ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 34 ซื่อเป่าปากหวานเหลือเกิน

ตอนที่ 34 ซื่อเป่าปากหวานเหลือเกิน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงสลบหมดสติอยู่บนเตียง ใบหน้าและเนื้อตัวสกปรกดูไม่ได้ 

ลู่เจียวใช้ผ้าเก่าเช็ดหน้าและมือของเขาจนสะอาดแล้วเตรียมจะถอดเสื้อชั้นในของเขาเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ 

ใครจะไปรู้ว่าตอนที่นางกำลังจะถอดผ้าคาดเอวของเขาออก มือข้างหนึ่งก็ยื่นมากดข้อมือของนางไว้ จากนั้นเสียงอ่อนแอแต่เย็นยะเยือกก็ดังขึ้น 

“เจ้าคิดจะทำอะไร” 

ลู่เจียวเงยหน้า เห็นว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นฟื้นขึ้นมาแล้ว เวลานี้กำลังจับจ้องนางด้วยแววตาไม่เป็นมิตร สีหน้าของเขาเหมือนมองว่านางเป็นสตรีมักมากบ้าตัณหา ส่วนเขากำลังจะโดนสตรีต่ำทรามอย่างนางล่วงเกิน 

ลู่เจียวเลิกคิ้ว รู้สึกหมดคำพูด “เมื่อครู่เจ้าคลานออกไปด้านนอก ตัวสกปรกจนดูไม่ได้แล้ว แล้วยังไม่ได้อาบน้ำมาสองวัน ข้าแค่จะเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้า หรือเจ้าอยากใส่เสื้อผ้าสกปรกแบบนี้นอนบนเตียง ไม่รังเกียจตัวเองหรือ” 

นางเป็นแพทย์หญิง แน่นอนว่าต้องเคยชินกับเรื่องพวกนี้ จะคิดมากได้อย่างไร 

ลู่เจียวกลอกตามองบน 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ปล่อยมือเพราะคำพูดของนาง ยังจับผ้าคาดเอวของตัวเองไว้เหมือนเดิม ถึงแม้จะอ่อนแรง แต่กลับพยายามพูดขึ้น “ข้าทำเอง” 

ลู่เจียวก็ไม่ได้ดึงดัน “ได้ ได้ งั้นเจ้าทำเอง ถอดเสื้อชั้นในออกเถอะ” 

พูดจบก็เห็นเขาไม่ได้ขยับ เพียงจ้องหน้านางนิ่ง 

ลู่เจียวครุ่นคิดก็เข้าใจในความหมายของเขา จึงหันไปอีกทาง ไม่มองเขา 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่ด้านหลังถอนหายใจ ถอดเสื้อชั้นในของตัวเองด้วยความเหน็ดหน่าย แต่เพราะก่อนหน้านี้กระอักเลือด ร่างกายยิ่งอ่อนเพลียกว่าเดิม ไม่มีแรงเหลือเลยสักนิด เขาพยายามสุดแรงก็ดึงเชือกที่ผูกไว้ไม่ออก 

แฝดสี่ที่อยู่ในเรือนเห็นต่างก็กระวนกระวายในใจขึ้นมา พวกเขารีบวิ่งไปพร้อมเอ่ยอย่างกังวล 

“ท่านพ่อ ข้าช่วยท่านเถอะ” 

“ให้ข้าช่วยท่านเถอะ” 

ลู่เจียวตบท้ายทอยอย่างจนหนทาง ครุ่นคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร 

ทันใดนั้นก็มีเสียงของเซี่ยเอ้อร์จู้ดังมาจากนอกประตู “น้องสาม เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” 

ลู่เจียวได้ยินเสียงเซี่ยเอ้อร์จู้ก็ถอนหายใจทันที รีบตะโกนออกไปด้านนอก “พี่รองเข้ามาเถอะ” 

เซี่ยเอ้อร์จู้เดินเข้ามา ลู่เจียวเห็นเขาก็ขอให้เขาเช็ดตัวให้เซี่ยอวิ๋นจจิ่น ส่วนนางไปหยิบเสื้อผ้าของเขาที่เรือนตะวันตก “ช่วยอวิ๋นจิ่นเปลี่ยนชุดที ชุดนี้ค่อยใส่สบายหน่อย” 

เซี่ยเอ้อร์จู้คอยระวังตัวตลอดเวลา เดิมทีเขาก็กลัวสะใภ้สามคนนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งกลัวกว่าเดิม ได้ยินว่าวันนี้กระทั่งแม่หม้ายหลี่จอมปัญหานางยังจัดการให้อยู่หมัดได้ แล้วยังเรียกร้องค่าเสียหายจากแม่หม้ายหลี่ตั้งหนึ่งตำลึง 

สุดท้ายนางแบ่งเงินส่วนนี้ให้สามครอบครัวที่ช่วยแฝดสี่ เรื่องนี้กลายเป็นที่ฮือฮาของคนทั้งหมู่บ้านไปแล้ว บ้างเสียใจที่ไม่ช่วยแฝดสี่ตั้งแต่แรก บ้างบอกว่าน้องสะใภ้สามของเขายอดเยี่ยมมาก 

ทว่าพอต้นตระกูลได้ยินเรื่องนี้ กลับด่าทอว่าบุตรบ้านอวิ๋นจิ่นไม่เอาไหนไปหนึ่งชั่วยาม 

เซี่ยเอ้อร์จู้พลางครุ่นคิดพลางตอบกลับอย่างระมัดระวัง “อืม ข้ารู้แล้ว น้องสะใภ้สามไปทำอย่างอื่นเถอะ” 

ลู่เจียวพยักหน้า หันหลังเดินออกไปด้านนอก ซื่อเป่าที่อยู่ด้านหลังมองบิดาบนเตียงเพียงพริบตาเดียว แล้วมองลู่เจียวที่หันหลังเดินออกไป จากนั้นก็ตัดสินใจวิ่งตามลู่เจียวไปพร้อมตะโกนขึ้น 

“ท่านแม่ ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่าน” 

แฝดพี่สามคนที่อยู่ด้านหลังหันไปจ้องด้วยความโกรธเคือง จากนั้นรีบหันไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ฟ้องนู่นฟ้องนี่ 

“ท่านพ่อ เจ้าสี่เรียกนางมารร้ายนั่นว่าแม่” 

“เฮอะ พวกเราไม่สนใจเขาแล้ว จะไม่เล่นกับเขาอีก ไม่พูดกับเขาด้วย” 

“วันข้างหน้าพวกเราจะไม่ปกป้องเขาอีก” 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกเลิกคิ้วมองแฝดพี่สามคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วว่ากล่าวาสั่งสอน “พูดอะไรอยู่ จะเรียกหรือไม่ นางก็คือมารดาของพวกเจ้าอยู่ดี อีกอย่างพวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ไปห้ามให้คนอื่นเรียกแบบนี้” 

เอ้อร์เป่าซานเป่าพูดขึ้นอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “นางห้ามให้พวกเราเรียกเอง” 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินคำพูดของพวกเขา แววตาลุกโชนด้วยไฟแห่งความโมโห ทว่าผ่านไปไม่นานก็นึกได้ว่าลู่เจียวในตอนนี้ไม่ใช่แม่นางที่เขารังเกียจคนนั้นแล้ว ภายในใจของเขาพลันสบายขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล 

“ตอนนี้นางไม่ได้ดีกับพวกเจ้าหรอกหรือ” 

เอ้อร์เป่าซานเป่าไม่พูดไม่จา เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงมองแฝดทั้งสาม แล้วพูดอย่างจริงจัง “พวกเจ้าไม่อยากเรียก ข้าก็จะไม่บังคับพวกเจ้า แต่ห้ามไปโกรธ หรือเกลียดเจ้าสี่เพียงเพราะเขาเรียกนางว่าท่านแม่ เข้าใจหรือไม่ จำไว้ พวกเจ้าต้องเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเสมอ” 

แฝดสามแลกเปลี่ยนสายตากัน แล้วค่อยพยักหน้า “ท่านพ่อ พวกเราเข้าใจแล้ว” 

ลู่เจียวที่อยู่ด้านนอกกลับไม่รู้เรื่องใดๆ นางพาซื่อเป่าเดินไปที่ห้องครัว 

เครื่องในหมูและหัวหมูที่ชำแหละตอนเช้ายังไม่ได้เอาไปทำอาหาร แม้เก็บทุกอย่างไว้ในห้วงอากาศแล้วจะไม่เน่าเสีย ทว่าก็ไม่ควรเก็บไว้ในนั้นตลอดเวลา 

ลู่เจียวตัดสินใจเอาหมูในตู้เย็นออกจากห้วงอากาศ ตัดสินใจว่าจะเอาเครื่องในหมูและหัวหมูมาหมักเกลือก่อน แต่เพราะมีหม้อแค่ใบเดียว ฉะนั้นต้องรอให้กินมื้อค่ำเสร็จถึงจะหมักได้ 

เซี่ยเสี่ยวเจวียนที่อยู่ในห้องครัวช่วยนางต้มข้าวต้มเสร็จแล้ว 

“อาสะใภ้สาม ข้าวต้มเสร็จแล้ว จะตักให้เด็กๆ กินเลยไหม” 

จู่เจียวพยักหน้า เดินไปตักข้าวต้มพลางบอกเซี่ยเสี่ยวเจวียน “เจ้าเหลือไว้หนึ่งถ้วย มื้อนี้ไม่มีกับข้าวอะไร แต่ก็กินสักหน่อยเถอะ” 

ใครจะไปรู้ว่านางเพิ่งจะเอ่ยขึ้น เซี่ยเสี่ยวเจวียนก็ส่ายหัวแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที “พวกท่านกินกันเถอะ ข้ากลับไปกินที่บ้าน ถ้ามีอะไรให้ช่วยท่านค่อยเรียกข้าใหม่” 

ลู่เจียวอยากรั้งนางไว้ แต่นางกลับรีบกลับเร็วเกินไป 

ลู่เจียวก็จนปัญญา เลยเดินกลับเข้าไปวางชามข้าวต้มบนโต๊ะเล็กในห้องครัว เพราะว่าดึกไปหน่อย นางจึงไม่ทันเตรียมกับข้าวอะไร แค่เอาขนมถั่วแดงที่ซื้อมาจากในเมืองออกมา 

ซื่อเป่ามองขนมถั่วแดงด้วยความตกตะลึง “ท่านแม่ นี่คืออะไรหรือ” 

“ขนมถั่วแดง ข้าซื้อมาให้พวกเจ้าลองกิน ประเดี๋ยวพวกเจ้ากินข้าวต้มกันคนละชาม ขนมถั่วแดงคนละครึ่งนะ” 

ซื่อเป่าตาลุกวาว เยินยอลู่เจียว “ท่านแม่ ท่านดีจริงๆ” 

มารดาคนนี้ดีจริงๆ ดีกว่ามารดาเมื่อก่อนเยอะเลย 

ลู่เจียวมองท่าทีละมุนละไมของเขา อดโน้มตัวลงไปหยอกเย้าไม่ได้ “ให้เจ้ากินอะไรหน่อยก็บอกว่าข้าดีแล้วหรือ ถ้าไม่ให้เจ้า ข้าก็ไม่ดีน่ะสิ” 

ซื่อเป่าส่ายหัวทันที แล้วยิ้มจนดวงตาดอกท้อนั้นกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว “ท่านแม่จะให้ข้ากิน หรือไม่ให้ข้ากินก็ดี” 

ลู่เจียวถูกอ้อนจนหัวใจเบิกบานเป็นดอกไม้ผลิ จึงอดหอมซื่อเป่าไม่ได้ 

ซื่อเป่าตกตะลึงแล้วปิดหน้าหัวเราะ ท่านแม่หอมข้าแล้ว ท่านแม่หอมข้าแล้ว 

ลู่เจียวรู้สึกขบขันท่าทางเขินอายของเขา เพียงแต่เวลาผ่านไปพักใหญ่แล้ว นางจึงยกโต๊ะออกไปด้านนอก พร้อมสั่งให้ซื่อเป่ายกอาหารของตัวเองช้าๆ “ระวังหน่อย อย่าหกล้มล่ะ” 

“อื้มๆ ข้ารู้แล้ว” 

ซื่อเป่าลืมไปตั้งนานแล้วว่าพวกพี่ๆ โกรธเขา ท่านแม่ดีมาก ซื้อทั้งลูกกวาด ทั้งขนมถั่วแดงให้พวกเขา ใช่แล้ว ท่านแม่ยังหอมเขา เขาดีใจมาก 

เซี่ยเอ้อร์จู้เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเรียบร้อยแล้ว 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกสบายตัวมาก ถึงแม้ก่อนหน้านี้เซี่ยเอ้อร์จู้จะเคยเช็ดตัวให้เขา แต่ยังต้องใส่เสื้อผ้าตัวเก่าซึ่งใส่ไม่สบาย ตอนนี้เปลี่ยนเป็นชุดที่ใส่สบาย เขาจึงสบายไปทั้งตัว 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงดูอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย 

ลู่เจียวยกโต๊ะเล็กเข้ามา เขาก็ไม่ได้ปั้นหน้าเย็นชา ไม่ว่าแม่นางคนนี้จะมาจากไหน จนถึงตอนนี้นางยังคงทำดีทุกอย่าง ฉะนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องแฉธาตุแท้ของนาง 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท