Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1732 ได้เห็นการพลีชีพสังเวยกระบี่อีกครั้ง

ตอนที่ 1732 ได้เห็นการพลีชีพสังเวยกระบี่อีกครั้ง
การปรากฏตัวของอาหูเปรียบดั่งกำแพงคงกระพันที่ขวางทางขึ้นเขาไว้
นางงดงามจนทำให้คนใจสั่น แต่พลังต่อสู้ก็แข็งแกร่งจนทำให้คนอื่นไม่กล้าดูเบาสักนิด
ถึงอย่างไรกระบี่ที่ฟันสังหารผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่สามคนได้ พลังเช่นนี้คนธรรมดาจะไปมีได้หรือ
“พวกเจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
อาหูเอ่ยปาก นางยืนอยู่ลำพัง ฝ่ามือมีกฎเกณฑ์มหามรรคสีม่วงเป็นริ้วๆ ผุดออกมา กลายสภาพเป็นเจตกระบี่น่ากลัว
นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนยอดเขาพญามังกรต่างโกรธเกรี้ยวหาใดเทียบ ทางถอยหนีก็ถูกปิด พวกเขาจะถอยก็ถอยไม่ได้แล้ว
“สู้เต็มที่!”
กู่ฉางซินสีหน้าเขียวคล้ำ เอ่ยปากคำรามดาลเดือด
เขาดูออกแล้วว่าคราวนี้หลินสวินกับผู้หญิงคนนั้นจะฆ่าพวกเขาให้สิ้นซาก!
ฉึบ!
ร่างกู่ฉางซินราวไฟลุกโหม ปลดปล่อยศักยภาพแฝงออกมาเต็มที่ เรียกกระบี่ดำที่ปกคลุมด้วยลายมรรคสีโลหิตดุร้ายออกมาเล่มหนึ่ง ฟันไปที่หลินสวิน
คมกระบี่ยังมาไม่ถึง เจตกระบี่อันแหลมคมที่แหวกห้วงอากาศนั้นก็แทงมาจนคนลืมตาไม่ขึ้น จิตวิญญาณสั่นระริกไปหมดแล้ว
กู่ฉางซินแข็งแกร่งกว่าเยี่ยนฉุนจวิน ตัวเขาเองก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ชั้นยอดที่อยู่ในห้าสิบอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา!
ขณะนี้การโจมตีเหมือนทุ่มสุดชีวิตของเขายังใช้สมบัติลับก้นกรุด้วย อานุภาพเช่นนั้นเพียงคิดก็รู้ว่าแข็งแกร่งปานไหน
“หึ”
พอหลินสวินชูมือขึ้นก็ฟาดแส้เส้นหนึ่งออกไป แส้อสนีหยินม่วงมีสายอสนีเปล่งปลั่งโปร่งแสงฉายวาบอยู่เป็นชั้นเป็นวง โจมตีจนกระบี่นี้สะเทือนรุนแรงดังคว้างๆๆ ปราณกระบี่กับเงาแส้ปะทะกัน ทำให้ห้วงอากาศที่นั่นระเบิดออก
“เฉือน!”
และในตอนนี้เอง หลินสวินก็ฟันกระบี่ออกมาหนึ่งครั้ง
ทันใดนั้นประหนึ่งจักรวาลแรกกำเนิด กระบี่อเวจีดุจดั่งนรกมาเยือนโลก ทั้งห้วงอากาศต่างถูกขังไว้ภายในนั้น พอจะเห็นได้ว่ามีปราณกระบี่น่าสะพรึงกลัวไร้สิ้นสุดในนรก ผ่าแหวกหยินหยาง สร้างหายนะให้จักรวาล
ควรรู้ว่ากระบี่อเวจีเองก็เป็นสมบัติโบราณฟ้าประทาน เป็นกระบี่คู่กายยามจักรพรรดิกระบี่ธารนรกแจ้งมรรคในยุคดึกดำบรรพ์ อานุภาพของมันไม่ด้อยกว่าสมบัติลับอื่นใดสักนิด
ฉัวะ!
ท่ามกลางเสียงระเบิดกลางห้วงอากาศ ปราณกระบี่สีดำถาโถมเข้าใส่กู่ฉางซิน ความน่ากลัวของเจตกระบี่ ต่อให้เป็นกู่ฉางซินยังหวาดหวั่นใจ
แกร๊ง!
คุนจิ่วหลินกับมกุฎมหาอริยะคนอื่นบางส่วนร่วมมือกันบุกเข้ามา หมายจะรับการโจมตีนี้ของหลินสวินไว้
เพียงเห็นว่าคุนจิ่วหลินเรียกระฆังทองแดงที่มีกลิ่นอายสีสันเก่าแก่ใบหนึ่ง ระฆังเปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าปกคลุมไปทางหลินสวิน คลื่นมหามรรคที่ตัวระฆังแผ่ออกมามีอานุภาพแห่งความเป็นตาย
ในทิศทางอื่นก็มีไพ่ตายมากมายพุ่งเข้ามาพร้อมกัน บ้างเป็นสมบัติโบราณหายาก บ้างเป็นอภินิหารวิชาลับต้องห้าม
สรุปแล้ว พวกเขากำลังเอาชีวิตเข้าแลก!
ตูมโครม!
เสียงกระแทกสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ที่นั่นโกลาหลไปหมด ปราณกระบี่ ปราณดาบ และปราณสมบัติอันน่ากลัวม้วนตลบ ทำให้สุริยันจันทราอับแสง ท้องนภาหม่นหมอง
ผู้ฝึกปราณที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลออกไปแต่ละคนอกสั่นขวัญหาย ภาพตรงหน้าขาวโพลน มองอะไรไม่เห็น เพราะกลิ่นอายทำลายล้างที่การปะทะคราวนี้สร้างขึ้นน่าตกตะลึงเกินไป
ตึงๆๆ!
ท่ามกลางฝุ่นควัน เงาร่างหลินสวินถอยกลับไปหลายก้าว แต่ละก้าวที่ย่ำลง ห้วงอากาศก็พังทลายยุ่งเหยิง ดูไปก็ทุลักทุเลอยู่บ้าง
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาถูกซัดให้ถอยออกไปตั้งแต่เริ่มเปิดศึกมา
แม้ว่าการโจมตีนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายเป็นรูปธรรมอะไรให้กับหลินสวิน แต่เมื่ออยู่ในสายตาของคนอื่นที่อยู่ ณ ที่นั้น กลับทำให้พวกเขาฮึกเหิมขึ้นมา
นี่จะหมายความว่าหลินสวินไม่อาจสู้ชนะได้ใช่หรือไม่
“อย่างนี้ถึงเข้าท่าหน่อย หาไม่แล้วตอนพวกเจ้าตายเกรงแต่ว่าจะไม่ยินยอม”
กลับเห็นว่าหลินสวินพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กลิ่นอายทั้งกายถึงกับแข็งแกร่งขึ้นมากในทันที ตัวเขาแต่ก่อนประหนึ่งเตาหลอมกลางฟ้า มีพลานุภาพกำราบอดีตปัจจุบัน
แต่เขาในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสมบูรณ์แล้ว ร่างดั่งหุบเหวลึกล้ำไร้สิ้นสุด คล้ายจะกลืนกินฟ้าดินแถบนี้ให้สิ้น เผยท่วงท่าอหังการเหลือประมาณ
คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด!
หลังการกินผลท้อแบน และผ่านการหยั่งรู้ที่เทียบเท่ากับการเคี่ยวกรำสิบปี มรดกหายากที่สืบทอดมาจากเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ชิ้นนี้ก็ถูกหลินสวินหยั่งถึงและควบคุมขึ้นไปอีกขั้น
ในตอนนี้สำแดงออกมาด้วยพลังปราณและมรรควิถีใหม่เอี่ยม พลานุภาพเช่นนั้นไม่อาจนำมาเทียบได้กับในอดีต
“ฆ่า!”
“รีบลงมือพร้อมกัน!”
พวกกู่ฉางซินต่างตกตะลึง แทบจะใช้พลังทั้งหมดเข้าจู่โจม ไม่สนใจทุกอย่างโดยสิ้นเชิงแล้ว
“พวกเจ้าไม่มีโอกาสหรอก”
นัยน์ตาทั้งสองของหลินสวินเฉยชา เสียงก็ไม่มีคลื่นอารมณ์สักนิด
จากนั้น…
เขาเคลื่อนไหวแล้ว ประหนึ่งหุบเหวใหญ่แห่งหนึ่งเคลื่อนย้ายบดบังนภากาศ ทุกที่ที่ผ่าน ห้วงอากาศ แสงฟ้า ฝุ่นผงล้วนตกอยู่ในการทำลายล้างถล่มทลาย
เขาชกหมัดหนึ่งออกไป
แกร๊ง!
ระฆังทองแดงกลิ่นอายสีสันโบราณเหนือหัวของคุนจิ่วหลินใบนั้นส่งเสียงดัง สาดรุ้งเทพดั่งน้ำตกออกมา หมายจะเข้าขวางพลังหมัดของหลินสวิน
ระฆังใบนี้ก็มีที่มาไม่ธรรมดา คุนจิ่วหลินเคยอาศัยสมบัตินี้สกัดการจู่โจมของคนรุ่นเดียวกันสิบเก้าคนเอาไว้ นั่งนิ่งอยู่สามก้านธูปก็ยังไม่ทะลุดังเดิม พลังป้องกันแกร่งกล้าหาใดเทียบ
แต่ขณะนี้สมบัติอริยะชั้นยอดชิ้นนี้กลับถูกพลังหมัดของหลินสวินถล่มจนสั่นสท้านปั่นป่วนเสียงดังหึ่ง รุ้งเทพคล้ายน้ำตกถูกระเบิด ยามปะทะที่ตัวระฆังก็ปรากฏรอยหมัดยุบลงไป!
เคร้ง!
ระฆังทองแดงส่งเสียงกึกก้อง พื้นผิวปรากฏรอยร้าว
สมบัติกับพลังขับเคลื่อนเชื่อมโยงกัน ระฆังนี้ได้รับความเสียหาย ทำให้คุนจิ่วหลินก็กระอักเลือดออกมาทันที เงาร่างถอยกระเด็นออกไปอย่างแรง
แต่นี่เพิ่งเริ่มเท่านั้น!
ที่ตามมาติดๆ คือพลังหมัดซึ่งถล่มสังหารของหลินสวิน ไพ่ตายของบุคคลขอบเขตมกุฎคนแล้วคนเล่าต่างถูกระเบิดออก ละอองแสงดับสลาย ถูกพลังหมัดกลืนกินจนสิ้น
สุดท้าย พลังหมัดกระแทกไปยังกระบี่ที่กู่ฉางซินฟันออกมา
เปรี๊ยะ!
หมัดกับกระบี่ปะทะกัน กระบี่โบราณที่ปกคลุมด้วยลายมรรคสีเลือดดุร้ายนั้นถึงกับถูกกระแทกจนบิดงอโดยพลัน จากนั้นก็เกิดเสียงดังวิ้งก่อนกระเด็นหลุดมือไป
เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ กู่ฉางซินก็ถูกซัดจนกระเด็นออกไปอย่างแรง!
ไม่กี่อึดใจสั้นๆ สถานการณ์ในที่นั้นก็ถูกหลินสวินพลิกกลับอีกครั้ง อานุภาพดุร้ายไม่อาจเทียบได้ดั่งหุบเหวของเขาก็สะเทือนไปทั้งที่นั้นอีกครั้งหนึ่ง
ผู้แข็งแกร่งที่เห็นภาพนี้ล้วนตกตะลึงจนสมองว่างเปล่า!
“เข้าไปอีก!”
มกุฎมหาอริยะคนหนึ่งส่งเสียงคำราม รุ้งเทพหกสายพุ่งออกมาจากร่าง วิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ประหลาดหกสาย น่าอัศจรรย์ถึงที่สุด
หลินสวินแกว่งหมัดสังหาร พุ่งเข้าไปรับ
ตูม!
ตัวคนดั่งหุบเหว พลังหมัดดั่งหุบเหว เคลื่อนไหวกึกก้อง ปรากฏการณ์ประหลาดหกสายบนตัวคนผู้นั้นเรียกได้ว่าเป็นวิชาอัศจรรย์วิชาหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับถูกฉีกทึ้งอย่างง่ายดาย ระเบิดออกเสียงกัมปนาท
ส่วนร่างกายของคนผู้นี้ก็ถูกพลังหมัดทะลวงผ่าน ดั่งมดที่ถูกช้างยักษ์บดขยี้ เลือดเนื้อถูกบดละเอียดดับสลายสิ้น
จากนั้นพวกกู่ฉางซิน คุนจิ่วหลินก็พุ่งเข้าไปติดๆ
นอกจากสู้สุดชีวิต พวกเขาไม่มีทางให้ถอยหนีแล้ว!
หลินสวินไม่สุขไม่ทุกข์ แม้แต่สมบัติยังไม่ใช้แล้ว โบกมือออกหมัด ใช้คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุดโจมตีออกไปทีละหมัด
จิตหมัดดั่งหุบเหว กลืนฟ้ากินดิน
วิชาอย่างคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุดเคยสะเทือนฟ้าดาราไร้ขอบเขต ห้ำหั่นกับยอดมรดกของระดับจักรพรรดิมากมาย และยามนี้ก็ปลดปล่อยอานุภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้ออกมา
ปึงๆๆ!
อุปสรรคทั้งหมด การโจมตีทั้งมวลล้วนถูกระเบิด ถูกบดขยี้ ถูกกลืนกิน เกิดเป็นความเคลื่อนไหวดั่งดับฟ้าทลายดิน
มีคนกระอักเลือดได้รับบาดเจ็บสาหัส
และมีคนถูกถล่มสังหารทันที ตายสิ้นทั้งกายจิต!
แม้แต่พวกกู่ฉางซิน คุนจิ่วหลินยังได้รับบาดเจ็บเต็มไปหมด ด้วยมีความตายกระตุ้น พวกเขาแต่ละคนต่างเข่นฆ่าจนตาแดง คลุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์
หนึ่งหมัด! สองหมัด! สามหมัด…
กลิ่นอายบนร่างหลินสวินยิ่งน่าสะพรึงกลัว ท้ายที่สุดตัวเขาก็ถูกปกคลุมอยู่กลางหุบเหวสีดำ ประหนึ่งเทพมารในอดีตกาล
ในที่สุดคุนจิ่วหลินรับไม่ไหวแล้ว
หลังจากฝืนปะทะกับหลินสวินมาหลายครั้ง ร่างของเขาก็แตกออก เลือดเนื้อระเบิดปะทุ เลือดสดๆ ไหลหลั่งทั้งตัวดั่งน้ำตกไหลเชี่ยว น่าสยองยิ่ง
เขาส่งเสียงโหยหวน พุ่งไปทางทางขึ้นเขาอย่างบ้าคลั่ง
ฟุ่บ!
อาหูลงมือแล้ว กระบี่ที่ตั้งท่าไว้นานแล้วโฉบออกมา ฟันใส่หัวที่เลือดไหลริน
คุนจิ่วหลินเดิมก็ได้รับบาดเจ็บเจียนตาย และหลังจากอาหูกินท้อแบน พลังต่อสู้ก็ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงไปนานแล้ว อีกทั้งเป็นการโจมตีที่เตรียมรอไว้ก่อน ถ้าคุนจิ่วหลินไม่ตาย นั่นต่างหากถึงเรียกว่าเรื่องประหลาด
ผู้ที่ชมการต่อสู้ล้วนหวาดหวั่นในใจ
ศพไร้หัวของคุนจิ่วหลินนอนอยู่บนขั้นบันไดหินเขียว เลือดสดๆ ไหลลงมาคล้ายแม่น้ำสายเล็ก ทำเอาพวกเขาต่างขนลุกเกรียว
เมื่อมองดูในที่นั้นอีกรอบ ในตอนนี้คนที่ล้อมจู่โจมหลินสวินเหลือเพียงสิบกว่าคน แต่ละคนต่างบาดแผลเต็มตัว ประหนึ่งสัตว์ติดกับ!
ในสมองของผู้ที่ดูการต่อสู้เหล่านั้นมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ พวกกู่ฉางซินจบเห่โดยสมบูรณ์แล้ว…
ไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ในเวลาต่อมามีคนหนีตาย แต่กลับหนีไม่พ้นการขัดขวางของอาหู ถูกฆ่าตายบนทางภูเขาหินเขียวอันเก่าแก่
มีคนทุ่มชีวิตบุกโจมตี แต่กลับเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ถูกหลินสวินกำราบสังหารอย่างไร้ปรานี
และก็มีคนพุ่งไปยังแดนผนึกลึกลับที่มีหมอกขมุกขมัวที่อยู่ไกลออกไปบนยอดเขาพญามังกร แต่ทันทีที่เข้าไปก็ส่งเสียงร้องโหยหวนชวนหดหู่ ร่างถูกแผดเผา กลายสภาพเป็นเถ้าธุลี
เพราะที่นั่น มีเพียงถือป้ายคำสั่งเซียนเหินไว้เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
มกุฎมหาอริยะคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร สิ้นชีพดั่งสายฝน
ไม่ว่าพวกเขาจะเรียกสมบัติ อภินิหาร วิชาลับ กระทั่งใช้ไม้ตายต่างๆ แต่ด้วยการจู่โจมของหลินสวินก็ล้วนไม่มีประโยชน์สักนิด
ห่าฝนโลหิตสาดพรม ยอดเขาพญามังกรถูกสีโลหิตเข้มปกคลุมโดยสมบูรณ์ เลือดที่ไหลหลั่งย้อมผืนดินเป็นสีแดง แทรกซึมลงไป
เหล่าผู้ชมต่างสั่นระริกไปทั้งตัว สมองว่างเปล่า
พวกเขาเคยเห็นพวกร้ายกาจที่ฆ่าคนเป็นผักปลา แต่คนร้ายกาจไร้ทัดเทียมอย่างหลินสวิน กลับเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ฆ่าผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่อย่างกับเชือดไก่!
ภาพที่เลือดหลั่งรินแต่ละภาพเหล่านั้น หากแพร่กลับไปยังทางเดินโบราณฟ้าดารา ต้องก่อให้เกิดเสียงฮือฮาไม่มีที่สิ้นสุดแน่
เพราะบนทางเดินโบราณฟ้าดาราก็เกิดเรื่องน่าสังเวชทำนองนี้ได้น้อยยิ่งนัก
ถึงอย่างไรผู้ที่สิ้นชีพไปเหล่านี้แทบจะมาจากขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ทั้งนั้น ในอดีตใครกล้าไม่เคารพพวกเขากัน
ใครกล้าปลิดชีพพวกเขาอย่างไร้ปรานีได้อย่างหลินสวิน
“หลินสวิน ข้าขอสู้สุดชีวิตกับเจ้า!”
ในที่นั้นเหลือแค่กู่ฉางซินคนเดียว เขาเหมือนมารคลั่ง แทงกระบี่ในมือเข้าไปในอกตัวเองทันที
กระบี่โบราณสีดำที่ปกคลุมด้วยรอยมรรคสีเลือดอันโหดร้ายส่งเสียงดังวิ้งๆ เลือดลมและพลังทั้งร่างของกู่ฉางซินแทรกเข้าไปในกระบี่นี้ราวกับสายธารยาว
ผมของเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีดแห้งเหี่ยวทันที ผิวหนังปริแตกชราลง เหมือนสูญเสียสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งหมดไปในชั่วขณะเดียว
แต่กลิ่นอายของกระบี่โบราณสีดำเล่มนั้นกลับเพิ่มพูนและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทันใด!
“พลีชีพสังเวยกระบี่!”
ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปต่างหน้าเปลี่ยนสี นี่เป็นวิชาลับต้องห้าม เท่ากับเป็นการใช้ชีวิตเป็นเครื่องสังเวยเพื่อปลุกพลังที่หลับใหลอยู่ในสมบัติ
“พลีชีพสังเวยกระบี่…”
ดวงตาดำหลินสวินเผยแววเลื่อนลอยเล็กน้อย นึกถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ขึ้นมา เขาในตอนนั้นก็เคยเอาชีวิตเข้าแลกโดยไม่สนใจทุกสิ่งเช่นนี้
ตูม!
พร้อมๆ กับเสียงดังสนั่นทะลุเมฆา ยามนี้กระบี่โบราณสีดำที่ดูดซับพลังทั้งร่างของกู่ฉางซินราวกับตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ กลิ่นอายสะท้านฟ้าสะเทือนดินมาเยือนทั้งยอดเขาพญามังกรในชั่วพริบตา
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท