ตอนที่ 83 การตายของเฉินอิง
ลู่เจียวพูดไม่ออก ซื่อเป่าอายุแค่นี้ก็รู้จักเขินอายแล้วหรือ
“เอาไว้ใส่นอนตอนกลางคืนเท่านั้น ไม่ได้ใส่ตอนกลางวันเสียหน่อย”
นางพูดจบก็นึกถึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่ในเรือนตะวันออกขึ้นมา ได้เวลารินน้ำดื่มให้เขาแล้ว
ลู่เจียวครุ่นคิดพลางมองซื่อเป่า “ไปเล่นกับพี่ๆ เถอะ แม่จะไปรินน้ำให้พ่อเจ้า”
“ได้”
ซื่อเป่าวิ่งไปเล่นกับเอ้อร์เป่าที่กำลังฝึกการต่อสู้กับผู้ร้าย
ลู่เจียวสังเกตเห็นว่าเอ้อร์เป่ามีพละกำลังมากกว่าคนอื่น ฝึกมานานเพียงนี้แล้วก็ยังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดูเหมือนเขาจะสนใจด้านนี้เป็นพิเศษ โตขึ้นเจ้าเด็กนี่คิดจะเป็นแม่ทัพหรืออย่างไร
ลู่เจียวครุ่นคิดพลางรินน้ำเย็นไปให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นในเรือน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งเงียบ ลู่เจียวสัมผัสได้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาดูหม่นหมอง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป
“ดื่มน้ำหน่อยเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงยหน้ามองลู่เจียวด้วยแววตาคมปลาบ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่นางตรงหน้าไม่ใช่นางคนเก่าอีกต่อไปแล้ว สายตาทิ่มแทงนั้นจึงค่อยๆ อ่อนโยนลงในที่สุด เขายื่นมือรับถ้วยน้ำจากลู่เจียวมาดื่ม
ลู่เจียวรอจนเขาดื่มหมดก็ยื่นมือไปรับถ้วยไว้ กำลังจะเดินออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันพูดขึ้นว่า “เพราะอาจารย์ข้าถึงได้เรียนหนังสือ อาจารย์บอกพ่อข้าว่าจะไม่เก็บเงิน พ่อข้าถึงได้ยอมให้เรียน ตอนนั้นข้าไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่มีข้าวกิน อาจารย์ก็พาข้าไปกินข้าวที่บ้านท่าน ทั้งยังเอาเสื้อผ้าของศิษย์พี่มาให้ข้าใส่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งพูดยิ่งเศร้า เจ็บปวดไปทั้งใจ
“อาจารย์ต้องการให้ข้าแต่งกับเฉินอิง บุตรีคนเล็กของท่าน แต่เฉินอิงแก่กว่าข้าสามปี ส่วนข้าในตอนนั้นอายุแค่สิบห้า หาได้ใส่ใจความรักระหว่างชายหญิง สนใจแต่จะศึกษาเล่าเรียน อีกทั้งที่ผ่านมาเฉินอิงยังเห็นข้าเป็นเหมือนน้องชาย ดังนั้นเราทั้งคู่จึงไม่ยินยอม”
“อาจารย์และอาจารย์แม่ผิดหวังมาก แต่ก็ไม่คิดบังคับข้า ภายหลังพวกเขาให้เฉินอิงออกเรือนกับบุรุษอื่น ใครจะรู้ว่าบ้านสามีของเฉินอิงจะทำไม่ดีกับนางเพราะนางมีบุตรไม่ได้ ภายหลังอาจารย์จึงให้เฉินอิงหย่ากับสามี แต่นางก็ไม่ยอมกลับบ้านเฉินเพราะกลัวว่าจะทำให้บิดามารดาขายหน้า นางจึงตัดสินใจไปอาศัยอยู่ที่อารามชี”
“ภายหลังข้าต้องการทดแทนบุญคุณของอาจารย์และอาจารย์แม่ จึงตัดสินใจสู่ขอเฉินอิงเป็นภรรยา ใครจะไปรู้ว่าข้าจะถูกวางยา จากนั้นเจ้าก็…”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดถึงตรงนี้ก็หยุดกลางคัน เพราะนางตรงหน้าไม่ใช่แม่นางคนเดิม
ลู่เจียวได้ยินคำพูดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เลิกคิ้วขึ้น นางจำได้ว่าภรรยาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นในนิยายเหมือนจะไม่ได้ชื่อว่าเฉินอิงนี่
นางครุ่นคิดสักพักก็หันไปถามบุรุษบนเตียง “เกิดอะไรขึ้นกับเฉินอิง”
แววตาเย็นชาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นค่อยๆ มีน้ำเอ่อคลอ
“นางตายแล้ว ตายในอารามชี”
ลู่เจียวได้ยินก็รู้สึกหดหู่ เหตุใดคนดีๆ ถึงตายง่ายเช่นนี้ นางเคยเป็นหมอทหาร แม้จะเคยพบพานความตายมามาก แต่พอเห็นคนที่ตายตั้งแต่เยาว์วัยก็รู้สึกปวดใจทุกที
“นางป่วยตายหรือ”
เมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินคำพูดของนาง แววตาเขาก็หม่นหมองลง ไม่ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว
ลู่เจียวเดาว่าเฉินอิงคงป่วยตายในอารามชี
มิน่าล่ะ ภรรยาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นในนิยายถึงไม่ใช่เฉินอิง ถ้าเฉินอิงยังมีชีวิตอยู่ สุดท้ายแล้วภรรยาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คงจะเป็นเฉินอิง น่าเสียดายจริงๆ แม่นางคนนี้ชีวิตสั้นนัก ถ้าอายุยืนพอจนได้แต่งงานกับเซี่ยโส่วฝู่ต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน
จู่ๆ ลู่เจียวก็นึกขึ้นได้อีกเรื่อง จากความทรงจำของนาง สี่ปีนี้อาจารย์เฉินและอาจารย์แม่ไม่ได้มาเยือนบ้านตระกูลเซี่ยเลย เจ้าของร่างเดิมจึงไม่รู้จักพวกเขา
“อาจารย์และอาจารย์แม่โทษว่าเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้เฉินอิงล่วงลับไปหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เอ่ยคำใด ลู่เจียวคาดว่าตนคงเดาถูก
สองสามีภรรยาอาจารย์เฉินโกรธเคืองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเพราะการตายของเฉินอิง สี่ปีนี้จึงไม่เคยมาเหยียบที่นี่ พวกเขาเลยไม่อยู่ในความทรงจำของนาง
ครั้งนี้เป็นเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นบาดเจ็บ พวกเขาถึงยอมมา
ลู่เจียวครุ่นคิดก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ครั้งนี้พวกเขามาเยี่ยมก็แสดงว่ายกโทษให้เจ้าแล้ว ฉะนั้นเจ้าก็อย่าเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องที่ผ่านไปแล้วเลย”
ลู่เจียวนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของอาจารย์แม่ขึ้นมาได้ จึงเอ่ยยิ้มๆ “อาจารย์แม่ยังบอกข้าอีกว่า รอขาเจ้าหายแล้วให้พาเด็กๆ ไปเที่ยวบ้านพวกเขา”
ลู่เจียวไม่ได้บอกว่าอาจารย์แม่เชิญนางไปด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินที่นางพูดก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย สีหน้าจึงดูอ่อนโยนขึ้น
“อืม รอให้ขาข้าหาย จะไปเยี่ยมพวกท่าน”
ลู่เจียวไม่ได้พูดอะไรอีก ยกถ้วยออกไปข้างนอก
วันที่สอง ลู่เจียวดูแลเซี่ยอวิ๋นจิ่นเสร็จก็เตรียมตัวเข้าเมือง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลัวว่าหมอฉีจะเลื่อนวันผ่าตัดออกไป เขาดึงมือลู่เจียวไว้แล้วเอ่ยกำชับอีกหลายครั้ง
“ลู่เจียว วานเจ้าบอกหมอฉีว่าข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่เวียนหัวและไม่อาเจียนอีก ผ่าตัดได้แล้ว”
ลู่เจียวมองแววตาของเขาที่เหมือนมีเปลวไฟลุกโชนแล้วเอ่ยปลอบ “ข้ารู้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะบอกหมอฉีให้ว่า สภาพร่างกายของเจ้าดีขึ้นแล้ว ถ้าพรุ่งนี้ว่างก็ผ่าตัดพรุ่งนี้เช้าเลย”
เจ้าหมอนี่จะได้ไม่ต้องให้คอยเป็นกังวลเรื่องนี้อีก
อันที่จริงลู่เจียวค่อนข้างเข้าใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก่อนหน้านี้เขานึกว่าตัวเองเดินจะไม่ได้ และต้องเป็นคนพิการติดเตียงตลอดชีวิต ตอนนี้มีหวังอีกครั้ง จะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ได้อย่างไร
แม้เขาจะกลัวว่าถึงผ่าตัดแล้วก็อาจเดินไม่ได้เหมือนเดิม แต่กระนั้นก็อยากลองดูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าจะเดินได้หรือไม่ได้
ลู่เจียวเข้าใจเขาดี ตัดสินใจพาเขาเข้ารับการผ่าตัดเสียแต่เนิ่นๆ นางจะได้สบายใจไปด้วย หลังจากนี้ก็เหลือแค่รอให้เขาพักฟื้นร่างกายเท่านั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถอนหายใจ ลึกๆ ในใจยังคงรู้สึกกังวลอยู่บ้าง จึงมองลู่เจียวด้วยความจริงจัง “หากพรุ่งนี้หมอฉียังมีธุระอื่น เจ้าช่วยขอร้องเขาให้ผ่าตัดให้ข้าก่อนได้ไหม”
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
สิ้นคำ นางก็ดึงมือตัวเองออกมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งรู้ตัวว่าตนกุมมือนางเอาไว้ตลอดเวลา
เขาพลันทำตัวไม่ถูก รีบปล่อยมือลู่เจียว
แม้ช่วงนี้ลู่เจียวจะเป็นคนดูแลเขาตลอด นางเคยแม้กระทั่งอุ้มเขาอยู่หลายหน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กุมมือกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย อายุปูนนี้แล้วยังไม่เคยกุมมือแม่นางคนไหนเลย แม้ก่อนหน้านี้เขามีอะไรกับลู่เจียวคนเก่าจนมีบุตรร่วมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ความจริงแล้วเขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด สุดท้ายจึงหลับตาแสร้งทำเป็นพักผ่อน
ลู่เจียวก็ไม่ได้ติดใจอะไร หันหลังเดินออกมา แฝดสี่คนที่อยู่นอกเรือนได้ยินว่านางจะเข้าเมือง จึงเดินตามนางไปทุกที่
“ท่านแม่ ท่านรีบกลับมาเร็วๆ ล่ะ”
“ท่านแม่ วันนี้ท่านจะเอาของอร่อยอะไรมาฝากพวกเราหรือ”
ลู่เจียวมองแฝดสี่คนด้วยรอยยิ้ม “เชื่อฟังท่านยายและท่านน้าด้วยล่ะ แล้วแม่จะซื้อของอร่อยมาฝาก”
ครั้งนี้นางตัดสินใจว่าจะแอบเอาผลไม้ออกมาจากห้วงอากาศสักสองอย่าง ตอนกลับมาค่อยบอกว่าซื้อมาจากจั่งกุ้ยหอยาเป่าเหอ
ลู่เจียวทักทายเถียนซื่อที่เดินสวนมา แล้วเอาผ้าและของกินเล่นที่สหายร่วมเรียนของเซี่ยอวิ๋นจิ่นนำมาฝากคราวก่อนใส่ลงไปในตะกร้าสาน
ครั้งก่อนนางไม่ได้เอาของพวกนี้ให้พ่อแม่ของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ที่บอกว่าจะเอาไปขายนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น มิเช่นนั้นคนอื่นจะหาว่านางได้รับของมาตั้งเยอะแยะแต่กลับไม่แบ่งให้พ่อแม่ ไม่รู้ว่าจะนินทาว่าร้ายนางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นรุนแรงเพียงใด