ตอนที่ 59 พูดมากกว่านี้จะตายหรือไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า ความเย็นชาในแววตาเลือนหายไป เขาจึงดูอบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย เดิมทีชายหนุ่มก็รูปงามอยู่แล้ว เมื่อใบหน้าปรากฏความอ่อนโยนเช่นนี้ ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกรื่นใจกระจ่างตา
เพียงแต่เพอขาดูอ่อนโยนราวกับหยกรูปงามเช่นนี้ เถียนซื่อและลู่กุ้ยกลับไม่กล้าเข้าใกล้มากกว่าเดิม
ลู่เจียวไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขากลัวอะไร
หลังจากกินมื้อเช้าแล้ว เถียนซื่อก็รีบไปต้มยาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวพาแฝดสี่ไปบ้านจู๋จ่างเพื่อสั่งทำโต๊ะและเก้าอี้
เพียงแต่ห้าแม่ลูกยังไม่ทันออกจากประตูบ้าน นอกรั้วบ้านก็มีรถม้ามาจอดหนึ่งคัน ลู่เจียวนึกถึงเรื่องเมื่อวานก็ปวดขมับขึ้นมาอีกครั้ง ใครมาอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นสหายร่วมชั้นเรียนของเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาอีกนะ
สุดท้ายคนที่ลงมาจากรถม้าไม่ใช่สหายของเซี่ยอวิ๋นจิ่น กลับเป็นหมอฉีในหอยาเป่าเหอ
นอกจากหมอฉี ก็คือสวี่ตัวจิน แม้สีหน้าสวี่ตัวจินจะไม่ม่วงคล้ำเช่นคนโดนงูกัดเหมือนตอนแรก คล้ายว่าหายดีแล้ว แต่ยังต้องการคนพยุง
สวี่ตัวจินปรากฎ คนในหมู่บ้านเซี่ยต่างก็กระซิบกระซาบกันอย่างตกตะลึง
“สวี่ตัวจินไม่ใช่โดนงูสามเหลี่ยมกัดหรือ”
“ใช่ ข้าก็ได้ยินมาอย่างนี้เหมือนกัน เหตุใดเขาเหมือนไม่เป็นอะไรเลย”
“ว่ากันว่าคนที่โดนงูสามเหลี่ยมกัด พิษจะตกค้างอยู่ในร่างกาย คนมากมายกลายเป็นอัมพาต แต่ต่อให้ไม่เป็นอัมพาตก็อาจแก่ก่อนวัย ไม่ฟันร่วงก็ผมร่วง”
ขณะทุกคนกำลังพูดคุยกัน คนสกุลสวี่ก็เดินไปถึงหน้าลู่เจียวแล้ว
ภรรยาสวี่ตัวจินพยุงเขาเดินมาคำนับลู่เจียวด้วยความเคารพ “ขอบคุณภรรยาอวิ๋นจิ่นที่แก้พิษงูสามเหลี่ยมให้ตัวจิน”
คนอื่นๆ ต่างก็มาขอบคุณลู่เจียวด้วยความซาบซึ้งใจ
ลู่เจียวโบกมือ “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ดูๆ แล้วพิษในร่างกายยังขับออกมาไม่หมด ดื่มยาอีกสามวันก็น่าจะหายดีแล้ว”
สวี่ตัวจินกล่าวขอบคุณอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปส่งสายตาให้ภรรยาข้างกาย นางควักเงินออกมาประมาณห้าหกตำลึงเงิน ยัดเข้าไปในมือของลู่เจียว
ลู่เจียวปฏิเสธกลับ “ข้าไม่เก็บเงิน ข้าเต็มใจช่วยเหลือ”
สาเหตุที่นางไม่เก็บเงิน ประการแรก เขาคือชาวบ้านในหมู่บ้านเซี่ย อีกประการคือ สกุลสวี่ยากจนเกินไป เงินห้าหกตำลึงนี้น่าจะเป็นเงินทั้งหมดในบ้านแล้ว นางคงรับไว้ไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้นางไม่ขาดแคลนเงิน เงินที่ขายเห็ดหลินจือได้ยังเหลือร้อยกว่าตำลึง ยังมีที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นให้นางมาอีกร้อยห้าสิบตำลึง
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้หมอฉีเคยบอกว่าจะให้ค่าสูตรยาของนาง
สายตาของลู่เจียวเลื่อนไปมองหมอฉีด้วยความอ่อนโยน
หมอฉีแย้มยิ้มทันที
สวี่ตัวจินได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็ไม่ยอมเก็บเงินกลับไป กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เงินพวกนี้เอาไว้รักษาอวิ๋นจิ่น รอให้พวกเจ้ามีเงินค่อยมาคืนข้า”
ลู่เจียวกลับส่ายหัวปฏิเสธ “ข้าหาเงินเองได้ ถ้าเกิดวันใดหาเงินไม่ได้จริงๆ ค่อยไปยืม แบบนี้ดีหรือไม่”
คนสกุลสวี่ได้ยินนางพูดเช่นนี้ถึงจะยอมเก็บเงินกลับไป จางซื่อจึงพยุงสวี่ตัวจินกลับบ้าน
นอกรั้วบ้านมีคนรอทักทายคนสกุลสวี่อยู่ไม่น้อย บางคนตามคนในสกุลสวี่กลับบ้าน ส่วนบางคนยังคงพูดคุยอยู่นอกรั้วบ้านเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทุกคนต่างพูดถึงลู่เจียว
ลู่เจียวแก้พิษงูเป็นด้วยหรือ พิษงูสามเหลี่ยมเชียวนะ
บางคนคิดถึงเรื่องที่ลู่เจียวช่วยเซี่ยเสี่ยวเป่าเอาก้างออกจากคอเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนั้นดึงก้างปลาออกให้เซี่ยเสี่ยวเป่าอย่างง่ายดาย
ภรรยาของอวิ๋นจิ่นรู้วิชาการแพทย์ นางก็เป็นหมอน่ะสิ
ฉีเหล่ยไม่สนใจชาวบ้าน แต่หันไปมองลู่เจียวแล้วพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน “แม่นางลู่ พวกเราคุยกันหน่อยได้หรือไม่”
ลู่เจียวเชิญฉีเหล่ยเข้าไปในบ้าน ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คือหมอในหอเป่าเหอ ยังนึกว่าลู่เจียวเชิญมารักษาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทุกคนเลยสอดรู้สอดเห็นอยู่นอกรั้ว
ฉีเหล่ยและลู่เจียวเดินเข้าไปด้านใน “ครั้งที่แล้วได้ยินแม่นางลู่บอกว่ายังมียาแก้พิษอยู่หลายสูตร”
ลู่เจียวพยักหน้าทันที ฉีเหล่ยพูดอย่างจริงใจ “ข้าอยากซื้อสูตรยาแก้พิษของแม่นางลู่ ไม่รู้ว่าเจ้ายินดีหรือไม่ แม่นางลู่วางใจเถอะ ข้าไม่ได้ซื้อขาด วันข้างหน้าหากแม่นางลู่จะใช้ก็ยังใช้ได้ ข้าแค่ซื้อไปเพราะจะใช้เท่านั้น”
“ได้ ข้าจะให้สูตรยาแก้พิษร้ายแรงแก่เจ้าก่อน”
“เช่นนั้นข้าให้สามร้อยตำลึงเงินกับเจ้า เจ้าว่าอย่างไร”
ลู่เจียวตอบตกลงทันที คนเอาเงินมาให้ถึงที่ จะปฏิเสธได้อย่างไร ขืนปฏิเสธเงินฟ้าได้ผ่าพอดี! อันที่จริงนี่ก็เป็นการสร้างความสุขให้ปวงประชา ต่อให้ไม่จ่ายเงิน นางก็ยินดีให้หมอฉีใช้อยู่ดี ทว่าเขาเอาเงินมาให้ นางย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
ลู่เจียวคิดแล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ได้ หมอฉีเชิญเถอะ”
เพราะว่ากระดาษและหมึกอยู่ที่เรือนตะวันออก ลู่เจียวจึงต้องเชิญฉีเหล่ยไปเรือนตะวันออก
ทั้งสองเพิ่งเดินเข้าไปในเรือนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พูดเสียงเย็นทันที “เขาคือใคร”
ลู่เจียวรีบเดินไปข้างเตียง อธิบายให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟัง “เขาคือหมอฉีจากหอยาเป่าเหอ เขาอยากซื้อสูตรยาแก้พิษของข้า ข้าเลยพาเขาเข้ามา”
“อ้อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสังเกตฉีเหล่ย หมอคนนี้ยังหนุ่ม หล่อเหลาอ่อนโยน และคงรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าเสมอ ดูน่าเข้าหายิ่งนัก
แม้จะน่าเข้าหา เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่สบอารมณ์ จึงพูดด้วยเสียงเรียบเฉย
“เชิญ”
ลู่เจียวยกมุมปากอย่างหมดคำจะเอ่ย พูดมากกว่านี้จะตายหรือไร
ถ้าไม่มีคนอยู่ นางจะกลอกตามองบนใส่เขา
ฉีเหล่ยหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยความตกตะลึง
ก่อนหน้านี้เขาให้หลินเฟิงสืบประวัติครอบครัวลู่เจียว รู้ว่านางมีสามีที่พิการติดเตียง สามีของนางยังเป็นถึงซิ่วไฉ
เพียงแต่เขานึกไม่ถึงว่าคนคนนี้จะโดดเด่นถึงปานนี้ ต่อให้ตอนนี้เขาเป็นผู้ป่วยติดเตียง ความเจ็บป่วยกลับไม่กระทบความสง่างามของเขา บุรุษที่พิงบนขอบเตียงเก่าชำรุดมีผมดำสนิทดั่งหมึกดำ คิ้วและดวงตางดงามดั่งภาพวาด รูปลักษณ์ภายนอกงดงามไร้ที่ติ
ทว่าดวงตาเฉียบคมคู่นั้นทำให้ไม่มีใครกล้าดูหมิ่น
หากคนคนนี้ไม่พิการ ต้องมีอนาคตที่รุ่งโรจน์แน่นอน
ฉีเหล่ยรู้สึกเสียดายแทน
ลู่เจียวเอาพู่กันและกระดาษไปวางบนโต๊ะเก่าชำรุดแล้วบอกฉีเหล่ย
“ข้าพูด เจ้าเขียน”
ฉีเหล่ยตื่นตกใจทันที นึกว่าตัวเองหูฝาดไป จึงถามทวนอีกครั้ง “ให้ข้าเขียนกระนั้นหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงปรายตามองลู่เจียว มุมปากยกขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ราวกับกำลังเย้ยหยันนางอยู่
ลู่เจียวกลัวว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะหลุดพูดเรื่องที่นางไม่รู้อักษรให้หมอฉีรู้ จึงถลึงตามองเขาอย่างดุดัน จากนั้นหันไปมองฉีเหล่ย “ข้าจะบอกสูตรยา หมอฉีเขียนตามก็พอ”
ฉีเหล่ยไม่ฉงนใจอีก ให้เขาเขียนเขาก็เขียน
“ได้”
เขานั่งบนก้อนหินที่ซ้อนกันแทนเก้าอี้ แล้วเริ่มเขียนสูตรยา
ลู่เจียวบอกสูตรแก้พิษงูก่อน “ยาแก้พิษงู ก่อนอื่นต้องแยกชนิดงูให้ชัดเจนก่อน เช่นงูทะเล งูสามเหลี่ยม งูเหลือมหรืองูอื่นๆ ที่มีพิษลม ส่วนใหญ่ถ้าโดนพิษลม ให้เพิ่มปริมาณตะขาบและแมงป่อง”
“งูแมวเซาและงูเห่ามีพิษลมและพิษไฟ ถ้าโดนกัดก็อาจจะโดนทั้งพิษลม หรือพิษไฟ หรืออาจจะโดนทั้งพิษลมและพิษไฟ”
“งูหางกระดิ่ง งูหลาม งูหางกระดิ่งแหลมและงูเขียวมีพิษไฟ”