ตอนที่ 78 สอนแฝดสี่สู้คน
ลู่เจียวม้วนหญ้าพลางเอ่ยถามเอ้อร์เป่า “อนาคตเอ้อร์เป่าอยากเป็นอะไรล่ะ อยากเป็นเหมือนท่านพ่อที่เรียนเก่งไหม ถ้าอยากเป็น รอให้พวกเจ้าโตอีกหน่อย ให้ท่านพ่อส่งพวกเจ้าไปเรียน”
เอ้อร์เป่าส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ยืดตัวตรงและพูดว่า “ท่านแม่ ข้าไม่ชอบเรียนหรอก ข้าชอบขี่ม้า ข้าจะเป็นแม่ทัพ”
ลู่เจียวก็เห็นด้วยกับความฝันของเขา “อื้ม ถ้าอย่างนั้นต้องตั้งใจ อนาคตเจ้าจะต้องเป็นแม่ทัพได้แน่นอน”
เอ้อร์เป่าดีใจมากกว่าเดิม “ท่านแม่ รอข้าเป็นแม่ทัพแล้ว ข้าจะปกป้องท่านเอง ถ้าใครกล้ามารังแกท่าน ข้าจะต่อยเขาด้วยกำปั้นนี้”
แววตาลู่เจียวเข้มขึ้น ถึงแม้ว่านางจะได้อยู่กับพวกเขาแค่เพียงไม่นาน แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขามีแนวคิดผิดๆ
นางจึงหันมองเอ้อร์เป่าแล้วพูดอย่างจริงจัง ”เอ้อร์เป่า ถึงแม้ว่าอนาคตเจ้าจะได้เป็นแม่ทัพ แต่จะเป็นแม่ทัพที่ฆ่าคนไปทั่วไม่ได้ เข้าใจไหม“
เอ้อร์เป่ามองตอบลู่เจียว “ท่านแม่ ข้าหมายถึงคนที่รังแกข้า คนที่ข้าฆ่าตายย่อมเป็นคนที่รังแกข้า”
“ถึงจะเป็นคนที่รังแกเจ้า แต่ก็ต้องดูว่าเขาทำผิดมากน้อยเพียงใด ถ้าเขารังแกเจ้าแล้วไม่ได้ทำผิดร้ายแรง เจ้าโต้ตอบกลับไปได้ แต่อย่าเอะอะก็บอกว่าจะฆ่าให้ตาย เข้าใจไหม”
เอ้อร์เป่าครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่าสิ่งที่ลู่เจียวพูดมีเหตุผลมาก ถ้าคนนั้นรังแกเขา เขาก็แค่รังแกกลับ ไม่ควรลงมือถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายตาย
“ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว”
ลู่เจียวยกยิ้ม อุ้มเขาลงตะกร้าแล้วยกขึ้นบ่า หอบหญ้าและไม้ไผ่ไว้เต็มแขนแล้วเดินลงเขาไป
เอ้อร์เป่าที่อยู่บนหลังนางรู้สึกว่านางต้องลำบากมากแน่ จึงดื้อดึงจะลงมา
“ท่านแม่ ข้าจะลงไปเดิน ท่านแบกหญ้าและไม้ไผ่เถอะ”
“ไม่เป็นไร แม่แบกไหว เจ้าอย่าดิ้นจนตกลงมาล่ะ”
เอ้อร์เป่าไม่กล้าขยับอีก เขายื่นมือกอดคอลู่เจียวแน่น ศีรษะพิงบนแผ่นหลังนาง
สองแม่ลูกเดินกลับบ้าน ทั้งสองยังไม่ทันถึงประตูหน้าบ้านก็เห็นคู่สามีภรรยาอยู่ตรงหน้า เมื่อทั้งสองเห็นลู่เจียวก็ทักทายอย่างตื่นเต้น
“ภรรยาอวิ๋นจิ่น เมื่อวานเอ้อร์ตั้นขับถ่ายแล้ว ไข้ก็ลดลงแล้ว ไข้ไม่กลับเลยทั้งคืน เขาไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจเจ้าจริงๆ”
ลู่เจียวพยักหน้าน้อยๆ กำชับพ่อของเอ้อร์ตั้น “ต่อไปพวกเจ้าอย่าให้ลูกกินเนื้อสัตว์มากเกินไป ลำไส้ของเด็กยังอ่อนแออยู่ ต้องกินผักผลไม้ให้มาก ถ้าพวกเจ้ากินเนื้อต้องตุ๋นให้นานหน่อย เด็กจะได้ย่อยง่ายขึ้น”
บิดามารดาของเอ้อร์ตั้นพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้”
มารดาเอ้อร์ตั้นกล่าวจบก็หยิบเงินบางส่วนออกมา เอ่ยอย่างเกรงใจ “ภรรยาอวิ๋นจิ่น บ้านพวกเราไม่มีเงินมากมายนัก เจ้าอย่าถือสาเลย”
ลู่เจียวยกมือที่หอบหญ้าขึ้นดันกลับไป “เอากลับไปเถอะ ข้าไม่เอาเงิน”
บิดามารดาของเอ้อร์ตั้นได้แต่สบตากันไปมา “ไม่เอาได้อย่างไร”
ลู่เจียวยิ้ม “ไม่เป็นไร คนบ้านเดียวกันเองไม่ต้องเกรงใจกันหรอก เอาละ พวกเจ้ากลับไปดูแลเอ้อร์ตั้นเถอะ”
บิดามารดาของหลินเอ้อร์ตั้นกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
เอ้อร์เป่าเห็นแล้วรู้สึกภูมิใจมาก ท่านแม่ใจดีจัง รักษาเอ้อร์ตั้นหายแล้วยังไม่เอาเงินอีก
ลู่เจียวแบกเอ้อร์เป่า หอบหญ้าและไม้ไผ่เดินเข้าบ้าน ในรั้ว เด็กทั้งสามตื่นนอนแล้ว กำลังเล่นกับเสี่ยวเฮยและฮวาฮวาตรงหน้าประตูบ้าน
สุนัขทั้งสองเริ่มคุ้นกับเด็กๆ จนกระโดดเล่นกับพวกเขาได้แล้ว
เมื่อลู่เจียวปรากฎตัว เด็กทั้งสามก็อุ้มหมาวิ่งเข้ามา ซานเป่าแย่งพูดก่อน
“ท่านแม่ ท่านบอกว่าจะทำชุดนอนให้ข้ามิใช่หรือ”
เอ้อร์เป่าที่อยู่บนหลังลู่เจียวพูดขัด “ไม่ได้ ให้ท่านแม่สอนพวกเราสู้กับคนร้ายก่อน”
ซานเป่ากำลังจะพูด ต้าเป่าก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “สอนสู้กับคนร้ายก่อน จะได้ไม่ถูกคนอื่นทำร้าย แล้วค่อยทำชุดนอนกัน”
เอ้อร์เป่าและซานเป่าไม่พูดอะไรอีก แต่ซื่อเป่าพุ่งตัวเข้ามากอดขาลู่เจียวอย่างออดอ้อน “ท่านแม่ ท่านพาเอ้อร์เป่าไปไหนกัน ข้าตื่นมาแล้วไม่เจอท่าน ข้าคิดถึงท่านมาก”
ลู่เจียววางหญ้าและไม้ไผ่ลง ยื่นมือหยิกแก้มน้อยๆ ของเขา “แม่ไปตัดหญ้าบนเขา”
เอ้อร์เป่าพลันพูด “ท่านแม่บอกว่าจะใช้หญ้ามัดเป็นหุ่นคน แล้วสอนเราสู้กับคนร้าย”
แฝดสามตะลึงงัน “จริงหรือ หญ้าทำเป็นหุ่นคนได้หรือ”
เด็กๆ สนใจเรื่องนี้มาก ลู่เจียววางเอ้อร์เป่าลง เอาไม้ไผ่วางไว้อีกมุมลาน และเริ่มมัดหญ้าเป็นหุ่นคน
แฝดสี่มุงดูนาง ระหว่างที่ลู่เจียวมัดก็พูดกับพวกเขาว่า “ดูสิ นี่คือหัว”
“นี่คือมือและตัว นี่คือขา”
เมื่อนางมัดหญ้ารวมเข้าด้วยกันแล้ว เป็นหุ่นคนจริงด้วย
แฝดสี่โห่ร้องขึ้นมา “เป็นหุ่นคนจริงด้วย เหมือนคนมากเลย”
“อืม เหมือนจริงด้วย”
เอ้อร์เป่าพูดอย่างร้อนใจ “ท่านแม่ รีบสอนเราสู้กับคนเลวเถอะ”
ลู่เจียวพยักหน้า ยกหุ่นคนลุกขึ้นมา และทำให้พวกดู “ต่อไปถ้าเจอคนที่ตัวใหญ่กว่าพวกเจ้า และคนที่พวกเจ้าสู้ไม่ไหว ก็พุ่งเข้าไปกอดขาเขาไว้ก่อน ใช้แรงให้เขาล้มลง ใช้ข้อศอกกระแทกเข่า บนร่างกายคนเรามีจุดที่อ่อนแอ เช่นท่อนล่าง ตรงนี้ เจ้าต้องโจมตีให้หนักหน่วง…”
ลู่เจียวสอนบุตรชายสู้กับคนร้าย ลู่กุ้ยวิ่งเข้ามาดูอย่างเพลิดเพลิน
เถียนซื่อทำอาหารเช้าเสร็จมาเห็นแล้วก็ตกตะลึง รีบรั้งลู่เจียว “เจียวเจียว เจ้าสอนเด็กๆ ต่อสู้ทำไมกัน”
แฝดสี่หันหน้ามองเถียนซื่ออย่างไม่เข้าใจ ต่อสู้กับผู้ร้ายแล้วอย่างไร
ลู่เจียวลุกยืนและหันไปทางเถียนซื่อด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ไม่เป็นไรหรอก แค่ป้องกันไม่ให้มีใครมารังแกพวกเขาอีก”
“ถ้าเรียนต่อสู้ได้แล้วไปรังแกคนขึ้นมาล่ะ คนอื่นไม่มาหาเรื่องถึงบ้านหรือ”
ลู่เจียวยิ้มแล้วหันกลับมากำชับแฝดสี่ “ถ้าพวกเจ้าไม่ถูกรังแก พวกเจ้าห้ามรังแกคนเด็ดขาด อีกทั้งเมื่อโตแล้วก็ห้ามรังแกคนอ่อนแอกว่า”
เอ้อร์เป่าถามขึ้นอย่างเร็ว “ท่านแม่ อะไรคืออ่อนแอ”
“คนที่ตัวเล็กและแข็งแรงน้อยกว่าเจ้า พวกเจ้าอย่าเที่ยวรังแกคนอื่นไปทั่วล่ะ ไม่อย่างนั้นก็จะน่ารังเกียจเหมือนไช่โต้ว”
แฝดสี่พยักหน้าทันที “ท่านแม่ ท่านวางใจได้ พวกเราไม่รักแกคนอ่อนแอหรอก”
ลู่เจียวพยักหน้า เถียนซื่อก็ยังไม่วางใจ ขยับเข้าไปใกล้ลู่เจียวแล้วกระซิบ “เจ้าสอนเด็กๆ ต่อสู้ ลูกเขยไม่โมโหหรือ”
จุดนี้ลู่เจียวไม่กังวลเลย เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นวายร้ายในนิยายเชียวนะ เพื่อบุตรชายทั้งสี่ เขาเคยฆ่าแม้แต่สตรี ดังนั้นแค่นางสอนลูกชายป้องกันตัวเอง เขาจะโมโหได้อย่างไร
“ท่านแม่ อย่ากังวลเลย ไม่เป็นไรหรอก”
เถียนซื่อยังมีอะไรจะพูด แต่ลู่เจียวกลับหันไปสอนแฝดสี่ต่อแล้ว
แม่ลูกทั้งห้าคนกำลังฝึกฝนวิชาป้องกันตัว จ้าวซื่อก็เดินเข้ามาจากนอกรั้ว ลู่เจียวให้แฝดสี่ฝึกฝนกันไป นางลุกขึ้นยืนและคุยกับจ้าวซื่อ
“พี่สะใภ้มาได้อย่างไร มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
จ้าวซื่อเดินไปที่ประตู กระซิบลู่เจียวด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “รู้ไหม เมื่อคืนสกุลเสิ่ิ่นทะเลาะกันอีกแล้ว”