ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 9 นี่คือใคร นี่คือใคร

ตอนที่ 9 นี่คือใคร นี่คือใคร

ในใจลู่เจียวรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ถึงแม้นางไม่ใช่คนตี แต่ตอนนี้นางก็ถือว่าเป็นเจ้าของร่างเดิมไปแล้ว 

“อย่ากลัวเลย ข้าไม่ตีเจ้าหรอก” 

นางลูบศีรษะซื่อเป่า ตัวเขาสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มกล้าขึ้นมาเล็กน้อย แววตาที่มองลู่เจียวทอประกาย เด็กน้อยอดยื่นมือไปสัมผัสมือลู่เจียวไม่ได้ ยังไม่ทันรอให้ลู่เจียวพูดสิ่งใด ก็ชักมือกลับทันที 

จากนั้น เขาก็ยื่นมือไปสัมผัสอีกครั้ง ราวกับกำลังสัมผัสของเล่นชิ้นโปรด 

ลู่เจียวปล่อยให้เขาเล่นตามใจชอบ 

อาบน้ำให้ซานเป่าและซื่อเป่าเสร็จ ลู่เจียวเพิ่งสังเกตเห็นว่าแฝดสี่คนนี้มีหน้าตาที่ไม่เหมือนกันเลย ต้าเป่ามีหน้าตาเหมือนเซี่ยอวิ๋นจิ่น เอ้อร์เป่าและซานเป่าแม้จะมีหน้าตาที่เหมือนกันมาก ทว่ากลับไม่เหมือนเซี่ยอวิ๋นจิ่น 

ลู่เจียวมองพวกเขา กลับสังเกตเห็นว่าพวกเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับหน้าตาของตัวเองในภพชาติที่จากมา 

ลู่เจียวลูบหน้ากลมมนของตัวเอง ครุ่นคิดว่าหลังจากตนลดน้ำหนักแล้ว หน้าตาของร่างนี้จะเหมือนตัวเองไหม ถ้าเหมือน นางก็ไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะว่านางมีหน้าตางดงามอยู่แล้ว 

ในบรรดาแฝดสี่คนนี้ คนที่หน้าตาละมุนละไมที่สุดกลับเป็นซื่อเป่า เขามีดวงตาดุจลูกท้อ หางตาเชิดขึ้น อายุแค่เท่านี้ก็ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลแล้ว 

เด็กคนนี้โตมาจะหล่อเหลาปานใดกันเชียว ลู่เจียวครุ่นคิดก็อดยื่นมือไปจับแก้มของเขาไม่ได้ 

ซื่อเป่าเงยหน้ามองลู่เจียวอย่างไร้เดียงสา ดูหน้าตาที่น่าเกลียดน่าชังนั่นสิ อยากลักพาตัวใส่กระสอบไปจริงๆ 

ลู่เจียวอดครุ่นคิดไม่ได้ว่าหลังจากหย่าร้างกันแล้ว นางจะพาซื่อเป่าไปเลี้ยงได้หรือไม่ สุดท้ายพอทบทวนดูเห็นว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป 

ลู่เจียวถอนหายใจ หันไปมองต้าเป่า นางเอายาแก้อักเสบมาทา แล้วเอาผ้ามาพันแผลให้ต้าเป่า 

ตามหลักแล้ว มือที่มีแผลไม่ควรโดนน้ำ ทว่าเขาสกปรกจนดูไม่ได้แล้วจริงๆ มือดำจนล้างคราบแทบไม่ออก ขืนฝุ่นและโคลนเข้าไปในแผล มีแต่จะยิ่งทำให้แผลอักเสบกว่าเดิม 

“ตอนนี้ทายาไปแล้ว ห้ามโดนน้ำเป็นอันขาด รอให้แผลหายก่อนค่อยว่ากัน เข้าใจหรือไม่” 

เวลานี้ แววตาและน้ำเสียงของลู่เจียวทั้งอ่อนหวานและอ่อนโยน ต้าเป่าอึ้งงันมองนาง ผ่านไปสักพักก็ยังตกอยู่ในภวังค์ นี่คือใคร นี่คือใคร 

นางกำชับต้าเป่าเสร็จ ก็จะลุกขึ้นไปซักเสื้อผ้าสกปรกของแฝดสี่ แฝดสี่คนนี้เหมือนไม่ค่อยมีเสื้อผ้าเลย ถ้าไม่ซักตอนนี้ก็คงไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว รีบซักรีบตากดีกว่า ฤดูร้อน ผ้าแห้งเร็วอยู่แล้ว 

รอให้มีเวลาว่าง นางจะเข้าเมืองซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาสองสามชุด 

ลู่เจียวเพิ่งจะลุกขึ้นไปซักผ้า นอกรั้วก็มีคนมาเยือนไม่น้อย คนพวกนี้เพิ่งมาถึงก็ซุบซิบนินทากันใหญ่ 

“แม่นางลู่เจียวทำเกินไปจริงๆ ไม่เอาเงินให้อวิ๋นจิ่นรักษา แล้วยังไม่ให้เขากินอะไรอีก อยากปล่อยให้อวิ๋นจิ่นตาย จะได้แต่งงานใหม่ใช่หรือไม่” 

“แม่นางคนนี้จิตไม่ปกติตั้งแต่แรกแล้ว นึกไม่ถึงว่าตอนนี้นับวันจะยิ่งร้ายกาจกว่าเดิม หมู่บ้านเซี่ยของพวกเราไม่ควรปล่อยให้คนประเภทนี้อาศัยอยู่อีกต่อไป” 

“ไปจับตัวนางออกมา จับตัวนางออกมา” 

“อย่าปล่อยให้คนใจคดเช่นนี้ทำลายชื่อเสียงตระกูลเซี่ย ไม่อย่างนั้นบุตรหลานของพวกเราจะพลอยขายไม่ออกไปด้วย” 

“เหอะ นางไม่ยอมควักเงิน พี่รองของข้าเลยมาขโมยเงินในบ้านไปรักษาพี่สาม ยังดีที่ข้าจับได้ก่อน” 

แม่นางที่เอ่ยปากคือน้องสาวคนสุดท้องของเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยหลาน 

เซี่ยหลานเพิ่งพูดจบ เซี่ยเอ้อร์จู้ที่อยู่ด้านหลังก็อธิบายอย่างประดักประเดิด “ข้าไม่ได้ขโมยเงินในบ้าน ข้าไม่ได้ขโมย ข้า…” 

เซี่ยหลานไม่รอให้เซี่ยเอ้อร์จู้พูดจบ ก็ขัดขึ้นอย่างเดือดดาล “ไม่ขโมยเงินในบ้าน แล้วไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อยาให้พี่สาม ข้าได้ยินว่านางนั่นไม่ให้เงินซื้อยาแม้แต่ตำลึงเดียวนี่” 

เซี่ยหลานพูดจบ ก็หันไปมองหญิงร่างเล็กที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มคน ซึ่งก็คือหร่วนซื่อ[1] 

หร่วนซื่อสีหน้าเคร่งขรึม เป็นสตรีที่มีหางตาตก ทำให้นางดูเป็นคนหม่นหมองกว่าเดิม 

“ท่านแม่ ครั้งนี้ท่านต้องสั่งสอนนางนั่นให้เข็ด แล้วให้นางเอาเงินห้าตำลึงกลับมาด้วยล่ะ” 

หร่วนซื่อได้ยินคำพูดบุตรี สีหน้าก็ยิ่งดุดันกว่าเดิม ทันทีที่นางเดินเข้ามาในลานบ้านก็เหลือบมองร่างอ้วนท้วนของลู่เจียว 

ดูสีหน้าหร่วนซื่อ ก็รู้ว่าเกลียดชังนางมาก 

“ลู่เจียว เจ้าช่างกล้าดีจริงๆ ไม่ยอมเอาเงินไปซื้อยาให้บุตรชายข้า เจ้าคิดจะทำอะไร อยากฆ่าบุตรชายข้าให้ตายหรือ” 

หร่วนซื่อเดือดดาล มองลู่เจียวด้วยความอาฆาต 

ลู่เจียวหรี่ตามองคนในลานบ้าน คนพวกนี้นอกจากจะเป็นคนตระกูลเซี่ยแล้ว ก็ยังมีคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยอยู่ไม่น้อย สายตาที่มองมาไม่เป็นมิตร บางคนถึงขั้นถลึงตามองนางอย่างเกลียดชัง 

ลู่เจียวกวาดสายตามองไปรอบๆ นางไม่สนใจคนในหมู่บ้าน แต่เพ่งล็งหร่วนซื่อที่ยืนอยู่หน้าสุด 

“ท่านแม่พูดถึงห้าตำลึงเงินที่แบ่งในตอนนั้นหรือ ใช่ ข้าไม่ได้เอาเงินไปซื้อยา แต่ที่ไม่เอาเงินออกมาก็เพราะพวกท่านไม่ใช่หรือ บุตรชายของท่านได้รับบาดเจ็บ พวกท่านไม่เพียงแต่ไม่ยอมควักเงินรักษา กลับแบ่งทรัพย์สินแยกบ้านกัน ให้สามีข้าแค่ห้าตำลึง ข้าถามหน่อยเถอะ ห้าตำลึงซื้อยาได้กี่ชุดหรือ” 

ลู่เจียวพูดจบก็ไม่สนใจหร่วนซื่อ มองเซี่ยเอ้อร์จู้ที่อยู่ด้านหลัง “พี่รอง เงินห้าตำลึงซื้อยาได้กี่ชุด” 

เซี่ยเอ้อร์จู้หน้าแดงก่ำจนไม่กล้ามองคนอื่น เขารู้สึกขายหน้ามาก ตอนน้องสามเป็นซิ่วไฉ ทั้งตระกูลพลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย พอตอนนี้น้องสามบาดเจ็บ บิดามารดาและคนในตระกูลต่างก็ทอดทิ้งเขาไป แล้วยังให้เงินเพียงแค่ห้าตำลึงเงิน 

หากไม่ใช่เพราะว่าเขายังมีเงินเหลืออยู่บ้าง น้องสามคงต้องนอนรอความตายอย่างเดียว 

เซี่ยเอ้อร์จู้ได้ยินลู่เจียวพูดเช่นนี้ ก็เอ่ยตอบเสียงเบา “พอซื้อยาสำหรับสามวันเท่านั้น และยังเป็นยาธรรมดาที่สุด ถ้าจะกินยาดี หมอบอกว่าอย่างน้อยหนึ่งชุดก็ห้าตำลึงแล้ว” 

ชาวบ้านคนอื่นที่อยู่กลางลานบ้านต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ 

ยาราคาห้าตำลึงกินได้แค่สามวัน แล้วยังเป็นยาที่ธรรมดาที่สุดอีก ถ้าเป็นยาดีต้องเสียห้าตำลึงต่อชุด อวิ๋นจิ่นได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้คงต้องเสียเงินไม่รู้เท่าไหร่ 

แม้ทุกคนจะตกตะลึงที่การรักษาเซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องใช้เงินก้อนโต แต่ก็รู้สึกไม่พอใจการกระทำของเซี่ยเหล่าเกินต่อบุตรชายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน 

อวิ๋นจิ่นช่างอับโชคจริงๆ มีพ่อแม่เช่นนี้ ทุกคนต่างก็ทอดถอนใจแทน 

ลู่เจียวมองหร่วนซื่อแล้วพูดเสียงเนือย “ท่านแม่ดูครอบครัวพวกเราสิ มีทั้งคนบาดเจ็บและเด็ก ถ้าข้าเอาห้าตำลึงเงินไปซื้อยา คนที่เหลือก็คงต้องรอความตายอย่างเดียวแล้ว” 

เมื่อทุกคนมองลู่เจียวและแฝดสี่ข้างกายนาง ต่างก็มีท่าทางคาดไม่ถึง 

ไม่เพียงแต่ลู่เจียวที่ดูสะอาดสะอ้านขึ้น แม้กระทั่งแฝดสี่ที่มอมแมมตลอดมา ตอนนี้ทั้งเสื้อผ้าและหน้าตาล้วนสะอาดหมดจด 

ลู่เจียวดูไม่เหมือนเดิม? 

ในขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เซี่ยหลานก็พูดว่า “ลู่เจียว ต่อให้มีเงินแค่ห้าตำลึง เจ้าก็ควรให้พี่สามข้าใช้ก่อนหรือเปล่า เพราะเจ้าไม่ให้พี่สามไปซื้อยา พี่รองเลยมาขโมยเงินในบ้าน แบบนี้ไม่เหมาะสมหรือเปล่า” 

ลู่เจียวมองเซี่ยเอ้อร์จู้ด้วยความตกตะลึง เขาขโมยเงินที่บ้านมาซื้อยาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นหรือ 

เซี่ยเอ้อร์จู้อดตวาดขึ้นด้วยความโมโหไม่ได้ “ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่ได้เอาเงินที่บ้านไปซื้อยา” 

เซี่ยเอ้อร์จู้จ้องเซี่ยหลานด้วยแววตาเดือดดาล “นั่นเป็นเงินที่พี่สามเจ้าให้ข้า เขาเห็นข้าทำงานเหนื่อย อยากให้ข้าซื้ออะไรมาบำรุงร่างกาย ข้าแค่เก็บไว้ไม่เคยใช้เท่านั้น” 

“ดีจริงๆ กฏของตระกูลไม่ใช่ว่าห้ามผู้ใดแอบเก็บเงินส่วนตัวไว้หรือ เจ้ากลับกล้าแอบซ่อนเงินไว้ดี” 

เซี่ยหลานเพิ่งจะพูดจบ เสียงลู่เจียวก็ดังขึ้น 

“เซี่ยหลาน พี่รองเจ้าถือว่ามีสามัญสำนึกแล้ว ข้าถามเจ้าหน่อยเถอะ สามัญสำนึกของเจ้าไปไหนแล้ว แต่ก่อนพี่สามรักและเอ็นดูเจ้ากับน้องสี่ที่สุด พอเขาได้รับบาดเจ็บ พวกเจ้ากลับผลักไสเขา ตอนนี้ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลย จิตใจของพวกเจ้าทำด้วยอะไร” 

เซี่ยหลานชักสีหน้าทันที เงยหน้ามองลู่เจียวอย่างโหดเหี้ยม 

ไอ้หมูอ้วน พูดเช่นนี้ ชื่อเสียงของข้าก็เสื่อมเสียหมดสิ 

เซี่ยหลานยิ่งคิดยิ่งโกรธเคือง กำลังจะเอ่ยต่อ ลู่เจียวกลับไม่ให้โอกาสนาง “มิน่าล่ะ เจ้าถึงไม่ได้ออกเรือนเสียที ที่แท้เจ้ามันไม่มีหัวใจ ทุกคนถึงไม่กล้าสู่ขอเจ้าเป็นภรรยา” 

—————————— 

[1] ซื่อ เป็นคำทับศัพท์ภาษาจีน ซึ่งแปลว่านามสกุล 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท