เซี่ยอวิ๋นจิ่นพานไม่สบอารมณ์ไปด้วย หมู่บ้านเซี่ยสงบสุขมาโดยตลอด แต่กลับมีปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข้อง คนประเภทนี้น่ารังเกียจยิ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองแม่หม้ายหลี่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วพูดเสียงเรียบ “ไม่จ่ายก็ไสหัวออกจากหมู่บ้านเซี่ย พวกเราหมู่บ้านเซี่ยปล่อยให้ครอบครัวเจ้าอยู่ต่อไปไม่ได้อีกต่อแล้ว ไม่อย่างนั้นเด็กในหมู่บ้านคงเกเรกันหมด”
แม่หม้ายหลี่สีหน้าซีดเซียวทันที นางยังอยากพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเซี่ยฟู่กุ้ย ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ถ้าผู้ใหญ่บ้านไล่พวกนางออกจากหมู่บ้านเซี่ยจริงๆ แล้วจะทำอย่างไร
เดิมทีหมู่บ้านเซี่ยเป็นถิ่นฐานของตระกูลเซี่ย ภายหลังเริ่มมีตระกูลอื่นย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ดังนั้นคนตระกูลอื่นย่อมไม่มีเครือญาติมากเท่าคนตระกูลเซี่ยอยู่แล้ว
เซี่ยฟู่กุ้ยไม่สนใจแม่หม้ายหลี่ เขาหันไปถามลู่เจียว “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าอยากได้เงินเท่าไหร่”
ลู่เจียวหรี่ตามองแม่หม้ายหลี่ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “หนึ่งตำลึงเงินก็พอแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็รู้ ยาแค่ชุดเดียวของอวิ๋นจิ่นก็ตำลึงเงินเศษแล้ว ยาที่ดีหน่อยก็ประมาณห้าตำลึง หนึ่งตำลึงที่ได้จากนางยังไม่พอซื้อยาชุดเดียวด้วยซ้ำ”
“ข้าก็ไม่ได้คิดจะไถเงินนาง แค่อยากให้บทเรียนนางเท่านั้น วันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมารังแกครอบครัวพวกเราอีก”
ตอนแรกลู่เจียวขอให้จ่ายค่าเสียหายหนึ่งตำลึง บางคนในหมู่บ้านรู้สึกว่านางขี้งกมาก แต่พอได้ยินนางพูดว่าเงินเท่านี้ไม่พอซื้อแม้แต่ยาชุดเดียวของอวิ๋นจิ่น ก็รู้สึกว่านางมีจิตใจดีขึ้นมาทันที
บางคนพูดเข้าข้างนาง “ก่อนหน้านี้อาการของอวิ๋นจิ่นกำเริบ กระอักเลือดไปไม่น้อย เงินแค่ตำลึงเดียว ถือว่านางขอไม่มากเลย”
“นางขอไม่มากจริงๆ พวกนางมาก่อกวนครอบครัวอวิ๋นจิ่นเช่นนี้ ยังไม่รู้เลยว่าต้องเสียเงินรักษาอวิ๋นจิ่นอีกเท่าไหร่”
แม่หม้ายหลี่ไม่ยอมให้แต่โดยดี ร้องไห้โวยวายต่อ “บ้านข้าไม่มีเงิน ไม่มีเงิน”
แม่หม้ายหลี่ตะโกนจบก็หันไปคว้ามือเซี่ยหลานที่อยู่ด้านข้างไว้ “ยัยหนูหลาน เจ้าไปขอร้องพี่สะใภ้สามของเจ้าที อย่ามาขอเงินกับข้าเลย บ้านข้ามีฐานะอย่างไร เจ้าเองก็รู้ดี”
เซี่ยหลานได้ยินคำพูดของแม่หม้ายหลี่ ก็นึกถึงความสัมพันธ์ของตนกับเสิ่นซิ่วทันที นี่เป็นโอกาสดีที่นางจะได้สร้างภาพว่าตนจิตใจดี
เซี่ยหลานหันไปมองลู่เจียว ทว่าลู่เจียวกลับไม่รอให้นางพูดก็ด่าออกมาแล้ว “เงียบปากไปเจ้าไปซะ แค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็หงุดหงิดแล้ว”
สิ้นคำ ลู่เจียวก็ยื่นมือไปกระชากตัวเสิ่นเสี่ยวซานไปข้างนอก “ไหนๆ พวกเจ้าก็ไม่มีเงินคืน อย่างนั้นก็ไปที่ว่าการอำเภอเถอะ เจ้าพาแม่และบุตรสาวมาไถเงินที่บ้านข้า ตามกฎหมายแล้วต้องจำคุก”
“ใช่แล้ว ที่ผ่านมาเจ้าลักเล็กขโมยน้อยจนเคยตัวแล้วสินะ ไหนๆ ก็จะไปที่ว่าการอำเภอแล้ว ข้าจะบอกให้ใต้เท้านายอำเภอสืบเรื่องชั่วๆ ที่เจ้าเคยก่อด้วย ไม่แน่เจ้าอาจต้องติดคุกเพิ่มอีกสองปีก็ได้”
เสิ่นเสี่ยวซานที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มเพราะร่างกายที่ระบมตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ยินดังนั้นหน้าก็ยิ่งซีดเซียวกว่าเดิม
เขาพลันตะโกนเสียงแหลม “ท่านแม่ ให้นาง รีบเอาเงินให้นางเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากไปที่ว่าการอำเภอ ไม่อยากติดคุก”
แม่หม้ายหลี่เห็นบุตรชายเป็นเช่นนี้แล้วจะกล้าพูดอะไรอีก เลยตวาดเสียงสูง “อย่าส่งลูกชายข้าไปที่ว่าการอำเภอนะ ข้าจะกลับไปเอาเงินให้เดี๋ยวนี้”
นางวิ่งกลับบ้านทันที ลู่เจียวไม่ได้กลัวว่าเสิ่นเสี่ยวซานจะเผ่นหนี เลยเก็บมีดที่จี้คอเขาอยู่
ทุกคนกลางลานบ้านต่างโล่งอก ท่าทางที่ภรรยาอวิ๋นจิ่นถือมีดน่าผวาเหลือเกิน
แม่หม้ายหลี่รีบเอาเงินหนึ่งตำลึงมา ท่าทางของนางราวกับโดนเฉือนหัวใจ
ลู่เจียวไม่ได้รับเงินไว้ทันที แต่เอี้ยวคอไปทางเซี่ยเสี่ยวเป่า จากนั้นมองแฝดสี่ที่อยู่ด้านข้าง
“ต้าเป่า วันนี้ใครที่ช่วยเจ้าบ้าง”
ต้าเป่าชี้ไปที่ซย่าซื่อ ผู้ใหญ่บ้านและครอบครัวนายพรานแซ่สวี่ทันที
ลู่เจียวพยักหน้า แล้วบอกผู้ใหญ่บ้าน “เงินตำลึงนี้ ข้าไม่รับไว้ แต่จะแบ่งให้สามครอบครัวเท่าๆ กัน”
พูดจบ คนในลานบ้านต่างก็ตกตะลึงแล้วเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“สวรรค์ นี่เรื่องจริงหรือ”
“ทำไมพวกเราถึงนึกไม่ได้ว่าต้องช่วยเด็กชายสี่คนนี้ตั้งแต่แรก”
“ถ้าแบ่งเท่าๆ กันทั้งสามครอบครัว หนึ่งครอบครัวได้เงินตั้งสามร้อยเหวิน[1] แน่ะ กินเนื้อได้สิบกว่าจินเลย สวรรค์”
เซี่ยฟู่กุ้ยมองลู่เจียว “ภรรยาอวิ๋นจิ่น ไม่ต้องแบ่งหรอก อวิ๋นจิ่นกำลังต้องการเงินรักษาอยู่มิใช่หรือ”
ลู่เจียวส่ายหัว “ข้าย่อมมีวิธีหาเงินรักษาเขา ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่บ้านเห็นแล้วไม่ใช่หรือ ข้าล่าสัตว์เป็น อันที่จริงข้ายังรู้เรื่องสมุนไพรอีกด้วย พวกท่านไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาของอวิ๋นจิ่นหรอก เอาเงินก้อนนี้ไปแบ่งกันเถอะ ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยปกป้องบุตรของข้า”
พูดจบลู่เจียวก็ไม่อยากมากความต่อ ผลักเสิ่นเสี่ยวซานออก “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
แม่หม้ายหลี่พยุงบุตรชายไว้ ไม่กล้าอยู่ต่อนานกว่านี้ สองแม่ลูกวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
เสิ่นซิ่วที่อยู่ด้านหลังมองลู่เจียวปราดหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกไป เซี่ยหลานนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของลู่เจียวก็จ้องหน้านางอย่างขุ่นเคืองใจ แล้วหันหลังเดินจากไปอีกคน
คนในลานบ้านทยอยกันออกไปด้านนอก ทั้งสามครอบครัวที่ช่วยเหลือแฝดสี่ต่างปฏิเสธเงินจากลู่เจียว
ลู่เจียวไม่ยอมให้พวกเขาปฏิเสธ เงินส่วนนี้นางรับไว้ไม่ได้หรอก ขืนนางรับไว้ คนในหมู่บ้านต้องหาว่านางต่ำทราม นางไม่รับเงินไว้จะดีกว่า ลู่เจียวเชิญผู้ใหญ่บ้านมา ก็ต้องแบ่งให้เขาบ้าง นางไม่สนใจเงินแค่หนึ่งตำลึงอยู่แล้ว
สุดท้ายผู้ใหญ่บ้านก็ยอมรับไว้ แล้วพาอีกสองครอบครัวจากมา
บุตรีของผู้ใหญ่บ้านเซี่ยเสี่ยวเจวียนไม่ได้ตามกลับไปด้วย แต่อยู่พูดคุยกับลู่เจียว “อาสะใภ้สาม ท่านอาสามและเด็กๆ ได้รับบาดเจ็บ ข้าอยู่ทำมื้อเย็นแทนท่าน ท่านไปดูแลพวกเขาเถอะ”
ลู่เจียวเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว ควรทำมื้อเย็นแล้วจริงๆ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นและแฝดสี่ได้รับบาดเจ็บ นางต้องไปดูแลทำแผลอย่างที่เซี่ยเสี่ยวเจวียนว่า
นางขอบคุณเซี่ยเสี่ยวเจวียน แล้วพาแฝดสี่เข้าไปในห้องโถง
“พวกเจ้ารอข้าประเดี๋ยวเดียว ข้าจะเอาข้าวสารไปให้พี่เสี่ยวเจวียนของพวกเจ้าหุงก่อน แล้วค่อยกลับมาทำแผลให้”
แฝดสี่คอยในห้องโถงอย่างไม่สบายใจ ลู่เจียวออกไป พวกเขาก็รีบวิ่งไปที่เรือนตะวันออกทันที
ก่อนหน้านี้พวกเขารู้ว่าบิดากระอักเลือด จึงคิดจะไปอยู่เฝ้าข้างเตียงบิดา พอเห็นบิดายังคงสลบหมดสติ พวกเขาก็หวาดกลัวอย่างยิ่ง น้ำตาไหลพรากลงมาไม่หยุด
ลู่เจียวเข้าไปในเรือนตะวันตก ตักข้าวสารครึ่งถ้วยออกจากห้วงอากาศ แล้วเดินเอาไปให้เซี่ยเสี่ยวเจวียนในครัว “เสี่ยวเจวียน รบกวนเจ้าแล้ว”
“ไม่เป็นไร อาสะใภ้สามไปจัดการธุระเถอะ”
ลู่เจียวพยักหน้า นางตักน้ำด้านนอกหนึ่งกะละมังเดินเข้าไปในห้องนอน
ยังไม่ทันเข้าไป ก็ได้ยินแฝดสี่สะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าใจ “ท่านพ่อ ฟื้นสิ”
“ท่านอย่าหลับสิ พวกเราจะไม่มีเรื่องกับคนอื่นอีกแล้ว”
“วันหลังพวกเราจะไม่ไปมีเรื่องกับคนอื่นอีก ท่านอย่าโกรธพวกเราเลย”
ลู่เจียวเดินเข้าไป เห็นแฝดสี่ยืนเรียงกันเป็นแถว กำลังเช็ดน้ำตาเม็ดใหญ่ไม่หยุด
ลู่เจียวเรียกพวกเขามา “มา ล้างหน้าล้างตาและเช็ดตัวก่อน สกปรกจนดูไม่ได้แล้ว”
แฝดสี่เงยหน้ามองนาง นึกถึงที่ลู่เจียวปกป้องพวกเขาในก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกดีกับนางไม่น้อย
ต้าเป่าเดินไปเงยหน้ามองนางทันที “ให้ท่านพ่อกินยาก่อนเถอะ”
ลู่เจียวเอาเก้าอี้เพียงตัวเดียวในบ้านมานั่ง แล้วมองต้าเป่า “ก่อนหน้านี้ข้าดูอาการเขาแล้ว เขาไม่เป็นไร พวกเจ้าอย่ากังวลใจไปเลย”
แฝดสี่ทำหน้าไม่อยากเชื่อ “แล้วทำไมท่านพ่อถึงไม่ฟื้นล่ะ”
“เขาบาดเจ็บอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว แล้วยังเจอเรื่องกระทบจิตใจอีก จึงยังไม่ฟื้น แต่พวกเจ้าวางใจเถอะ เขาไม่เป็นไรแน่นอน”
——————————————
[1] เหวิน เป็นค่าเงินจีนสมัยก่อน 1 ตำลึงเงิน เท่ากับ 1 ก้วนเหรียญทองแดง 1 ก้วน เท่ากับ 1000 เหวินหรืออีแปะ