ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 98 อบรมบุตรชาย

ตอนที่ 98 อบรมบุตรชาย

ตอนที่ 98 อบรมบุตรชาย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับรู้สึกว่าลู่เจียวในเวลานี้มีเสน่ห์เป็นพิเศษ ต้องเป็นแม่นางเช่นนี้ ถึงจะสยบทั้งตระกูลของเขาได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าวันนี้เจ้าตัวเล็กทั้งสี่ต้องเสียเปรียบแน่ ดังนั้นผู้หญิงคนนี้คือผู้กล้าหาญ

แม้ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะชื่นชมนาง แต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า เขาหันไปมองเซี่ยเหล่าเกินด้วยสายตาเย็นเยียบ

“ท่านพ่อ ไยพวกท่านจึงไม่รู้จักหยุดเสียที”

พอเขาพูดจบก็ไม่รอให้เซี่ยเหล่าเกินพูดอะไร พูดต่ออีกว่า “ข้ารู้ว่าทำไมช่วงนี้พวกท่านถึงก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ เพราะเห็นว่าขาของข้ากลับมาหายดีอีกครั้ง จึงอยากจะควบคุมข้าเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ข้าเชื่อฟังพวกท่าน เก็บข้าไว้ให้พวกท่านใช้ประโยชน์ใช่หรือไม่”

คำพูดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นราวกับจะฉีกหนังหน้าของเซี่ยเหล่าเกินทั้งเป็น หน้าเขาแดงราวกับถูกเลือดสาดแล้ว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงเอ่ยปากอย่างไม่เกรงใจอีกครั้ง “ท่านพ่อ ท่านอย่าฝันเลยว่าข้าจะยอมให้พวกท่านควบคุมเหมือนเมื่อก่อน พวกท่านอยากทำอะไรก็ทำไป ต่อจากนี้ข้าจะแยกตัวออกมา ความกตัญญูที่สมควรมีข้าก็จะให้ ส่วนที่เหลือก็ดูตามอารมณ์ของข้า ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ดังนั้นทางฝั่งพวกท่านก็อย่ามาทางนี้บ่อยนักเลย”

“หากเกิดเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะไปบอกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง ว่าข้า เซี่ยอวิ๋นจิ่น ยินดีลบตัวเองออกจากผังตระกูล”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซี่ยเหล่าเกินด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ท่านว่าเมื่อถึงตอนนั้น ผู้ใหญ่บ้านจะเลือกลบพวกท่านหรือข้าออกจากตระกูลกัน”

เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบ เซี่ยเหล่าเกินก็หน้าซีดเผือด ร่างกายโอนเอนจนแทบจะยืนไม่ไหว

เขามองออกว่าครั้งนี้บุตรชายเอาจริง หากพวกตนหาเรื่องบุตรชายอีก เขาก็จะไปบอกกับผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างว่าตัวเองจะออกจากตระกูลจริงๆ แน่นอน

หากเป็นเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่า คนในครอบครัวอื่นของตระกูลเซี่ยจะไล่ให้พวกตนไสหัวไป แทนที่จะไล่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไป

หากพวกตนถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นยินดีอยู่ในตระกูลต่อ เช่นนั้นในภายหลังฝั่งพวกตนก็จะไปยุ่งอะไรกับอีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะพวกตนไม่ได้อยู่ในตระกูลเดียวกับพวกเขาแล้ว

เซี่ยเหล่าเกินนึกมาถึงตรงนี้ดวงตาก็แดงก่ำอย่างควบคุมไม่อยู่ กล่าวเสียงสั่นว่า “เจ้าสาม พวกเราเป็นพ่อแม่ของเจ้านะ”

“พ่อแม่อย่างพวกท่าน ข้าไม่มีเสียยังดีกว่า” เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยวาจาทิ่มแทงอีกครั้ง

ทั้งยังกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ท่านพ่อ ท่านกลับไปเถอะ”

ลู่เจียวหยุดเตะเซี่ยต้าเฉียงแล้ว ตอนนี้เซี่ยต้าเฉียงปวดไปทั้งตัว เขากระเสือกกระสนลุกขึ้นมา คิดจะพุ่งไปทำร้ายลู่เจียวอีกอย่างไม่ยอมแพ้

ลู่เจียวแสยะยิ้มพลางมองเซี่ยต้าเฉียง เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายก็ขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าแตะต้องนางอีก

“พวกเรากลับกันเถอะ” เซี่ยเหล่าเกินเรียกลูกชาย

ครั้งนี้เขาก็ปวดใจเช่นกัน บุตรชายคนที่สามทำให้เขาผิดหวังจริงๆ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าบุตรชายจะอกตัญญูเช่นนี้ ตอนนั้นตัวเองไม่น่าปล่อยให้เขาได้ไปศึกษาเล่าเรียนเลย

เรียนจนกลายเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ให้เขาทำนาอยู่ที่บ้านอย่างสงบดีกว่า

เซี่ยเหล่าเกินเดินนำเซี่ยต้าเฉียงที่ยังคงกระฟัดกระเฟียดออกไป

หลังพวกเขาจากไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เผยสีหน้าหม่นหมอง บรรยากาศรอบตัวดูหดหู่เกินจะบรรยาย

ลู่เจียวเกลี้ยกล่อมเขาเสียงอ่อน “พอเถอะ เจ้าเพิ่งผ่าตัดมา อย่าคิดมากเกินไป ทำเช่นนั้นไม่ดีต่อการฟื้นฟูบาดแผล สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้ก็คือฟื้นฟูขา อย่าไปให้สนใจคนพวกนั้นเลย หากขาเจ้าไม่หายดี คนพวกนั้นก็ไม่มีใครคิดจะมารักและสงสารเจ้าหรอก คนที่รักเจ้าย่อมใส่ใจเจ้าเสมอไม่ว่าเจ้าจะเป็นเช่นไร ส่วนคนที่ไม่ไยดีเจ้าก็หวังแต่จะตักตวงผลประโยชน์จากเจ้าเท่านั้นเอง”

ลู่เจียวพูดจบก็ไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีก นางหันไปมองเอ้อร์เป่า แล้วถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

เดิมทีเอ้อร์เป่าไม่เป็นอะไร แต่เมื่อได้ยินลู่เจียวถาม ตาก็เริ่มแดง จากนั้นก็ร้องไห้โฮ “ท่านแม่ พวกเขาพูดถึงท่านไม่ดี ข้าก็เลยโมโหถึงได้ด่าเขากลับ”

ก่อนหน้านี้เขารับปากมารดาแล้วว่าจะไม่ด่าคน ผลปรากฏว่าอดทนไม่ไหว ด่าไปอีกแล้ว เขากลัวว่ามารดาจะโกรธ

ลู่เจียวลูบศีรษะเขาพลางกล่าวว่า “ครั้งนี้แม่จะไม่ลงโทษเจ้า แต่ครั้งหน้าห้ามเจ้าด่าคนอีก อย่างไรเสียคนผู้นั้นก็เป็นผู้อาวุโสของเจ้า หากเรื่องที่เจ้าด่าว่าผู้อาวุโสแพร่งพรายออกไป เช่นนั้นก็จะทำให้ชื่อเสียงของเจ้าแย่มากๆ”

“เห็นกันอยู่ว่าคนผู้นั้นเป็นคนไม่ดี เจ้ายังจะไปทำให้ตัวเองต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเขาอีกหรือ เป็นเช่นนี้มีแต่เจ้าที่เสียเปรียบ”

เอ้อร์เป่าฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ เพียงแต่เขาพอจะเข้าใจเรื่องหนึ่ง นั่นคือท่านแม่ไม่ได้โกรธที่เขาด่าท่านลุงใหญ่ครั้งนี้

ในที่สุดเอ้อร์เป่าก็โล่งใจแล้ว แต่ไม่ทันไรเขาก็เงยหน้ามองลู่เจียวอีกครั้ง “ท่านแม่ ทีแรกข้าอยากจะอุ้มขาของเขา จะทำให้เขาหกล้ม แต่ขาเขาใหญ่เกินไป ข้าเห็นแล้วรู้สึกว่าอุ้มไม่ไหว”

ลู่เจียวได้ฟังแล้วก็หัวเราะ

สิ่งที่นางสอนเด็กน้อยทั้งสี่ก่อนหน้านี้มีเพียงวิธีรับมือกับเด็กรุ่นเดียวกัน กระบวนท่านั้นใช้กับเซี่ยต้าเฉียงไม่ได้

ลู่เจียวยื่นมือมาบีบแก้มเล็กของเอ้อร์เป่าอย่างอดไม่ได้

“พอแล้ว เจ้าตัวเล็กเท่านี้ จะไปสู้ชนะท่านลุงใหญ่ได้อย่างไร ต่อให้ชนะได้ก็ห้ามสู้ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่”

“ต่อไปนี้เวลาเห็นเขา แค่อยู่ให้ห่างจากเขาก็พอแล้ว หากวันหลังเจ้าเจอผู้ใหญ่ที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เจ้าต้องอยู่ให้ไกลๆ หากหนีไม่พ้นก็คิดหาวิธีอื่น เอาเป็นว่าลงไม้ลงมือไม่ได้ ด่าก็ไม่ได้ เพราะด่าไปแล้วจะทำให้ชื่อเสียงของตัวเองไม่ดี เข้าใจไหม”

เจ้าตัวเล็กทั้งสี่ที่ล้อมนางอยู่ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง “พวกเราเข้าใจแล้ว ท่านแม่”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงหรี่ตามองลู่เจียว สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้สั่งสอนลูกๆ มีพฤติกรรมหลายอย่างที่แตกต่างจากคนปกติ แต่เมื่อเขาคิดอย่างถี่ถ้วนก็ไม่มีตรงไหนที่ยอมรับไม่ได้

ลู่เจียวยิ้มพลางลูบศีรษะแฝดสี่คนครู่หนึ่ง จากนั้นก็บอกพวกเขาว่า

“ไปอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อเถอะ แม่จะไปต้มโจ๊กแล้ว”

“รับทราบขอรับท่านแม่”

แฝดสี่โบกมือส่งนางออกไปอย่างชื่นมื่น เมื่อมีมารดาอยู่ พวกเขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

ขณะที่ลู่เจียวกับเถียนซื่อทำอาหารค่ำที่ห้องครัว นอกลานบ้านก็มีคนมาอีกไม่น้อย คนเหล่านี้ไม่ใช่คนในครอบครัวอื่นของตระกูลเซี่ย แต่เป็นชาวบ้านแซ่อื่นในหมู่บ้านเซี่ย ในจำนวนนั้นมีสกุลสวี่กับสกุลหลินด้วย

สวี่ตัวจินหายจากพิษงูแล้ว ไม่มีเหลือร่องรอยของอาการใดแม้แต่น้อย เดินเหินได้เหมือนปกติไม่มีผิด

เมื่อเขาเห็นลู่เจียว ก็กล่าวขอบคุณลู่เจียวด้วยความนับถือทันที

“ขอบคุณภรรยาอวิ๋นจิ่น”

“เป็นคนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ พวกเจ้ามาเยี่ยมอวิ๋นจิ่นสินะ” ลู่เจียวยิ้มอย่างสุภาพ

พูดจบก็เดินนำพวกเขาไปในเรือน คนสิบกว่าคนเดินตามนางเข้าไป แต่ละคนแอบชื่นชมในใจว่าตอนนี้ภรรยาอวิ๋นจิ่นราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ไม่ใช่แค่ผอมลง หรือดูดีขึ้นบ้างนิดหน่อย แต่ดูวิธีการจัดการเรื่องราวต่างๆ ของนางสิ ทั้งยังใจคอกว้างขวางมาก ไม่เหมือนภรรยาบ้านพวกเขา ที่พอมีแขกมาเยือนทีไร ถ้าไม่กลุ้มใจว่าในบ้านไม่มีอาหารพอไปรับรองแขก ก็จะลนลานจนไม่รู้ว่าจะรับแขกอย่างไร

ทว่าภรรยาอวิ๋นจิ่นกลับไม่เป็นเช่นนั้น หรือว่าอวิ๋นจิ่นสอนนาง ทุกคนลองคิดดูก็รู้สึกว่าใช่แน่ อวิ๋นจิ่นเป็นถึงซิ่วไฉหรืออั้นโส่ว[1]อะไรสักอย่างนี่ละ คนอย่างเขาจะต้องตั้งใจสั่งสอนภรรยาของตัวเองแน่นอน

ลู่เจียวไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังจะคิดเช่นนี้ นางพาคนเข้ามาในเรือนตะวันออก แล้วบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า

“อวิ๋นจิ่น พวกพี่ใหญ่สวี่มาเยี่ยมเจ้า”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยาชาบนขาหมดฤทธิ์ไปแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก

เมื่อลู่เจียวเห็นสภาพเขา คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่าจะให้เขากินยาแก้ปวดสักหน่อย

นางกล่าวขอตัวกับพวกสวี่ตัวจินแล้วเดินไปรินน้ำที่ห้องครัว จากนั้นแอบนำยาแก้ปวดเม็ดหนึ่งออกจากห้วงอากาศ แล้วเดินกลับไปที่เรือนตะวันออก

—————————————-

[1] อั้นโส่ว 案首 ผู้ที่สอบได้อันดับที่หนึ่งหรือสูงสุดในบรรดานักศึกษาหลิ่นเชิง และในบรรดานักศึกษาเชิงหยวนของการสอบราชการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท