ตอนที่ 88 เสิ่นซิ่วหายตัวไป
ลู่เจียวเลิกสนใจชายหน้าโหด หันหลังเดินจากไป แต่จู่ๆ มีดผ่าตัดกลับหายไปจากมือของนางในชั่วพริบตา
ชายที่อยู่ด้านหลังเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน จึงกระถดถอยหลังไปอย่างหวาดผวา
แม่นางผู้นี้ไม่ใช่คน ต้องไม่ใช่คน นางเป็นผี
อันที่จริงลู่เจียวจงใจทำให้ชายผู้นี้ขวัญเสีย ต่อให้เขาพูดสิ่งที่เห็นออกมาก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครเห็นอีก
ฉะนั้นนางจึงไม่กังวลใจ และนางก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าตัวเองทำเช่นนี้ออกไป ถึงตายบุรุษผู้นี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรไปเรื่อย
ลู่เจียวแบกตะกร้าแล้วเดินไปอย่างใจเย็น พอนางจากไปแล้ว ชายที่อยู่ด้านหลังถึงกล้าลุกขึ้นยืน เหงื่อไหลอาบ สองขาสั่นงันงก
เหตุใดเขาถึงโชคร้ายเช่นนี้ ไยต้องมาเจอกับภูตผีตัวหนึ่ง โธ่เอ๊ย เพราะนางผู้หญิงชั้นต่ำนั่นแท้ๆ กลับไปต้องสั่งสอนให้สาสม ไม่สิ ต้องเอานางไปขายที่ซ่องโสเภณี ไม่เช่นนั้นผีตนนั้นก็จะกลับมาหาเขาอีก อย่ามาจองล้างจองผลาญเขาอีกเลย
ลู่เจียวไม่สนใจชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าและพรรคพวกของเขาอีก แต่ไปกินบะหมี่ที่ร้านข้างทาง เสร็จแล้วก็แบกตะกร้าไปยังจุดนัดหมาย
ทางฝั่งเกวียนวัว ทุกคนมากันครบแล้ว ขาดเพียงลู่เจียวและเสิ่นซิ่ว
พอลู่เจียวมาถึง เฉินหลิ่วก็โมโหเดือดดาล “น้องสะใภ้สาม เจ้าคิดอะไรอยู่ ให้พวกเรารอแค่เจ้าคนเดียวจนแม้แต่มื้อเที่ยงก็ยังไม่ได้กินเช่นนี้”
นางพูดจบก็เหลือบมองของในตะกร้าของลู่เจียว ก็เห็นว่าเป็นพวกถ้วยและตะเกียบ
ลู่เจียววางของกินไว้ด้านล่าง เฉินหลิ่วยังไม่เห็น เดิมทีนางอยากจะดูต่อ
ป้ากุ้ยฮวาที่นั่งอยู่บนเกวียนวัวพูดขึ้น “เจ้าหิวแล้วทำไมไม่รู้จักไปซื้ออะไรกินเล่า หรือแม้แต่ของกินก็ยังไม่มีปัญญาซื้อ เหตุใดข้าถึงได้ยินมาว่า เจ้าสี่ของบ้านเจ้าวางสินสอดสู่ขอแม่นางตระกูลตู้สิบห้าตำลึงเงิน นี่ยังไม่รวมเสื้อผ้าสองชุด กำไลข้อมือเงินอีกหนึ่งชุด”
“พี่สะใภ้อย่างเจ้าลำบากเหลือเกิน น้องสะใภ้ได้สินสอดทองหมั้นเยอะขนาดนี้ ดูเจ้าสิ ไม่มีแม้แต่เงินกินข้าว ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว”
ได้ยินกุ้ยฮวากล่าวเช่นนี้ เฉินหลิ่วก็โมโหขึ้นมา ตระกูลตู้เรียกสินสอดโหดเกินไปจริงๆ ที่สำคัญแม่สามีของนางก็ยังไปตอบตกลง เรื่องนี้ทำให้นางหงุดหงิดใจอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อสามีของนางแอบเอาเงินส่วนตัวให้นางมาสิบตำลึง นางก็คงไม่ยอมง่ายๆ เช่นนี้แน่
เฉินหลิ่วมองป้ากุ้ยฮวาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวพวกเรา เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
ป้ากุ้ยฮวายังไม่ทันตอบอะไร เฉินหลิ่วก็เหยียดยิ้มเย็นชาเย้ยหยันป้ากุ้ยฮวาก่อน “นี่เห็นว่าคนอื่นมีความสามารถ จึงเลียแข้งเลียขาอย่างไร้ยางอายล่ะสิ”
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินเฉินหลิ่วพูดเช่นนั้นก็รีบโต้กลับ “ก็ใช่น่ะสิ ข้าเห็นว่าเจียวเจียวมีความสามารถคู่ควรให้ประจบเอาใจ แล้วเจ้าจะทำไม นางไม่ได้แค้นเคืองข้าเหมือนอย่างที่แค้นสกุลเซี่ยของพวกเจ้า พวกข้าเพียงขัดแย้งกันด้วยเรื่องหยุมหยิม แค่ขอโทษก็จบแล้ว ในเมื่อต้องการผลประโยชน์จากนาง จะมัวแต่ห่วงศักดิ์ศรีไปไย”
“พวกเจ้านึกว่าตัวเองเป็นใคร อยากได้ผลประโยชน์จากคนอื่น จะคอยให้คนเขาเอามาประเคนให้ถึงที่หรือ ถ้าเจ้ามีปัญญาก็ลองมาเอาใจนางให้ได้อย่างข้าดูสิ”
ป้ากุ้ยฮวายิ่งพูดก็ยิ่งกระตือรือร้น หันไปทางตะกร้าของตัวเอง จากนั้นหยิบขนมออกมาสองอันแล้วยื่นให้ลู่เจียว
“เจียวเจียว กินขนมหน่อยสิ นี่ข้าซื้อให้เจ้าโดยเฉพาะเลยนะ รีบกินเถอะ อย่าปล่อยให้ท้องหิวล่ะ”
ลู่เจียวพูดไม่ออก นี่มันเรื่องอะไรกัน นางรีบผลักออกทันที
“ไม่ต้องหรอก ป้ากินเองเถอะ”
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินก็มองลู่เจียวอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “เจียวเจียว ยังไม่ยอมยกโทษให้ข้าอีกหรือ”
ลู่เจียวจะพูดอะไรได้ อีกฝ่ายอายุปูนนี้ นางขอโทษก็แล้วให้ของไถ่โทษก็แล้ว จะไม่ให้อภัยนางได้อย่างไร
“ท่านป้า เรื่องที่แล้วมาก็ให้แล้วไปเถอะ”
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินก็ยิ้มแฉ่ง ปรายตามองเฉินหลิ่วที่อยู่ด้านข้างอย่างได้ใจ เฉินหลิ่วแทบจะกระอักเลือดออกมา
นางไม่เคยพบเจอใครหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้มาก่อน กลับจากหลังมือเป็นหน้ามือจริงๆ
ป้ากุ้ยฮวาเห็นเฉินหลิ่วมีสีหน้าเปลี่ยนไป รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสะใจกว่าเดิม นางเห็นว่าลู่เจียวไม่กินขนม จึงเอาไปใส่ไว้ในตะกร้าของลู่เจียวแทน
“เจ้าไม่หิวก็เอากลับไปให้เด็กๆ กินก็ได้”
ลู่เจียวไม่อยากโต้เถียงกันเพียงเพราะขนมสองชิ้น จึงปล่อยให้นางทำตามใจ ป้ากุ้ยฮวาที่เห็นดังนั้นแล้วก็วางใจในที่สุด
“เจียวเจียว เจ้ามาในเมืองเพราะเรื่องการผ่าตัดของอวิ๋นจิ่นหรือ เป็นอย่างไรบ้าง หมอฉีบอกว่าจะผ่าตัดได้เมื่อใด”
“ข้าคุยกับหมอฉีแล้ว พรุ่งนี้เช้าพาอวิ๋นจิ่นเข้าไปผ่าตัดในเมืองได้เลย”
ป้ากุ้ยฮวาพลันตบบ่านาง “พรุ่งนี้บ้านข้าก็ไป อวิ๋นจิ่นผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่มาก”
เซี่ยเสี่ยวเจวียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยต่อ “พ่อข้าก็บอกว่าจะมาด้วยเหมือนกัน”
สะใภ้คนเล็กของซย่าซื่อก็พูดต่อ “สามีของข้าก็บอกว่าจะมา”
เฉินหลิ่วสีหน้ามืดครึ้มยามมองทุกคนบนเกวียนวัว อยากพูดมากว่าเขาคือน้องสามของบ้านนาง เกี่ยวข้องอะไรกับพวกนางเหล่านี้ ไร้ยางอายกันเหลือเกิน
ทว่าก่อนหน้านี้นางเพิ่งถูกป้ากุ้ยฮวาด่าทอ จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ทุกคนบนเกวียนวัวต่างก็พูดถึงเรื่องผ่าตัดพรุ่งนี้
เซี่ยเถี่ยหนิวที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับด้านหน้าเห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้ว แต่เขายังไม่ได้กินข้าวเลย
เขายอมรอภรรยาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นเพราะนางมีธุระสำคัญจริงๆ บิดาของเขากำชับว่าธุระสำคัญวันนี้คือรอลู่เจียว ไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ต้องรอ
ตอนนี้ภรรยาของอวิ๋นจิ่นมาแล้ว แต่เสิ่นซิ่วยังไม่มา เขายังต้องรอแม่นางผู้นั้นอีกหรือ
เซี่ยเถี่ยหนิวยิ่งคิดยิ่งโมโห จึงพูดเสียงแข็ง “เสิ่นซิ่วจะกลับมาไหม ถ้ายังไม่มาข้าจะไปแล้ว”
พอเซี่ยเถี่ยหนิวพูดขึ้นมา คนอื่นถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าเสิ่นซิ่วยังไม่มา
ทุกคนล้วนเผยสีหน้าไม่พอใจที่นางมาสาย
มีเพียงลู่เจียวที่มีสีหน้าปกติ ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เสิ่นซิ่วสั่งให้คนไปจับนาง และไม่บอกเรื่องที่เสิ่นซิ่วอาจจะโดนชายผู้นั้นเอาไปขาย
แม้ลู่เจียวไม่พูดสิ่งใด ทว่าเซี่ยเถี่ยหนิวที่เห็นว่าเลยเวลามานานมากแล้ว ไม่อยากรออีกต่อไป จึงพูดเสียงเรียบว่า
“ช่างเถอะ ไม่ต้องรอนางแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
เกวียนวัวบอกว่าจะไปก็ไปเลย บนเกวียนไม่มีใครเอ่ยถึงเสิ่นซิ่วอีก
ตอนที่ลู่เจียวกลับมาถึงหมู่บ้านก็เป็นเวลาสายมากแล้ว นางลงจากเกวียน แบกตะกร้าเดินกลับบ้าน
ป้ากุ้ยฮวาที่อยู่ด้านข้างยังคงประจบประแจงนางไม่เลิก “เจียวเจียว ตอนนี้เจ้าผอมลงไม่น้อย ดูดีขึ้นมากจริงๆ ยิ่งนานผิวพรรณยิ่งขาวผ่อง ดวงตาก็กลมโตขึ้นไม่น้อย ไม่เหมือนแต่ก่อนเลย”
“ถ้าเจ้าผอมลงอีกหน่อย ต้องกลายเป็นแม่นางที่สวยที่สุดในหมู่บ้านพวกเราแน่นอน ดูผิวพรรณและดวงตาเจ้าสิ ไอ้หยา งามเหลือเกิน!”
ลู่เจียวสีหน้าอ่อนเพลียละเหี่ยใจ ตลอดทางป้ากุ้ยฮวาคอยประจบสอพลอไม่หยุด ชื่นชมตั้งแต่หน้าตาจนถึงจิตใจ จิตใจจนถึงความสามารถ จากเรื่องความสามารถวนกลับมาเรื่องรูปร่างนางอีกครั้ง
ลู่เจียวฟังจนหูแทบชา นางอยากขัด แต่พอเห็นสีหน้าที่ดูน่าสงสารของป้ากุ้ยฮวาก็ใจร้ายกับนางไม่ลงคอ
ดีที่ถึงบ้านของป้าแล้ว
ลู่เจียวรีบบอก “ท่านป้า ถึงบ้านท่านแล้ว”
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินก็ชวนลู่เจียวอย่างเป็นกันเอง “เจียวเจียว มานั่งเล่นที่บ้านข้าก่อนสิ ดื่มน้ำหวานเสียหน่อยค่อยไป”
นางปฏิเสธทันที “อวิ๋นจิ่นและเด็กๆ ยังต้องการคนดูแล ไว้คราวหน้าเถอะ”