ตอนที่ 69 ยกความดีความชอบให้ใคร
ภายในใจของเซี่ยเหล่าเกินเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย บุตรชายคนที่สามที่เป็นเรื่องเป็นราวที่สุดกำลังจะตีตัวออกหากจากพวกขา
หร่วนซื่อถึงกับน้ำตาคลอ “เจ้าสาม นี่เจ้ากำลังโทษพ่อแม่ที่…”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รอให้หร่วนซื่อพูดจบก็ขัดขึ้นก่อน “ท่านแม่ ข้าจะโทษพวกท่านได้อย่างไร ใต้หล้านี้ไม่มีพ่อแม่ที่กระทำผิดต่อบุตร พวกท่านไม่ผิดแม้แต่น้อย ข้าเป็นลูกจะมีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรจากพวกท่านเพียงแต่ว่าไหนๆ ข้าก็แยกบ้านออกมาแล้ว แล้วจะกลับไปอีกทำไม พื้นที่ของบ้านใหญ่ก็ไม่ใหญ่นัก เจ้าสี่ยังต้องสู่ขอสะใภ้เข้าบ้าน จะปล่อยให้ไม่มีที่ซุกหัวนอนได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เกิดเป็นพี่ชาย ก็ต้องคิดเผื่อน้องชายอยู่แล้ว จะสนใจแต่ตัวเองได้อย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดจบ เหล่าอาวุโสตระกูลเซี่ยก็มองเขาพร้อมเชยชมในใจ
อวิ๋นจิ่นดีเหลือเกิน เจ้าสี่กลับทำลายความหวังดีของเขาเช่นนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นใช้เวลาที่เหมาะสมนี้หันไปมองเหล่าผู้อาวุโสแล้วพูดยิ้มๆ “ท่านปู่ใหญ่ ท่านปู่สาม ผู้ใหญ่บ้าน พวกท่านว่าสมเหตุสมผลหรือไม่”
ท่านปู่ใหญ่คือผู้ที่อาวุโสที่สุดในหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ปีนี้แม้จะอายุแปดสิบสามปี แต่ยังคงมีชีวิตชีวา ตาไม่พร่ามัวและยังไม่หูตึง
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ล้วนยังสุขภาพแข็งแรง พวกเขาได้ยินคำพูดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พยักหน้าเห็นด้วย “มีเหตุผล”
ส่วนผู้ใหญ่บ้านก็หันไปมองหร่วนซื่อด้วยสีหน้าไม่ดีนัก คำพูดที่ออกจากปากก็เต็มไปด้วยความเดือดดาล
“ภรรยาเจ้าสี่ ไหนๆ อวิ๋นจิ่นก็แยกบ้านออกมาแล้ว ก็ไม่ต้องให้เขากลับไปแล้ว เจ้าสี่ของพวกเจ้าจะแต่งงานแล้วมิใช่หรือ จะหาเรื่องให้ตัวเองลำบากอีกทำไม”
ผู้ใหญ่บ้านพูดจบ ใบหน้าหร่วนซื่อก็บูดบึ้ง กำลังคิดจะโต้แย้งกลับ
เซี่ยเหล่าเกินพลันรั้งนางไว้ทันที เขารู้ดีแก่ใจ บุตรชายคนที่สามต้องใช้ผู้อาวุโสข่มพวกเขาอยู่แล้ว
เซี่ยเหล่าเกินย่อมรู้สึกไม่ดีเช่นกัน ทว่ากลับรู้ว่าไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้บานปลาย เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายไล่เจ้าสามออกมาเอง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นทีท่าของเซี่ยเหล่าเกินและภรรยา แววตาก็มีความเย็นชาพาดผ่าน จากนั้นค่อยหันไปมองผู้อาวุโส
“ข้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเกิดในตระกูลเซี่ย วันข้างหน้าถ้ามีชีวิตรุ่งโรจน์ จะไม่ลืมทั้งตระกูลเซี่ยแน่นอน”
เหล่าอาวุโสพลันหัวเราะทันที ทว่าครอบครัวของเซี่ยเหล่าเกินกลับไม่มีความสุข คำพูดนี้ของเซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าถ้าตัวเองได้ดิบได้ดีในวันข้างหน้า จะช่วยหรือไม่ช่วยพวกเขาก็ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจคนในตระกูลเซี่ย เขาหันไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน จู๋จ่างและผู้อาวุโสคนอื่นๆ อีกครั้ง
“ข้ามีเรื่องอยากหารือกับจู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านสักหน่อย”
จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านหันหน้ามองเขาพร้อมกัน “เจ้าว่ามาเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตอบกลับด้วยความใจเย็น “ภรรยาของข้ารู้ทักษะการแพทย์ จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านน่าจะรู้แล้วกระมัง”
จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านรู้เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว อีกทั้งยังรู้ว่าฝีมือการแพทย์ของลู่เจียวน่าจะไม่เลว ได้ยินว่าแม้แต่หมอฉีจากหอยาเป่าเหอก็ยังเอ่ยชมนาง
ทว่าอวิ๋นจิ่นจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาไปทำไม
ทั้งสองมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวต่อด้วยท่าทางอ่อนโยน
“นอกจากลู่เจียวจะเป็นวิชาแพทย์แล้ว นางยังรู้จักสมุนไพรมากมาย ก่อนหน้านี้นางเคยบอกข้าว่าภูเขาใกล้หมู่บ้านของพวกเรามีสมุนไพรอยู่มากมาย เพียงแต่น่าเสียดายที่คนในหมู่บ้านไม่รู้จัก นางจึงเสนอความเห็นว่าอยากสอนคนในหมู่บ้านเรื่องสมุนไพร จะได้เก็บสมุนไพรบนเขาไปขาย หอยาเป่าเหอรับซื้อยาทุกชนิด เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกบ้านจะได้มีรายรับ ชีวิตจะได้ดีขึ้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งจะพูดจบ คนในเรือนก็ตกตะลึงพร้อมกัน ปฎิกริยาแรกของหร่วนซื่อคือผุดลุกขึ้นคัดค้าน
“ไม่ได้ คนบ้านพวกเรามีความรู้ด้านสมุนไพร เหตุใดถึงต้องไปสอนให้คนอื่นด้วย คนในบ้านยังจะไม่สอนกันเลย”
หร่วนซื่อกล่าวจบ เหล่าอาวุโสตระกูลเซี่ยล้วนไม่สบอารมณ์ ต่างมองหร่วนซื่อด้วยความโกรธเคือง
ท่านปู่สามก็พูดขึ้นต่อด้วยความขุ่นเคือง “วันๆ ไม่รู้จักทำอะไร เอาแต่ก่อปัญหา เรื่องที่เจ้าไล่อวิ๋นจิ่นออกจากเรือน พวกเรายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย ถ้าเจ้ายังกล้าโวยวายอีก ข้าจะให้เจ้าสี่หย่าร้างกับเจ้าไปเลย”
คำพูดนี้ทำให้หร่วนซื่องงงันไป
หลายปีมานี้ คนตระกูลเซี่ยเคารพนับถือนางก็เพราะนางเป็นแม่เซี่ยอวิ๋นจิ่น นึกไม่ถึงว่าตอนนี้กลับไม่ให้เกียรตินางแม้แต่น้อยเช่นนี้
หร่วนซื่อใคร่อยากร้องไห้ เซี่ยเหล่าเกินถลึงตามองนางด้วยความโกรธเคือง “เงียบเดี๋ยวนี้”
นางสมองหมู จนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมรับความเป็นจริงอีก เจ้าสามจะช่วยคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเหมือนช่วยพวกเขา ตอนนี้พวกเขาเหลือความสำคัญแค่คนอื่นในหมู่บ้านแล้ว
เจ้าสามเอาตัวออกหากพวกเขาแล้ว พวกเขาจะมาเย่อหยิ่งเหมือนแต่ก่อนได้อย่างไร
เจ้าสามไม่เคารพพวกเขา คนในหมู่บ้านเซี่ยก็ยิ่งไม่เคารพพวกเขาเช่นเดียวกัน
เซี่ยเหล่าเกินโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ทว่าก็รู้ว่าเรื่องนี้พวกเขาทำไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาอาวุโสยังอยู่ หร่วนซื่อโวยวายเช่นนี้ ต้องโดนเอาเรื่องแน่นอน
ทุกคนภายในเรือนไม่มีใครสนใจหร่วนซื่อ แต่ละมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียง “อวิ๋นจิ่น เจ้าพูดจริงหรือ”
จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านตื่นเต้นเป็นพิเศษ ถ้าภรรยาอวิ๋นจิ่นสอนชาวบ้านให้รู้เรื่องสมุนไพรได้จริงๆ เช่นเป็นการสร้างรายได้อีกทางให้ชาวบ้าน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า แล้วตะโกนเรียกลู่เจียว
ลู่เจียวที่อยู่เรือนตะวันตกได้ยินก็เดินเข้ามา “ว่าอย่างไรหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้เจ้าว่าจะสอนชาวบ้านให้รู้เรื่องสมุนไพร ข้าบอกผู้อาวุโส จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านแล้ว”
ลู่เจียวหันไปมองเหล่าอาวุโสตระกูลเซี่ย จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านถามลู่เจียวด้วยความตื่นเต้นกว่าเดิม “ภรรยาอวิ๋นจิ่น บนเขามีสมุนไพรมากเช่นนั้นเลยหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “มีเยอะมาก ขายได้ราคาไม่ใช่ถูกๆ แน่นอน เพราะชาวบ้านแถบนี้ไม่รู้จักสมุนไพรจึงกลัวว่าจะมีพิษเลยไม่กล้าแตะต้อง สมุนไพรเหล่านั้นจึงมีอายุหลายปี”
ลู่เจียวพูดจบ เหล่าอาวุโสก็ยิ้มด้วยความดีใจ “ดี ช่างดีจริงๆ”
ผู้ใหญ่บ้านถามลู่เจียวด้วยความเป็นห่วง “เช่นนั้นเจ้ายินดีสอนคนในหมู่บ้านให้เรื่องสมุนไพรใช่ไหม”
อย่างไรผู้รู้ยาสมุนไพรไม่ใช่เซี่ยอวิ๋นจิ่นแต่เป็นลู่เจียว หากนางไม่ยินดี พวกเขาก็จะไม่บีบบังคับ
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นปราดหนึ่ง แล้วพูดด้วยอย่างนุ่มนวล “อวิ๋นจิ่นบอกข้าว่าคนในหมู่บ้านมีชีวิตลำบาก อยากให้พวกเขามีรายได้ประทังชีวิต ข้าบอกเขาว่าข้ามีความรู้เรื่องสมุนไพร เขาเลยให้ข้าสอนชาวบ้านเรื่องสมุนไพร”
“ไหนๆ เขาก็พูดแล้ว ข้าเป็นภรรยาของเขา ย่อมเชื่อฟังและทำตาม จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านอย่าได้กังวลใจไปเลย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวด้วยความแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาพูดเช่นนั้น เพราะอยากยกความดีความชอบให้ลู่เจียว
นึกไม่ถึงว่าลู่เจียวกลับบอกว่าเขาบอกให้นางสอน เช่นนั้นคนในหมู่บ้านต้องซาบซึ้งในพระคุณของเขา ไม่มีทางลืมบุญคุณครั้งนี้แน่นอน
แต่เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวด้วยแววตาลุ่มลึก ภายในใจรู้สึกว้าวุ่น
เหล่าอาวุโสยิ้มอย่างชื่นอกชื่นใจ
คนในเรือนตะวันตกได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็วิ่งมาถาม ได้ยินลู่เจียวบอกว่าจะสอนให้ทุกคนมีความรู้เรื่องสมุนไพร ก็ล้วนดีใจขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น ทั้งเรือนก็เคล้าด้วยบรรยากาศชื่นมื่น มีเพียงแค่คนในครอบครัวเซี่ยเหล่าเกินที่ดูไม่มีความสุข
ทว่าเฉินหลิ่วและเซี่ยหลานเป็นคนเจ้าเล่ห์ พวกนางเข้าไปใกล้กับลู่เจียว พร้อมประจบประแจงด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “น้องสะใภ้สามสุดยอดจริงๆ”
“พี่สะใภ้ก็สอนข้าบ้างสิ”
หากนางมีความรู้เรื่องสมุนไพรแล้ว ย่อมเก็บสมุนไพรไปเป็นสินเดิมเจ้าสาวได้แน่นอน