กลุ่มคนเบื้องหน้าที่กำลังเร่งลงจากเขาได้ยินเสียงร้องเรียกจากด้านหลังก็หันมามอง หลายคนมองออกทันทีว่าเป็นลู่เจียว
ความเกลียดชังส่งผ่านแววตาของพวกเขา หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมใช้เงินรักษาอาการบาดเจ็บของเซี่ยอวิ๋นจิ่น พี่สวี่ของพวกเขาจะขึ้นเขามาล่าสัตว์เพื่อหาเงินไปรักษาอวิ๋นจิ่นให้หายได้อย่างไร
ตอนที่พวกเขาก็ล่าสัตว์ใหญ่ได้แล้วเตรียมลงจากเขาพี่สวี่ก็ถูกงูพิษกัด เมื่อดูจากอาการของพี่สวี่ ก็กลัวว่าเขาจะทนไม่ไหว และถึงแม้จะรักษาเขาได้ทันท่วงที แต่สุดท้ายเขาก็อาจจะกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก
ชีวิตของพี่สวี่จบสิ้นแล้ว
ยิ่งคนเหล่านี้คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น แววตาที่มองลู่เจียวเต็มไปด้วยความเดือดดาลเกินคำบรรยาย ทว่าลู่เจียวไม่สนใจพวกเขาอยู่แล้ว นางเดินตรงไปข้างกายสวี่ตัวจินทันที
“รีบถอนพิษให้เขา ห้ามยืดเยื้อจะดีที่สุด ถ้าปล่อยไว้นาน เกรงว่าเขาคงจะทนไม่ถึงตีนเขา ต่อให้จะอดทนถึงที่นั่น วันข้างหน้าก็อาจจะเป็นอัมพาตอยู่ดี”
คำพูดของลู่เจียว ทำให้น้าเซี่ยที่อยู่ตรงหน้าถึงกับตะลึงงันไป
ลู่เจียวก็ไม่สนใจเขา สาวเท้าเดินไปหา คนในกลุ่มมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ อ้าปากต่อว่านาง “เจ้าอยากตายหรือ”
ผู้เฒ่าเซียวยกมือขวางเขาไว้ คนคนนั้นมองผู้เฒ่าด้วยความแปลกใจ “ท่านอาเซียว?”
ผู้เฒ่าเซียวไม่สนใจเขา เงยหน้ามองลู่เจียว
ลู่เจียวกำลังใช้เข็มทิ่มรอบแผลที่โดนงูกัดเพื่อป้องกันไม่ให้พิษกระจายไปทั่วร่างกาย
หลังจากควบคุมพิษงูได้แล้ว นางก็เงยหน้ามองผู้เฒ่าเซียวที่อยู่ด้านหลัง “เขาถูกงูอะไรกัดหรือ”
ผู้เฒ่าเซียวเห็นนางใช้เข็มเงินห้ามพิษได้ชำนาญมือ ก็รู้ว่านางรู้วิชาการแพทย์ จึงรีบพูดขึ้น “เขาถูกงูสามเหลี่ยมกัด”
ลู่เจียวพยักหน้า จากนั้นก็แอบควักมีดผ่าตัดออกจากห้วงอากาศโดยทำเป็นล้วงแขนเสื้อ นางกรีดแผลของสวี่ตัวจิน บีบเลือดดำออกมา
อันที่จริงถ้ามีเซรุ่ม แค่ฉีดเข้าไปหนึ่งเข็มก็พอแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่ห้วงอากาศของนางไม่มีเซรุ่ม ทีแรกก็มี ทว่าภายหลังใช้หมดไปแล้ว ยังไม่ทันซื้อมาเติม
ลู่เจียวบีบเลือดดำออกมา แล้วเอาน้ำมาล้างแผลให้สะอาด
หลังจากล้างสะอาด นางก็ลุกขึ้นและบอกคนที่อยู่ด้านข้าง “พวกเจ้ารอก่อน ข้าจะไปซื้อยาแก้พิษงูมา เดี๋ยวได้กินยาก็คงหายแล้ว”
อันที่จริงในสมุนไพรที่นางเก็บไปเมื่อก่อนหน้านี้ ก็มีตัวที่มีสรรพคุณแก้พิษงู ทว่านางไม่อยากเผยความลับของตัวเองต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้ก็เหลือแค่กินยาพวกนี้แล้ว ฉะนั้นนางถึงต้องหาข้ออ้างเพื่อเอายามารักษาในขั้นตอนสุดท้าย
ลู่เจียวรีบลุกขึ้นทันที
เหล่านายพรานหันไปมองผู้เฒ่าเซียวที่อยู่หน้าสุด “ท่านอาเซียว พวกเรารีบพาเขาลงเขาก่อนเถอะ”
“ไอ้หมูอ้วนจะถอนพิษงูได้อย่างไร แค่ไม่ทำลายชีวิตของพี่จินก็พอ”
“จริง รีบพาเขากลับเถอะ”
ผู้เฒ่าเซียวมองสวี่ตัวจินที่ยังคงสลบไม่ได้สติ ถ้าพาลงไปในสภาพเช่นนี้ ก็กลัวจะเป็นอันตราย
ผู้เฒ่าเซียวหันไปมองคนข้างๆ แล้วพูดด้วยความหนักใจ
“ตัวจินได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าพาลงเขาในสภาพแบบนี้ เกรงว่ายังไม่ทันลงเขาก็ตายแล้ว ตอนนี้คงต้องให้ภรรยาของอวิ๋นจิ่นลองดูแล้ว ไม่แน่อาจจะยังมีโอกาสรอดชีวิตก็ได้”
คนอื่นๆ ยังอยากพูดอะไรต่อ ทว่าเมื่อหันไปมองสวี่ตัวจินที่หมดสติก็ไม่กล้าพูดอะไร
ลู่เจียวเก็บสมุนไพรมา ขณะเดียวกันก็เอายาที่ใช้ประโยชน์ได้จากในห้วงอากาศออกมาบางส่วน
นางบดยาสมุนไพรแก้พิษจนเละ แล้วเอาไปประกบตรงแผลของสวี่ตัวจิน
ขณะเดียวกันก็เอายาเหลียนหลงต่านบดให้ละเอียด แล้วป้อนให้เขากิน
คนข้างๆ เห็นนางกำลังยุ่งวุ่นวายจึงเข้ามาช่วย ลู่เจียวเองก็ไม่ได้ขัดขวางพวกเขา
สวี่ตัวจินแม้จะหมดสติ ทว่าก็ยังกลืนยาลงคอไปได้
ลู่เจียวถือโอกาสนี้ป้อนน้ำวิเศษให้เขา จะได้ฟื้นเร็วขึ้น
สวี่ตัวจินที่ใบหน้าม่วงคล้ำในตอนแรกก็ดีขึ้นไม่น้อย ลู่เจียวมองแล้วถอนหายใจ รีบเก็บเข็มเงิน พร้อมเงยหน้ามองคนรอบข้าง
“เอาเถอะ เขาไม่เป็นอันตรายแล้ว พวกเจ้ารีบพาเขาลงเขา หลังจากนั้นข้าจะจ่ายยาแก้พิษงูให้อีกชุด แล้วค่อยสั่งให้คนไปซื้อยามาผสมต้มให้เขากิน กินไปสามวัน ก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว”
พูดจบนางก็ลุกขึ้นด้วยศรีษะอาบเหงื่อ เหนื่อยจะตายแล้วจริงๆ
ผู้เฒ่าเซียวและคนด้านหลังมีสีหน้าไม่เชื่อถือ “ไม่เป็นไรจริงหรือ”
ลู่เจียวมองท้องฟ้า เห็นว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้วจึงพยักหน้า “ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ”
ผู้เฒ่าเซียวถามอีกครั้ง “จะไม่เป็นพิการใช่หรือไม่”
“ไม่หรอก พิษงูสามเหลี่ยมเป็นเพียงพิษลม จ่ายยารักษาตามอาการก็พอ ไม่มีทางพิการแน่นอน”
ลู่เจียวไม่สนใจคนพวกนี้อีก ก้มหน้าจัดตะกร้าสานข้างๆ แบกขึ้นหลังลงเขา
ผู้เฒ่าเซียวที่อยู่ด้านหลังโบกมือสั่งให้คนยกสวี่ตัวจินลงเขา
ทุกคนเพิ่งจะจากไป ผืนป่าแห่งนี้พลันมีชายสามคนปรากฏ หนึ่งในนั้นที่อยู่หน้าสุดก็คือบุรุษชุดเขียว ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ผิวพรรณผุดผ่อง ทว่ากลับสุขุมเยือกเย็น วาจาและท่าทีดูสูงสง่า
บุรุษที่มีรูปลักษณ์หน้าตาอ่อนโยนยืนอยู่ข้างเขา เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ “หลิงเฟิง นี่ไม่ใช่แม่นางที่เอาเห็ดหลินจือไปขายให้พวกเราเมื่อคราวที่แล้วหรือ นึกไม่ถึงว่านางรู้วิชาการแพทย์ด้วย ก่อนหน้านี้นางเหมือนจะอธิบายถึงพิษงูสามเหลี่ยม นางมีทักษะความรู้ด้านนี้จริงหรือ”
พิษงูสามเหลี่ยมมีฤทธิ์ทำลายระบบประสาท ต่อให้แก้พิษแล้ว แต่ก็อาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนในภายหลัง บางคนแก่เร็ว ฟันและผมร่วงเร็วกว่าปกติ อาจจะหลังค่อมเร็วเกินวัยอันควร บางคนอาจจะพิการติดเตียง แต่แม่นางผู้นั้นบอกว่าไม่เป็นไร นางกล่าวจริงหรือ
ฉีเหล่ยอยากจะรีบเดินตามไปถามนาง นี่จะไม่เกิดโรคแทรกซ้อนในภายหลังใช่หรือไม่
จ้าวหลิงเฟิงเงยหน้ามองสหายคนสนิทคนนี้ปราดหนึ่ง เจ้าหมอนี่ ไม่มีวันไหนที่ไม่บ้าคลั่งขวนขวายความรู้ด้านการแพทย์เลยจริงๆ
“นางพูดเช่นนั้น จะเกิดเรื่องในภายหลังหรือไม่ พวกเราไม่มีใครรู้อยู่แล้ว”
ฉีเหล่ยพลันกุมมือจ้าวหลิงเฟิง “เจ้าให้คนคอยจับตาดูชายที่โดนงูกัดหน่อยเถอะ ถ้าพิษงูสามเหลี่ยมไม่ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนใดๆ นี่ก็ถือว่าเป็นโชคของชาวบ้าน ต้าโจวมีคนตายเพราะโดนพิษงูมากมาย ยิ่งมีคนพิการเพราะพิษงูมากยิ่งกว่า”
ฉีเหล่ยพูดออกมาเช่นนี้ จ้าวหลิงเฟิงก็ให้ความสำคัญขึ้นมาทันที “ได้ ข้าจะให้คนคอยจับตามอง”
บุรุษทั้งสามพูดคุยกันพลางเดินลงเขา ออกจากหมู่บ้านเซี่ย
ลู่เจียวไม่รู้เรื่องนี้ นางกลับถึงบ้านก็เข้าไปค้นกระดาษและพู่กันในเรือนตะวันออกทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเกิดเป็นซิ่วไฉ ในบ้านต้องมีกระดาษและพู่กันแน่นอน เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้โดนไล่ออกจากเรือนใหญ่ ของใช้ของร่างเดิมก็ถูกทิ้งไปหมด
ในเรือนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นและแฝดสี่ต่างก็จ้องลู่เจียว ไม่รู้ว่านางกำลังค้นหาอะไร
ตอนนี้ซื่อเป่ากล้าขึ้นเยอะ รีบวิ่งไปข้างลู่เจียวแล้วถามอย่างอ่อนโยน “ท่านแม่ หาอะไรหรือ ข้าจะได้ช่วยหา”
ลู่เจียวเงยหน้ามองซื่อเป่า “เห็นกระดาษและพู่กันของพ่อเจ้าหรือไม่”