นแม่หม้ายคนหนึ่ง นางมาคอยประจบประแจงบุรุษอื่นถึงในเรือนเช่นนี้ แล้วคนนอกจะมองอย่างไร น้องสามเป็นบุรุษเลื่องชื่อ คงไม่อาจปล่อยให้คนอื่นมาทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาได้กระมัง 

เสิ่นซิ่วกำลังจะพูดอะไรอีก ลู่เจียวก็เดินเข้ามา แล้วจ้องมองเสิ่นซิ่วด้วยความเดือดดาล “เจ้ามาทำอะไรในเรือนข้า” 

ทีแรกเจียวลู่ไม่อยากเข้าไป ทว่าเที่ยงวันนี้ทุกคนไม่ได้กินอะไรเลย ไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่น ลำพังตัวนางเองก็หิวจนหมดเรี่ยวแรงแล้ว คิดว่าเจ้าแฝดสี่คงหิวจนท้องแบนราบหมดแล้ว 

เพื่อที่ลู่เจียวจะไม่ทำลายความโด่งดังด้านนิสัยเสียของร่างเดิม ทันทีที่เดินเข้าไปก็ใส่อารมณ์กับเสิ่นซิ่วทันที เช่นนี้ถึงจะสมกับนิสัยของร่างเดิมหน่อย 

เสิ่นซิ่วได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “ข้ามาส่งของกินให้พี่สาม เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ จะไม่ให้กินอะไรเลยได้อย่างไร” 

ลู่เจียวได้ยินก็ถลึงตามองเสิ่นซิ่วอย่างดุร้าย แล้วตวาดอย่างโมโห 

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าที่เป็นแม่หม้าย มาทำอะไรในเรือนของบุรุษอื่น เจ้าคงไม่ใช่ว่าจะมายั่วยวนสามีของข้าหรอกนะ” 

เสิ่นซิ่วได้ยินคำพูดของลู่เจียว พลันนัยน์ตาก็แดงระเรื่อ นางหันหน้าไปทางเซี่ยอวิ๋นจิ่น พร้อมร้องไห้ออกมาทันที 

“พี่สาม เหตุใดนางถึงต่อว่าข้าเช่นนี้ ข้าแค่ทนดูพี่สามหิวไม่ได้ก็เท่านั้น” 

นางพูดด้วยเสียงสะอื้น ท่าทางน่าเห็นอกเห็นใจนัก 

ท่าทางเช่นนี้ หากเป็นบุรุษคนอื่นคงจะใจอ่อนไปแล้ว น่าเสียดายที่บุรุษตรงหน้ากลับเป็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่เลือดเย็นไร้หัวใจ 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้แสดงสีหน้าใด เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “เอาของกินของเจ้ากลับไปเถอะ” 

เสิ่นซิ่วยังอยากพูดอะไรต่อ ลู่เจียวที่อยู่ด้านหลังก็พูดเสียงเหี้ยมเกรียม “อยากให้ข้าลากตัวเจ้าออกไปหรือ ถ้าไม่กลัวอับอายขายขี้หน้า ข้าก็ยินดีลากเจ้าออกไปอยู่นะ” 

ลู่เจียวพูดจบก็ถกแขนเสื้อขึ้น เสิ่นซิ่วสีหน้าซีดเซียว แม้ว่านางจะเป็นแม่หม้าย ทว่าก็ยังรักศักดิ์ศรี ฉะนั้นไม่รอให้ลู่เจียวลงมือ ก็หิ้วตะกร้าออกไปด้านนอกทันที 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้สนใจเสิ่นซิ่วที่เดินจากไป กลับมองลู่เจียวด้วยความเกลียดชัง “ออกไป” 

ลู่เจียวได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อย ทว่านึกถึงกรรมที่ร่างเดิมก่อไว้ จึงพยายามอดกลั้น แล้วมองซูอวิ๋นจิ่นพลางเอ่ย 

“ข้าต้มข้าวต้มและทำขนมไข่ไว้ จะให้เอาเข้ามาให้พวกเจ้ากินหรือไม่” 

ลู่เจียวเพิ่งจะพูดจบ ทุกคนในเรือนต่างมองมาที่นาง หนึ่งในนั้นคือซูอวิ๋นจิ่นที่ปั้นหน้าเย็นชาดั่งน้ำแข็ง 

“เจ้าจะมาไม้ไหนอีก” 

พูดจบ แววตาทอประกายอาฆาต โศกนาฏกรรมที่สุดในชีวิตนี้ของเขาคือได้มาพบกับแม่นางผู้นี้ นางราวกับภูตผีวิญญาณที่คอยวนเวียนอยู่รอบกายเขา 

ตั้งแต่สู่ขอนางมา นางก็วนเวียนอยู่รอบกาย แถมยังคอยสร้างความวุ่นวายให้เขาไม่หยุด เดิมทีเขาคิดว่านางมีบุตรสี่คน ก็คงจะเอาใส่ใจบุตร วันข้างหน้าจะได้ใช้ชีวิตคู่กันอย่างสงบสุข 

ใครจะไปรู้ว่าหลังจากแม่นางคนนี้คลอดบุตร ไม่เพียงแต่เฆี่ยนตีและว่ากล่าวตำหนิบุตรคนอื่น แม้กระทั่งบุตรตัวเองยังไม่เว้น 

สามวันก่อน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เพราะกลัวว่านางจะถือโอกาสตอนเขาไม่อยู่กระทำไม่ดีกับบุตรทั้งสี่ ตกเย็นจึงรีบกลับมา สุดท้ายกลับถูกรถม้าชนอย่างสาหัส 

หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเด็กๆ เขาจะบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจลุกขึ้นยืนตลอดชีวิตได้อย่างไร 

พอคิดเช่นนี้ แววตาดำสนิทของเขาก็ทอประกายอาฆาตขึ้นมา 

ลู่เจียวที่เกิดเป็นหมอทหาร สัมผัสถึงความอาฆาตที่แผ่ซ่านออกจากร่างของเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ในเสี้ยววินาที นางกุมมือตัวเองไว้หลวมๆ ถ้าชายคนนี้ไม่พิการ คงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่นอน 

ลู่เจียวครุ่นคิดพลางคงนิสัยย่ำแย่ของร่างเดิมไว้ ตวาดใส่เขาอย่างโมโห “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าอุตส่าห์ทำอาหารให้เจ้ากิน เจ้ากลับหวาดระแวงในตัวข้า?” 

ลู่เจียวที่มีร่างอ้วนท้วนเตรียมทิ้งตัวนอนลงกับพื้น ยังคงใช้วิธีเดิมของร่างเดิม สบถหยาบคายและกลิ้งบนพื้นอย่างเอาแต่ใจ 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงเห็นนางกำลังจะนอนลงบนพื้น ก็รู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที เขาปั้นหน้าบูดบึ้งน่ากลัว แล้วกัดฟันกรอด “ไปยกอาหารมา” 

ลู่เจียวหยุดการกระทำของตน หันหลังกลอกตามองบน เจ้าก็กลัวเป็นด้วยหรือ 

นางสาวเท้าก้าวใหญ่ไปในห้องครัว ตักข้าวต้มวางบนโต๊ะเล็กเก่าชำรุดห้าชาม เอาขนมไข่ในกระทะใส่จาน จากนั้นค่อยยกโต๊ะเล็กนี้ไปเรือนตะวันออก 

ลู่เจียวผู้ชาญฉลาด ไม่ได้คิดจะอยู่ดูพวกเขากินอาหารอยู่แล้ว นางวางโต๊ะเล็กลงแล้วเชิดหน้าจากไปอย่างคนเจ้าอารมณ์ 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท