ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 52 ให้บทเรียนพวกเขา

ตอนที่ 52 ให้บทเรียนพวกเขา

ตอนที่ 52 ให้บทเรียนพวกเขา
เถียนซื่อน้ำตาคลอ ที่จริงนางยืมเงินให้บุตรีครั้งนี้ นอกจากจะเพื่อช่วยบุตรเขยแล้ว ก็ยังจุดประกายความคิดหนึ่ง ถ้าวันข้างหน้าบุตรเขยลุกขึ้นมานั่งได้อีกครั้ง คนที่เป็นถึงซิ่วไฉ อย่างไรก็นั่งสอนหนังสือที่บ้านได้อยู่แล้ว พวกเขาจะได้ส่งบุตรหลานไปเรียน ต่อให้เรียนแล้วสอบไม่ติดถงเซิง[1]ได้เป็นซิ่วไฉ อย่างน้อยก็รู้อักษรมากขึ้น อนาคตจะได้หางานเลี้ยงชีพที่ดี

ใครจะไปรู้ว่าทั้งครอบครัวจะคิดตื้นเช่นนี้ กลับต่อว่าว่านางไม่ดี

บุตรสะใภ้หาว่านางไม่ดี นางยังทนได้ สุดท้ายแม้แต่บุตรชายก็ยังต่อว่านางอีก

นี่ทำให้เถียนซื่อเสียใจที่สุด ตอนนั้นที่นางตัดสินใจแต่งงานกับลู่ต้าเหนียน ก็เพราะเขาเป็นคนซื่อตรง คิดว่าแต่งกันไปเขาต้องดีกับนางแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางแต่งงานกับเขาเพื่ออะไร ในเมื่อนางมองออกแต่แรกว่าชายคนนี้ไม่ความทะเยอทะยานในชีวิต ไม่คิดจะหาเงินเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

นางแค่หวังว่าชีวิตตัวเองจะอย่างราบรื่น สุดท้าย เขาไม่เพียงแต่ไม่มีปัญญาหาเลี้ยงครอบครัว แต่พอเจอปัญหาหน่อยก็เอาแต่โทษนาง

ตอนนี้ เถียนซื่อยิ่งมองลู่ต้าเหนียนก็ยิ่งรู้สึกชังน้ำหน้า

ลู่เจียวกวาดมองทุกคนในสวน แล้วพูดอย่างเย็นชา “ไหนๆ พวกเจ้าก็ไม่ชอบท่านแม่ขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะพานางไปจากที่นี่ นางมีลูกชายตั้งสามคน แล้วยังมีลูกสาวอย่างข้าอีกคน วันข้างหน้าข้าจะดูแลนางเอง”

ครั้งนี้สีหน้าของลู่ผิง ลู่อันและลู่กุ้ยต่างก็เปลี่ยนไป มีบุตรชายถึงสามคน แต่ให้บุตรีรับแม่ไปดูแล ขืนคนนอกรู้เข้า พวกเขาสามคนต้องโดนประณามแน่นอน

ลู่เจียวหันไปมองเถียนซื่อ “ท่านแม่ จะไปอยู่บ้านข้าหรือไม่”

เถียนซื่อก็หงุดหงิดอยู่เป็นทุนเดิม คิดเพียงอย่างเดียวว่านางจะไม่ย่อมทนเห็นสิ่งสกปรกในบ้านอีกต่อไป ได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็พยักหน้า “ไป”

คราวนี้ กลับกลายเป็นลู่ต้าเหนียนที่สีหน้าเปลี่ยน “เถียนฮวา เจ้าคิดจะทำอะไร พวกเราแค่ตำหนิเจ้าสองสามคำ ต้องทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ”

ลู่เจียวมองลู่ต้าเหนียนปราดหนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงไม่เป็นมิตร “ท่านพ่อชอบทำร้ายจิตใจคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ท่านแม่เสียใจเพราะท่านต่อว่านี่แหละ นางอยู่กับท่านมาหลายปี ไม่เคยต่อว่าท่านไม่เอาถ่านเลยสักนิด แต่กลับเป็นท่านที่ต่อว่านาง”

ลู่ต้าเหนียนชักสีหน้า นึกไม่ถึงว่าบุตรีจะตำหนิเขาเช่นนี้ แต่ต่อหน้าเถียนฮวา เขาก็ไม่กล้าด่าตอบ

ลู่เจียวเดินกลับเข้าไปในเรือนตะวันออก แบกตะกร้าสานออกมา ตอนแรกนางตั้งใจจะเอาเนื้อทรายกับกระต่ายป่าอย่างละตัว ข้าวเจ้ากับข้าวขาวอย่างละห้าจินและลูกกวาดอีกครึ่งจินมาให้พวกเขา

สุดท้ายนึกไม่ถึงว่าคนทั้งสกุลลู่จะทำกับเถียนซื่อเช่นนี้ แล้วนางจะให้พวกเขากินของดีไปทำไม ต่อให้ต้องให้หมากินก็จะไม่ให้พวกเขากินเด็ดขาด

“ท่านแม่ ไปกันเถอะ”

เถียนซื่อเดินเข้าห้องไปเก็บเสื้อผ้า คนสกุลลู่ที่อยู่กลางสวนต่างก็กระวนกระวายขึ้นมา โดยเฉพาะลู่ต้าเหนียน เขารีบเข้าไปเกลี้ยกล่อมเถียนซื่อ

น่าเสียดายที่เถียนซื่อยังคงเดือดดาล พอเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดก็ตามลู่เจียวออกไปนอกเรือนทันที

บุตรชายทั้งสามรีบมาขวางไว้ ลู่กุ้ยตะคอกใส่ลู่เจียว “ลู่เจียว เจ้าควรเกลี้ยกล่อมท่านแม่ ไม่ใช่ยิ่งยุยงอย่างนี้ ทำแบบนี้มันใช่เรื่องไหม”

ลู่เจียวหมดความอดทนกับเขาแล้ว จึงเลิกคิ้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “เป็นถึงบุตรชายแท้ๆ แทนที่จะปกป้องท่านแม่ กลับรังแกท่านแม่ได้ลงคอ เช่นนั้นต่อไปข้าจะเป็นคนดูแลท่านแม่เอง”

อันที่จริงลู่เจียวก็ไม่ได้คิดจะแตกหักกับคนทั้งสกุลลู่ แค่จะให้บทเรียนพวกเขาเท่านั้น คราวหลัง พวกเขาจะได้ไม่กล้ารังแกเถียนซื่ออีก

มิเช่นนั้นพวกเขาจะโทษเถียนซื่อจนเคยตัว วันหลังเจอปัญหาเข้าหน่อยก็จะมาต่อว่าเถียนซื่อแบบนี้อีก

วันนี้นางต้องให้บทเรียนพวกเขาให้หลาบจำ

ลู่เจียวพูดจบ ยกมือผลักลู่กุ้ยออก แล้วกุมมือเถียนซื่อเดินจากไป

หูเซียงที่อยู่ด้านหลังตาไวยิ่งนัก เห็นว่าลู่เจียวแบกของดีมาทั้งตะกร้า เต็มไปด้วยเนื้อที่พวกเขาหิวโหยมานาน

หูเซียงตะกละขนาดนั้น จะไม่เดินตามพวกนางไปได้อย่างไร “ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธเลย พวกเราผิดเอง พวกเราผิดทั้งหมด น้องเจียว อย่าโกรธเลย ห้ามแม่หน่อยเถอะ”

เสียดายที่ลู่เจียวไม่สนใจนาง ดึงเถียนซื่อเดินจากไป

สีหน้าลู่ต้าเหนียนที่อยู่ด้านหลังย่ำแย่จนดูไม่ได้ ในใจค่อนข้างกระวนกระวาย เขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเถียนซื่อมาหลายปี ยังไม่เคยแยกจากกันกันเลย จู่ๆ เถียนซื่อก็ไปอยู่ที่อื่น ทิ้งเขาไว้คนเดียว เขาจะไม่ลุกลนได้อย่างไร

ครั้งนี้ลู่กุ้ยเห็นเถียนซื่อและลู่เจียวจากไป ก็ไม่กล้ารั้งไว้ ได้แต่สาวเท้าก้าวใหญ่เดินตามไปด้วย

ตอนแรก เถียนซื่อออกจากบ้านไปด้วยอารมณ์ แต่แล้วพอผ่านไปไม่นานก็เริ่มกังวลใจขึ้นมา

นางไปบ้านลูกสาวแบบนี้ ลูกเขยจะไม่สบอารมณ์ หรือว่ากล่าวนางหรือไม่ ขืนเขาไม่พอใจขึ้นมา แล้วโกรธลูกสาวจะทำอย่างไร

ตอนนี้นางเกิดเสียใจที่ใจร้อนเกินไป อยู่ดีไม่ว่าดี ทำไมต้องมาให้เจียวเจียวรู้เรื่องบ้าๆ นี่ แต่ตอนนั้นที่นางเห็นเงิน จะอย่างไรก็อดเอาไปฟาดหัวพวกเขาไม่ได้

เถียนซื่อครุ่นคิดพลางมองลู่เจียว “เจียวเจียว แม่ไปอยู่บ้านเจ้าแบบนี้ ไม่ค่อยดีกระมัง”

ลู่กุ้ยที่เดินตามมาด้านหลังได้ยินคำพูดของเถียนซื่อ ก็พูดขึ้น “ท่านแม่ พวกเรากลับบ้าน กลับบ้านกันเถอะ”

ลู่เจียวกลับรั้งเถียนซื่อไว้ ทั้งยังโน้มน้าวนาง “ท่านแม่ ลูกเขยท่านนอนติดเตียง ลำพังข้าดูแลเด็กๆ ก็หนักมากแล้ว ยังต้องคอยรับใช้เขาอีก ข้าเหนื่อยมาก ท่านไปช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่ ใช่แล้ว ครั้งที่แล้วข้าไปขายของในเมือง ในบ้านไม่มีใครอยู่ สี่แฝดโดนคนอื่นรังแก ท่านไปอยู่ที่นั่น จะได้ช่วยข้าดูแลบ้านด้วย”

เถียนซื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเอ็นดูนาง จึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล ไม่สนใจบุตรชายที่ตามมาด้านหลังอีก

ไอ้พวกอกตัญญู ได้เมียแล้วลืมแม่ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่เหมือนลูกสาวที่เข้าข้างแม่ตลอดเวลา

เถียนซื่อรู้ว่าเพราะลูกสาวคนนี้ปกป้องนาง ถึงได้โมโหคนทั้งบ้านเช่นนี้

“ได้ งั้นแม่จะไปช่วยดูแลบ้านเอง”

ลู่กุ้ยสีหน้าขมขื่น นี่มันอะไรกัน เวลานี้เขาเพิ่งรู้จะว่าพี่สาวหัวแข็งขนาดไหน นางไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครรังแกง่ายๆ

ลู่เจียวเดินอยู่ด้านหน้า ไม่สนใจลู่กุ้ยแม้แต่น้อย นางแอบเอาขนมสองชิ้นออกจากห้วงอากาศ ยื่นไปให้เถียนซื่อหนึ่งชิ้น และให้ตัวเองหนึ่งชิ้น

“ท่านแม่ ท่านกินอะไรรองท้องหน่อยเถอะ นี่เป็นขนมถั่วแดงที่ข้าซื้อมาจากในเมือง”

เถียนซื่อพลันดันมือนางกลับ “ข้าไม่หิว เก็บไว้ให้เด็กๆ กินเถอะ”

ลู่เจียวจะเห็นด้วยได้อย่างไร จึงพยายามยัดเข้าไปในมือของนาง “ท่านแม่ กินหน่อยเถอะ ที่บ้านยังมีอีก”

นางพูดจบก็มองเถียนซื่อ “ท่านแม่ ตอนนี้ข้าวางกับดักล่าสัตว์ได้แล้ว ท่านดูเนื้อทรายและกระต่ายป่าที่ข้าล่ามาสิ ทีแรกจะเอาของพวกนี้มาฝากพวกท่าน แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขากลับรังแกท่านเช่นนี้ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เอากลับไปคั่วพริกเกลือให้ท่านกินดีกว่า”

เถียนซื่อมองเนื้อทรายในตะกร้าของลู่เจียวอย่างมึนงง ลูกสาวคนนี้ไม่เพียงแต่เก็บเห็ดหลินจือ แล้วยังวางกับดักสัตว์ได้ด้วย โอ้สวรรค์ นางสุดยอดเกินไปแล้ว

นี่ลูกสาวยอดเยี่ยมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

เถียนซื่อมองลู่เจียวด้วยแววตาที่เคล้าด้วยความตกตะลึง “เจียวเจียว เจ้าได้ความรู้พวกนี้มาจากไหน เล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้”

ลู่เจียวครุ่นคิด “ข้าเรียนมาจากตำราของอวิ๋นจิ่น”

“ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็อยากเรียนหนังสือ เรียนหนังสือนี่มันดีจริงๆ แม้แต่บุตรีของข้ายังมีปัญญาหาเงินแล้ว”

ลู่เจียวเอาขนมป้อนเข้าปากเถียนซื่อ “ท่านแม่กินเลย พวกเราไม่ขาดแคลนของอร่อยๆ อีกแล้ว”

“ดี ดีเลย”

เถียนซื่อกินอย่างมีความสุข ไม่มองบุตรชายคนสุดท้องแม้แต่น้อย

ลู่กุ้ยเห็นสองแม่ลูกกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เขาหิวจะแย่แล้ว หิวจนท้องแบนราบแล้ว

สองสามวันมานี้ที่บ้านไม่ทำอาหารเพราะเงินห้าตำลึงเงินนั่น พวกเขาหิวจะตายแล้ว

พอเห็นพวกนางเหมือนจะลืมเขาไปแล้ว เขาเลยเสียใจมาก

เขารีบเดินตามไปติดๆ แล้วขอขนมกับลู่เจียว “พี่เจียว มีขนมอีกไหม แบ่งข้ากินหนึ่งชิ้นเถอะ”

ลู่เจียวปรายตามองเขา แล้วแสยะยิ้ม “อย่าเรียกไปเรื่อยสิ ข้าไม่ใช่พี่สาวเจ้า”

———————————-

[1] ถงเซิง คือ การสอบในระดับท้องถิ่น ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ การสอบระดับอำเภอ การสอบระดับมณฑล และการสอบซึ่งจัดโดยขุนนางในราชสำนัก

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท